28 พ.ย. 2023 เวลา 11:27 • ดนตรี เพลง

[รีวิวอัลบั้ม] Hey Mom,Did You See Me In The Newspaper? - Dept >>> ป็อปที่แม่ต้องภูมิใจ

-เคยพูดถึงสั้นๆไปแล้วรอบนึง แต่ขอจัดรีวิวเต็มอีกซับรอบ เพราะนี่คืออัลบั้มเพียวอินดี้ป็อปที่ผมฟังบ่อยที่สุดในปีนี้ ความยาวที่ไม่สั้นไม่เวิ่นเว้อจนเกินไป การปล่อยซิงเกิ้ลที่พอประมาณ พอมีอะไรให้น่าค้นหาหน่อย แล้วพอค้นหาปุ๊บ ค้นพบในความเก่งกาจของพวกเขาที่สัมผัสป็อปแข็งแรงขึ้นทุกวัน นี่เป็นการตอกย้ำถึงความยอดนิยมที่มีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนสามารถมีคอนเสิร์ตใหญ่เป็นของตัวเอง
-ขอชมอีกซักรอบเกี่ยวกับชื่ออัลบั้มนี้ที่น่าเอ็นดูของลูกชายทั้งสองคนที่มีความบ้านๆ เรียบง่าย ชอบใส่เสื้อในกางเกง แต่จงใจให้หลงยุค การจะมาประกาศอะไรลงหนังสือพิมพ์แบบนี้เป็นคัลเจอร์ของคนยุค 90 สมัยนี้คุณแม่แทบจะไถ TikTok คล่องหมดทุกคนโดยไม่ง้อหนังสือพิมพ์แล้ว 😂 หรือไม่ก็แอบส่งรูปในกรุ๊ปไลน์เม้าท์ให้เพื่อนแม่ๆว่า “ลูกชั้นได้เป็นศิลปินแล้ว” อะไรประมาณนั้น
อย่างไรก็ดี ตั้งชื่อฟีลอนาล็อคแบบนี้เป็นการรักษาตีมที่พวกเขากำลังจะเสิร์ฟให้คนฟัง และลบภาพจำซินธ์ป็อปเดิมๆไม่ให้เป็นการซ้ำรอยจนเกินไป สู่ไดเร็คชั่นใหม่ที่น่ารื่นรมย์อยู่ไม่น้อย
-ถึงแม้ว่าตีมจะมาทรงอนาล็อคและหลบความเป็นซินธ์ป็อปเดิมๆ แต่ก็ไม่ทำให้ท่วงทำนองฟังดู cliche ต่อให้แช่มช้าก็ไม่เนิบนาบน่าเบื่อจนเกินไป มีไฮไลต์บางอย่างซุกซ่อนอยู่บางๆ เนื่องด้วย mindset ของความเป็นคนยุคดิจิตอลของแทร่ด้วยส่วนนึง โดยเฉพาะการนำเสนอให้ดูรวบรัดกระชับขึ้น 11 เพลงใช้เวลาไม่ถึง 40 นาที และภาษาที่ใช้เนี่ยโคตรจะดิจิตอลเลยฮะ
-ยกตัวอย่างเช่นเพลงที่ผมชอบมากที่สุดซึ่งเป็นซิงเกิ้ลด้วยอย่าง #รบกวน นี่มันเพลงแอบรักยุคดิจิตอลชัดๆ ประหนึ่งว่า ครั้งนึงเคยแอบส่องตามติด IG Story สาวอยู่เป็นแน่นแท้ เผือกจนรู้ไปหมดว่า เค้าไปกับใคร สงสัยไปเรื่อย
จังหวะดุ่มๆ การร้องแบบบ่น การใช้ “เอ๊ะ” บ่งบอกถึงความติ๊ต่างประหนึ่งตัวละครในหนังซิทคอม รวมไปถึงซาวนด์ดีไซน์ที่ช่วยให้เพลงออกมาได้โคตรน่ารัก ไม่โรคจิตเกินไป เป็นไอ้หนุ่มไนซ์กายที่มัวแต่รอสัญญาณจากหมายเลขที่คุณเรียก ไม่กล้าบอกเค้าตรงๆนั่นแหละ ไม่พูดถึงไม่ได้เลยคือโซโล่กีตาร์ที่เข้มข้นได้โดยไม่โฉ่งฉ่างจนกลบมวลรวมของเพลง รวมๆแล้วเป็นเพลงฟีลกู๊ดที่ตรงจริตยิ่งนัก
#ฟ้ามืดทีไร เพลงนี้น่าจะเป็นตัวอย่างแห่งการเสพคอนเทนท์จากเพจสายอีโมทั้งหลาย ถ่ายรูปท้องฟ้าแล้วเอามาตั้งสเตตัสพรรณนาความรู้สึก เป็นเพลงเนิบช้าที่แลดูกลมกล่อม เพิ่มเติมด้วยความรู้สึกเว้าวอนที่รุนแรงกว่า ในขณะที่ #ประกาศให้โลกได้รู้ ซิงเกิ้ลแรกมาในทรงคนคลั่งรักที่ประกาศ In Relationship ลงเฟสบุ๊ค เผลอๆจะลงรูปมือจับกับแฟนเลยด้วยซ้ำ มีความรอยต่อจากเพลง 17 พอสมควร
-เหล่าเพลงที่เป็น unreleased singles ต่างก็มีความไพเราะด้วยคาแรคเตอร์ที่ต่างกันออกไป I Feel Something Like That เป็นตัวแทนคาแรคเตอร์ความเสี่ยวที่ได้จารย์ Ruzzy TATTOO COLOUR มาทั้งร่วมร้องและดีไซน์ไลน์กีตาร์ด้วยลายเซ็นต์ที่ชัดเจนมากๆ #ลุกมา เสริมสร้างกำลังใจที่ไม่เน้นการออกมาเต้นแบบพี่ติ๊ก ชีโร่ แต่มาในจังหวะ mid-tempo ที่คึกคักพอให้จับคู่เต้นแบบในหนัง La La Land #อยากเจอจะทนไม่ไหว เป็นเพลงที่ผม repeat ตั้งแต่แรกฟัง เป็นป็อปแจ๊สที่หนักแน่น ฟีลคนรออย่างมีความหวัง แต่ลึกๆก็ไม่อยากรอนานหรอก
#อนุบาล ให้อารมณ์คิดถึงเพื่อนเก่าในสมัยเรียนที่อยู่ดีๆก็กลับไปเปิดหนังสือรุ่น เป็นอคลูสติคกีตาร์ไฟฟ้าที่มาแบบสั้นๆประหนึ่ง interlude แต่ใส่หัวใจลงไปอย่างเต็มอิ่มโดยไม่ต้องยืด 3-4 นาที เพลงรักที่โตหน่อยคงจะเป็น #ที่ข้างๆฉัน bedroom pop มีความสวีทแบบส่วนตัว หรือไม่ก็เป็นตัวแทนของคนที่ชอบส่งข้อความ “ฝันดีนะ” ให้สาวแทบทุกคืน
-ถัดมาพอเข้าสู่เพลง #ถ้ารู้ว่าจะหายไป ซิงเกิ้ลที่ตอนแรกฟังนั้นผมไม่ชินกับ Dept สไตล์บัลลาดแบบนี้เลย พอมาอยู่ในอัลบั้ม ถ้ามองในมุมสตอรี่ในอัลบั้ม เพลงนี้กลับทำงานในแง่แห่งการวกกลับสู่โลกแห่งความจริง จากที่เคยดี๊ด๊ามองอะไรอย่างสดใสโดยตลอด กลับกลายเป็นการยอมรับความเศร้าจากการสูญเสียอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ประหนึ่งความรักวัยใสที่ถูกปูทางมาตลอดทางช่างแสนสั้นเหลือเกิน
แรงบันดาลใจจริงๆของเพลงนี้มาจาก เพื่อนของเบนซ์ในสมัยมหาวิทยาลัยที่ได้เสียชีวิตเนื่องด้วยโรคภัย ถือเป็นเพลงบัลลาดที่ไม่ต้องเล่นใหญ่ชนิดเค้นลูกคอสายดีโว่ แต่เล่นใหญ่ในภาคดนตรีที่แกรนด์ขึ้นด้วยบทบาทเครื่องสายที่น่าจะมาเป็นชาวคณะ และการสาดกีตาร์ไฟฟ้าสไตล์ Post ตามแบบฉบับของคู่หู เป็นการขยี้ความเศร้าให้หนักกว่าเดิม กลายเป็นว่าผมไม่อาจประเมินค่าเพลงนี้ต่ำได้เลย
-ปิดท้ายด้วย 665 ที่มีกิมมิคแห่งการสลับหน้าที่ให้หนุ่มลุค ทาวน์เซน ออกมาถ่ายทอดเพลงสั้น one man show อคลูสติคคีย์บอร์ดที่แสนอบอุ่น คลายเหงาให้คนฟังเป็นการส่งท้าย โดยสตอรี่ของเพลงได้แรงบันดาลใจตอนที่พวกเขาได้ไปเดินงานพรมแดงแล้วรู้สึกว่า นี่ไม่ใช่ที่ของพวกเขาเลยทำให้พวกเขาไม่ใช่ตัวเอง ในความเหงาดังกล่าวทำให้ลุคตัดสินใจโทรไปหาเพื่อนสนิทเพื่อปรับทุกข์ จนเป็นที่มาของเนื้อเพลง โดยเลือกเล่าเป็นตัวละครหญิงที่รู้สึกเปล่าเปลี่ยวหลังงานปาร์ตี้นั่นเอง
-เมื่อเทียบกับ Ceramics Runway เดบิวต์อัลบั้มแรกอาจจะเป็นหลักฐานแห่งการเป็นวง Thai Indie ที่ทำเพลงได้อย่างไพเราะแถมหวือหวาก็ได้ด้วย แต่ถ้าว่ากันตามตรง อัลบั้มนั้นเหมือนรวมเพลงที่พวกเขาปล่อยกันมาก่อนหน้านั้นแหละ โดยมี unrelease singles แค่ไม่กี่เพลงเท่านั้น ซึ่งยังพิสูจน์อะไรไม่ได้ในแง่ของการเฉิดฉายศักยภาพการรังสรรค์ผลงานอันเป็นกลุ่มเป็นก้อนมากเท่าไหร่นัก
-แต่อัลบั้มชุดที่ 2 พวกเขาเป็นได้มากกว่า hitmaker แต่เป็นนักเล่าเรื่องที่ทะนุถนอมสตอรี่ได้อย่างแนบเนียน ถ้าดูการลำดับความตั้งแต่ต้นม้วนยันปลายม้วน เราจะค้นพบกับสตอรี่ความรักที่ขยับความเป็นเด็กน้อยสู่จุดแห่ง coming of age ระลึกอะไรได้บางอย่างเพื่อที่จะก้าวข้ามสู่การมองโลกแห่งความเป็นจริงมากขึ้น
และยังไม่ลืมที่จะทิ้งความหวังเพื่อการมูฟออนที่เติบโตขึ้นไปอีกระดับ อาจพูดได้ว่าความหวือหวาที่ผ่านมาคงเป็นเหมือนเครื่องประดับให้แลดูคูล แต่ก็คงไร้ความหมาย หากมองข้ามความอ่อนโยนเสียจนทิ้งคนฟังให้ไกลห่างจนไม่เข้าถึงเสียเอง
เนี่ยแหละที่ทำให้อัลบั้มนี้โคตรน่ารัก
Give 8/10
Thx 4 Readin’
See Y’all
โฆษณา