29 พ.ย. 2023 เวลา 12:00 • การ์ตูน

Dandadan

ผมไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะได้มาเขียนอะไรแบบนี้ ส่วนใหญ่แล้วผมมักจะพูดถึงอนิเมะมากกว่ามังงะ แม้ว่าจะมีรายการมังงะที่ตามอ่านอยู่เป็นสิบ แต่ผมก็ถือว่ามันเป็นลิสต์ส่วนตัว เป็นงานอดิเรกที่ผมไม่ค่อยพูดถึงมากนัก แต่ล่าสุด ผมเห็นว่ามังงะซีรีส์เรื่องหนึ่งที่ผมประทับใจมากจะได้รับการดัดแปลงเป็นอนิเมะไม่นานนี้ ผมก็อดที่จะพูดถึงไม่ได้ เรื่องนั้นคือ ดันดาดัน (Dandadan)
ปกติแล้ว ผมมักจะไม่สนใจมังงะแนวโชเน็นเท่าไหร่นัก พวกเนื้อหาที่เกี่ยวกับโชเน็นหรือเน้นแนวต่อสู้ ผมมักจะให้เป็นเรื่องของอนิเมะ อาจจะเพราะว่าผมตามฉากต่อสู้ในมังงะไม่ค่อยรู้เรื่อง ดังนั้นผมจึงมักจะตามอ่านมังงะที่เป็นแนวโรแมนติก-คอมมีดี้มากกว่า แต่ก็ใช่ว่าจะไม่ตามมังงะโชเน็นเรื่องอะไร เช่น JJK หรือ Chainsaw Man และแน่นอน One Piece (แม้ว่าจะเว้นอ่านสามสี่เดือนครั้งก็ตาม)
คืนหนึ่ง ผมนั่งตามอ่านมังงะประจำสัปดาห์หลังจากไม่ได้ทำมานาน ผ่านไปเป็นชั่วโมง ผมเพิ่งอ่าน Chainsaw Man ตอนล่าสุดจบ และก็เกิดความรู้สึกแบบเดิม ๆ ทุกครั้งที่อ่าน Chainsaw Man ว่า “กูอ่านอะไรอยู่วะเนี่ย” มองดูนาฬิกา พบว่าดึกแล้วแต่ยังดึกไม่มากพอที่จะนอน เพราะหากนอนเวลานั้นจะตื่นมาอีกทีกลางดึก เนื่องจากร่างกายจำว่านอนเวลานั้นจะเท่ากับว่างีบเฉย ๆ ผมจึงหามังงะเรื่องอ่านลองอ่านดู
วอท?
มังงะเรื่องหนึ่งที่ผมได้ยินชื่อเสียงมานานมากแล้ว แต่ไม่มีโอกาสได้ลองอ่านสักที คือเรื่องดันดาดัน ดูจากเรื่องย่อแล้วผมน่าจะชอบเรื่องนี้ เพราะมีเรื่องภูตผีปีศาจ เหล่าโยไค สิ่งเหนือธรรมชาติ และตัวละครที่ออกแบบออกมาได้น่าติดตาม ซ้ำงานภาพวาดก็ชั้นยอดอีกด้วย ผมคิดในใจว่าทำไมผมถึงไม่ยอมเริ่มอ่านสักที อาจจะเป็นเพราะว่าผมหวง ประมาณว่า หากผมเริ่มอ่านอะไรแบบนี้แล้วผมจะหยุดไม่ได้และอ่านจนตอนล่าสุด ทำให้ไม่มีอะไรอ่านต่อ และไม่มีอะไรมาเติมเต็มความต้องการนั้นได้อีก
ผมเปิดดูรายการมังงะที่ผมตามอ่านอยู่ คิดในใจว่ามันเยอะมาก ๆ มีหลายรสชาติ มีบางเรื่องที่ผมยังอ่านไม่ถึงตอนล่าสุดสักที ผมคิดในใจว่า ยังไงก็มีมังงะหลายเรื่องที่พอจะเติมเต็มความอยากนั้นได้อยู่ งั้นลองเริ่มอ่านดันดาดันเลยก็แล้วกัน ยังไงมันก็มีอีกหลายตอนให้ตาม คงอ่านถึงตอนล่าสุดเร็ว ๆ นี้ไม่ทันอยู่แล้ว ผมจึงเริ่มอ่านตอนแรก สักพักก็อ่านตอนที่สอง ตอนที่สี่ ตอนที่แปด รู้ตัวอีกที เช้าแล้ว เสียงนกร้องนอกหน้าต่างดังขึ้น เสียงคนในบ้านตื่นนอนลงมาทำกาแฟ
ตายละ ชิบเป๋งละ วางไม่ลง นี่มันมังงะอะไรกันเนี่ย ทุกครั้งที่จบตอนหนึ่ง ผมคิดว่า อีกสักตอนก็ได้ พอเปิดอ่านสักพักก็เริ่ม Arc ใหม่ คาใจ เลยคิดว่า อ่านให้จบ Arc นี้ไปก่อนละกัน พวกตัวเอกจะแก้ไขปัญหานี้ยังไง พอจบ Arc ก็คิดว่าคงจะมี Downtime ให้พักหายใจหน่อย แต่มันไม่มี Downtime เลย พอจบเรื่องหนึ่ง อีกเรื่องหนึ่งเริ่มทันที มันรวดเร็วอย่างหยุดไม่อยู่
Dandadan
เนื้อเรื่องมันเจ๋งมาก แม้ว่าจะไม่ใช่อะไรที่ใหม่ กลุ่มนักเรียนประสบพบเจอกับสิ่งแปลกประหลาดและเหนือธรรมชาติ ทำให้ต้องต่อสู้กัน มันก็มังงะโชเน็นดี ๆ นี่เอง แต่เหตุผลที่กลุ่มตัวเอกจะต้องไปต่อสู้นั้นมันตลก แต่ก็เข้าใจได้อย่างบอกไม่ถูก ประมาณว่า หากเป็นแบบนั้น ผมเองก็คงจะต้องไปต่อสู้เหมือนกันละวะ อ่านแต่ละตอนแล้วผมหลุดปากพูดว่า “กูอ่านอะไรอยู่วะเนี่ย” มันคือประโยคเดียวกันกับที่ผมพูดตอนอ่าน Chainsaw Man ผมจึงไปหาว่าผู้เขียนเป็นใคร
ดันดาดันเป็นผมงานของทัตสึ ยูกิโนบุ อีกผลงานหนึ่งที่ผมเคยเห็น และอยู่ในลิสต์อยากอ่านของผมคือ Yamada Kiki Ippatsu ซึ่งไม่รู้ว่าเรื่องมันเกี่ยวกับอะไร แต่ผมชอบแนวการวาดภาพแบบนั้นมาก มารู้ที่หลังจากนั้นไม่นานว่า คุณทัตสึเคยเป็นผู้ช่วยของอาจารย์ฟูจิโมโตะ ทัตสีกิ เจ้าของผลงาน Chainsaw Man นั่นเอง ถึงว่า แม้ว่าแนวของเรื่องและอารมณ์ของเนื้อหาจะไม่ได้คล้ายกับงานของอาจารย์ฟูจิโมโตะ แต่มันให้ความรู้สึกแบบเดียวกัน
Yamada KiKi Ippatsu
อาจารย์ฟูจิโมโตะเป็นนักเขียนที่พิเศษมาก ๆ คนหนึ่ง ด้วยความแปลกประหลาดของเรื่องที่เขาเขียน เป็นการปฏิวัติวงการมังงะอย่างหนึ่ง เป็นนักเขียนมังงะที่ใช้สื่อมังงะออกมาได้อย่างมีประสิทธิภาพ นักเขียนอีกคนหนึ่งที่สามารถทำได้ เท่าที่ผมนึกออกตอนนี้เลย ก็คือ อาจารย์จุนจิ อิโตะ กล่าวคือ การใช้ข้อจำกัดของมังงะให้เกิดประโยชน์สูงสุด นั่นคือเรื่องการพลิกเปลี่ยนหน้า
ในงานของอาจารย์จุนจิ นอกจากภาพวาดที่น่าสยดสยองแล้ว เขายังสามารถใช้การเปลี่ยนหน้าให้เกิดประโยชน์ได้ ทำให้ผู้อ่านไม่รู้ว่า เมื่อพลิกหน้าแล้ว อะไรกำลังรออยู่หลังหน้ากระดาษบาง ๆ นั้น นั่นคือจุดเด่นของอาจารย์จุนจิ อาจารย์ฟูจิโมโตะใช้เทคนิกนี้ชั้นยอดเหมือนกัน แต่เพิ่มเติมเรื่องการใช้ช่องภาพที่ดูสิ้นเปลือง เพราะส่วนใหญ่เป็นช่องภาพวาดเปล่า ๆ ที่ไม่ได้มีบทพูดอะไร แต่เป็นการแสดงสีหน้าและอารมณ์ของตัวละครอย่างยอดเยี่ยม หนึ่งในเรื่องใช้เทคนิกนี้ได้ดีคือเรื่อง Look Back
Look Back หนึ่งในผลงานของฟูจิโมโตะ ทัตสึกิ
เป็นเรื่องที่น่าชื่นชม ที่ฟูจิโมโตะไม่เพียงแต่เป็นนักเขียนการ์ตูนที่ยอมเยี่ยมแล้ว ยังเป็นอาจารย์ที่ผลิตลูกศิษย์ชั้นคุณภาพอีกด้วย นอกจากอาจารย์ทัตสึ ผู้เขียนดันดาดันแล้ว อาจารย์คาคุ ยูจิ เจ้าของผลงานสุขาวดีอเวจี ก็เคยเป็นผู้ช่วยของอาจารย์ฟูจิโมโตะเหมือนกัน
แน่นอนว่า แม้ว่างานอย่างดันดาดันหรือสุขาวดีอเวจีจะไม่มีความคล้ายกับงานอย่าง Chainsaw Man เลย แต่มันก็สัมผัสได้ว่า ทั้งอาจารย์ทัตสึและอาจารย์คาคุได้รับอิทธิพลจากความบ้าบิ่นของอาจารย์ฟูจิโมโตะอย่างมาก โดยเฉพาะดันดาดัน ที่แม้ว่าจะมีลายเส้นไม่เหมือนกับความหยาบของอาจารย์ฟูจิโมโตะ แต่ก็มีกลิ่นอายความไร้สาระอย่างเข้าถึงได้ง่าย เสมือนว่าความต้องการและจุดมุ่งหมายของตัวละครนั้นเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้จริงในโลกแห่งความเป็นจริง แม้ว่าจะตัดเรื่องเหนือธรรมชาติออกไปแล้วก็ตาม
Hell's Paradise: Jigokuraku ผลงานของคาคุ ยูจิ
ปูพื้นมานานมากพอแล้ว มาพูดถึงดันดาดันดีกว่า ดันดาดันเป็นเรื่องราวที่เริ่มจากนักเรียนสองคน นั่นคือ อายาเสะ วัยรุ่นสาวที่เชื่อเรื่องภูติผีปีศาจและไม่เชื่อเรื่องมนุษย์ต่างดาว และโอคารุน เด็กหนุ่มที่เชื่อเรื่องมนุษยต่างดาวแต่ไม่เชื่อเรื่องภูติผีปีศาจ ท้าทายกันให้ไปในสถานที่ที่มีข่าวลือเรื่องภูตผีปีศาจและมนุษย์ต่างดาว และเรื่องราวกลับกลายเป็นว่า ทั้งสองอย่างนั้นมีอยู่จริง ๆ และทั้งคู่จะต้องเอาตัวรอดออกมาจากสถานการณ์นั้นให้ได้
Turbo Granny
แต่นั้นเป็นเพียงตอนแรกของดันดาดัน แม้ว่าทั้งสองจะรอดจากปัญหาเฉพาะหน้ามาได้แล้ว แต่กลายเป็นว่า อายาเสะมีพลังจิต และโอคารุนโดนผียายซิ่งสิง นอกจากนี้ โอคารุนพบว่าไอจ้อนของตัวเองโดนผียายซิ่งขโมยไป ทำให้ทั้งสองต้องทำภารกิจไปกู้คืนไอจ้อนของโอคารุน
มันเป็นโมทีฟ หรือจุดมุ่งหมายของตัวละครที่แปลกมาก ส่วนใหญ่แล้วมังงะโชเน็นจะเน้นเรื่องการกอบกู้โลก หรือการต่อสู้กับวายร้าย แต่ดันดาดันสร้างโมทีฟที่แตกต่างออกไป แต่เข้าใจได้ และอยากจะเอาใจช่วย ในฐานะผู้ชายคนหนึ่งเหมือนกัน เพราะหากชีวิตนี้ขาดไอจ้อน มันคงเป็นเรื่องที่ทำใจลำบากมากน่าดูครับ
ความเป็นชาย!!
ตอนแรกผมคิดว่าดันดาดันจะเป็นเรื่องที่ซีเรียสมาก เพราะดูจากลายเส้นที่ดูโคตรสวยและดูโคตรจะจริงจัง การออกแบบสัตว์ประหลาดและผีในเรื่องประกอบกับลายเส้นที่มีความละเอียดมาก ๆ แล้ว มันมีความสยองและน่ากลัวอย่างบอกไม่ถูก ซ้ำยังมีความเป็นจุนจิ อิโตะหน่อย ๆ ด้วย แต่กลายเป็นว่า เนื้อเรื่องนี้มันมีความตลกด้วย ทำให้ดันดาดันมีทั้งความตื่นเต้น มีการต่อสู้ด้วยพลังเหนือธรรมชาติ มีความตลกและฮาเป็นช่วง ๆ โดยอาศัยนิสัยใจคอและเคมีของตัวละคร และยังมีอิ่นอายโรแมนส์ด้วย
ดันดาดันมีครบทุกรส แม้ว่าการต่อสู้นั้นจะมีความตื่นเต้นและลุ้นระทึกอยู่หลายฉาก แต่ก็ไม่ทำให้เครียดจนเกินไป ตัวละครมีนิสัยแปลก ๆ ที่อยู่ร่วมกันแล้วมันตลกดี แม้ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ที่กดดัน ตัวละครต่าง ๆ นั้นก็ทำให้ผมอ่านไปยิ้มไปได้ตลอดเวลา แต่มันก็ไม่ได้ลดความสนุกหรือสะดุดจังหวะการเล่าเรื่องแต่อย่างใด
อย่าเข้าใจผิดครับ แม้ว่าเรื่องนี้ โดยส่วนตัวแล้วผมจะจัดว่าเป็นคอมมีดี้ส่วนหนึ่ง แต่มันมีจังหวะการเล่าเรื่องไม่ช้าเลย ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก ๆ จบเรื่องหนึ่งแล้วต่อด้วยอีกเรื่องหนึ่งโดยทันที ไม่มีเวลาให้พักหายใจ เรื่องราวดำเนินเร็วมากกว่าสปีดของผียายซิ่งเสียอีก และจังหวะการดำเนินเรื่องแบบนี้นั่นเองที่ทำให้ผมหาจังหวะวางมังงะเรื่องนี้ไม่ได้เลย
ผมชอบเล่าเรื่องราวมาก ๆ ผมคิดว่าส่วนหนึ่งของวิวัฒนาการของมนุษย์คือการบอกเล่าเรื่องราวกัน ผมคิดว่ามันเป็นสิ่งที่ติดตัวมนุษย์มาตั้งแต่โบราณ นั่นคือเหตุผลที่ผมชอบเรื่องราวที่วางออกมาและร้อยเรียงกันอย่างดี เช่น ซีรีส์โมโนกาตาริ แต่ส่วนสำคัญที่ทำให้เรื่องราวมีความหมายคือตัวละครของเรื่องนั้น และดันดาดันออกแบบและเขียนตัวละครออกมาได้อย่างดีเยี่ยม
ห้ะ?
ตอนแรกผมคิดว่าเรื่องนี้จะเกี่ยวข้องกับแค่สองตัวละครหลักที่กล่าวถึงไป นั่นคือ อายาเสะและโอคารุน แต่พออ่านไปเรื่อย ๆ แล้วผมว่า แคสต์ตัวละครเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ และแต่ละตัวละครมีนิสัยเฉพาะติดตัวที่ทำให้อดเอาใจช่วยไม่ได้ ซ้ำ แต่ละตัวละครก็มีเรื่องราวที่แต่ต่างกันออกไป ทำให้เข้าถึงได้ และเคมีของตัวละครนั้นน่าติดตาม ประหนึ่งว่าเหมือนนั่งดูพอตแคสต์กลุ่มเพื่อนนั่งเถียงกันรอบวงหมูกระทะ
เอ ผมพูดถึงเรื่อยลายเส้นหรือยัง น่าจะพูดถึงไปแล้ว เอ ผมพูดถึงเรื่องการออกแบบตัวละครหรือยัง ผมว่าผมพูดไปแล้ว และ เอ ผมพูดถึงเรื่องลายเส้นในการออกแบบตัวละครไปหรือยัง น่าจะพูดไปแล้ว แต่ผมจะพูดอีก อันนี้ส่วนตัวเลยครับ ผมชอบตัวละครอย่างโอคารุนและอายาเสะมากเป็นพิเศษ กล่าวคือ ผมชอบไดนามิกตัวละครแบบพระเอกเป็นอินโทรเวิรท และนางเอกเป็นเอ็กซ์โทรเวิร์ทนั่นเอง
ผมมีพื้นที่ในใจสำหรับตัวละครชายที่เข้าสังคมไม่เก่งหรือเป็นเนิร์ดเสมอครับ อาจจะเป็นเพราะผมเป็นแบบนั้น เลยรู้สึกเห็นใจตัวละครแบบนี้ แต่ดันดาดันไม่ได้สร้างตัวละครอย่างโอคารุนมาเหมือนกับตัวละครชายเนิร์ดทั่ว ๆ ไป ไม่ได้เข้าถึงประเด็นสังคมของตัวละครแบบนี้มากเกินไปจนน่ารำคาญ ดันดาดันยังถึงขนาดว่าละทิ้งประเด็นนั้นเลยด้วยซ้ำว่าเป็นเรื่องไม่สำคัญ เลิกพูดได้แล้วว่าตัวเองไม่มีเพื่อน เข้าสังคมไม่เก่ง นี่ไงตัวละครหญิงที่ยอมเป็นเพื่อนแก เพราะงั้นเลิกพูดเรื่องแบบนั้นได้แล้ว น่ารำคาญ
โอคารุนโดนสาปโดยผียายซิ่ง เลยสามารถแปลงร่างโดยใช้พลังของผียายซิ่งได้ เมื่อเขากลายร่างเป็นผียายซิ่ง บุคลิกของโอคารุนจะเปลี่ยนไปอย่างตลก จากเป็นเด็กชายที่ขี้อาย เขากลายเป็นหนุ่มเท่ซึมเศร้า บทพูดมันทำให้ผมขำทุกครั้งเลยครับ มากไปกว่านั้น แม้ว่าโอคารุนจะถูกนำเสนอเป็นเด็กชายที่คุยไม่เก่ง แต่พอได้คุยกับอายาเสะแล้วกลับคุยเก่งเชียว ผมว่ามันสมจริงดีครับ คนแบบนี้ภายนอกจะดูคุยไม่เก่งกับคนที่ไม่สนิท แต่พอสนิทกันแล้วกลายเป็นว่าพูดเยอะเชียว
เท่โคตร
นอกจากนี้ อันนี้ส่วนตัวอีกแล้วครับ อายาเสะเป็นตัวละครที่ผมแพ้มาก (555555) หลายคนอาจจะชอบตัวละครหญิงสายขี้อายหน่อย ๆ ผมมีข้อถกเถียงกับเพื่อนของผมคนหนึ่งที่ชอบเรื่องเจ้าสาวแฝดห้าเหมือนกัน แต่เถียงกันว่าใครคือ Best Girl แน่นอนว่า เพื่อนคนนั้นบอกว่าต้องมิกุแน่นอน สาวขี้อายที่สู้เพื่อตัวเองจะไม่น่ารักได้ยังไง ไอผมก็ยืนกรานว่า มันต้องนิโนะสิวะ สาวมั่นสายดุ ๆ หน่อย มีเสน่ห์ที่สุดในโลก จนตอนนี้เราสงบศึกด้วยการไม่ยกเรื่องนี้มาเถียงกันอีก
อายาเสะออกแบบออกมาเป็นเหมือนสาวเกว (ซึ่งก็คงเป็นสาวเกวจริง) แม้ว่าผมจะไม่ชอบสาวแนวนี้ตั้งแต่แรก เพียงแต่ชอบแนวเอ็กซ์โทรเวิร์ท (แต่คิดไปคิดมาคิตะกาวะ มารินจาก My Dress-up Darling ก็เป็นสาวเกว) ยังไงซะ ผมก็ชอบแนวอายาเสะจริง ๆ แนวไม่คิดอะไรมาก ไม่ขี้อายจนเกินเหตุแต่มีความซึน ๆ หน่อย ๆ พอน่ารัก ซ้ำยังโคตรจะเท่ อาจจะต้องใช้คำของ Spike Spiegel ว่า “I love the kind of woman that can kick my ass”
- Spike Spiegel ใน Cowboy Bebop
นอกจากนี้ ตัวละครอื่น ๆ ก็น่าเอาใจช่วย และอดเอ็นดูไม่ได้ อย่างเช่นผียายซิ่งที่แม้ว่จะเป็นอันตรายต่อเหล่าพวกตัวเอกก็ตาม แต่ก็มีเจตจนาในฐานะผีที่น่าเห็นอกเห็นใจ พอรู้เรื่องแล้วก็ไม่อยากให้ตัวละครแบบนี้ตายหายไปเฉย ๆ หรืออย่างคุณยายหมอผี ที่ไม่แน่ใจว่าเป็นคุณยายจริงแน่เหรอ ที่ฮาตลอดทุกครั้งที่ปรากฏตัว ซ้ำผมยังชอบตัวละครที่มีความเป็นอาจารย์หน่อย ๆ แต่ก็ไม่ได้ปรากฏตัวมาช่วยตัวเอกทุกครั้งที่ตัวเอกอยู่ในอันตราย เพียงแต่ให้คำแนะนำแล้วอยู่นิ่ง ๆ ประมาณโอชิโนะ เมเมะ
ตัวร้ายในดันดาดัน ก็เขียนออกมาได้ดี ไม่ใช่เพียงแต่สัตว์ประหลาดที่ตัวเอกจะต้องไปต่อสู้เอาเฉย ๆ แต่มีเรื่องราวเบื้องหลัง เช่นผียายซิ่ง หรือหลังจากนั้นไม่นานมีผีนักเต้น ที่มีเบื้องหลังน่าสงสารจนผมน้ำตาซึมหน่อย ๆ นอกจากนี้ ยังบอกเล่าเรื่องได้ดี โดยไม่ต้องใช้คำพูดสักคำก็ตามให้รู้สึกเห็นใจไปด้วยได้ หรือนอกจากนี้ เหล่ามนุษย์ต่างดาวที่แม้ว่าจะเป็นศัตรู แต่ก็ทำใจเกลียดไม่ลง อ่านไปแล้วรู้สึกว่า เราทุกคนเป็นเพื่อนกันไม่ได้เหรอ
Serponians
ตอนแรกผมคิดว่าดันดาดันจะเป็นโชเน็นทั่ว ๆ ไปที่มีแฟนเซอร์วิสเยอะ ๆ ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเหมือนกัน อาจจะเพราะตอนแรกนั้นมีเซอร์วิสหน่อย ๆ แต่อย่าเข้าใจผิดกันไป เรื่องนี้ฉากหวาดหวิวอยู่บ้าง แต่ไม่เยอะ และไม่ได้หนักหนาอะไร (ผมว่า หากอยากอ่านอะไรแบบนั้น ก็ไปหา Mato Seihei no Slave อ่านเถอะครับ ตอนแรกผมอ่านเอาเซอร์วิสเฉย ๆ แต่กลายว่าเนื้อเรื่องมันดีซะงั้น)
1
อย่างไรก็ตาม ดันดาดันประกาศทำเป็นอนิเมะแล้ว ตัวอย่างอนิเมะก็ออกมาให้รับชมแล้ว อนิเมะดันดาดันจะลงจอให้ได้รับชมกันปีหน้า และได้รับการดัดแปลงเป็นอนิเมะโดยค่าย Science Saru ซึ่งทำอนิเมะอย่าง Devilman: Crybaby, Tatami Galaxy และเร็ว ๆ นี้มี Scott Pilgrim Takes Off ซึ่งผมตื่นเต้นมากแต่ก็ยังไม่ได้ดูสักที ตัวอย่างอนิเมะดันดาดันทำออกมาน่าติดตามมาก ๆ และผมว่าอนิเมะดันดาดันสามารถขึ้นเป็นอนิเมะที่มีผู้ตั้งหน้าตั้งตาชมมากที่สุดของปีหน้าด้วย
Scott Pilgrim Takes Off
ดันดาดันเป็นมังงะที่มีชื่อเสียงมาก ผมเห็นว่ามีคนพูดถึงดันดาดันมากมาย แต่ไม่ค่อยเห็นว่ามีคนอ่าน ประมาณว่า คนพูดกันว่า ได้ยินว่าดันดาดันดีมาก แต่คนที่พูดมักจะยังไม่ได้อ่าน ผมเคยเป็นคนแบบนั้นเหมือนกัน แต่ตอนนี้ผมพูดได้เต็มปากว่า ดันดาดันเป็นมังงะที่ยอดเยี่ยม ทั้งเนื้อเรื่อง ตัวละคร ลายเส้น อารมณ์และความรู้สึกที่ครบทุกรส มันสามารถขึ้นเป็นมังงะประจำยุคสมัยหลังจาก Chainsaw Man ได้เลยครับ ถ้าถามว่ามังงะโชเน็นเรื่องใดที่ผมแนะนำ แน่นอนว่าต้องเป็นดันดาดันนี่แหละครับ
Dandadan Anime
ดังนั้น รออะไรกันอยู่ครับ อนิเมะประกาศทำแล้ว หากจะรออนิเมะอย่างเดียวผมก็ไม่ว่าอะไร แต่หากสนใจแม้แต่น้อย ผมแนะนำว่าไปลองหามาอ่านสักตอนครับ ผมติดตั้งแต่ตอนแรกเลย และผมไม่รออนิเมะออกด้วย แต่จะอ่านต่อไปเรื่อย ๆ ดันดาดันเป็นซีรีส์มังงะที่อยู่ใน Shounen Jump รายสัปดาห์ ไปหาอ่านดูครับผม!
เอาเป็นว่า ไปญี่ปุ่นครั้งนี้ ผมจะไปหามังงะดันดาดันเล่มแรกภาษาญี่ปุ่นซื้อเก็บไว้แน่นอน
โฆษณา