30 พ.ย. 2023 เวลา 10:20 • หุ้น & เศรษฐกิจ

ซื้อกองทุน ThaiESG เท่าไหร่ดี? ให้ประหยัดภาษีคุ้มสุด

หากคำนวณตามเงื่อนไขรายได้ เราจะสามารถซื้อกองทุน ThaiESG หรือ ‘กองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน’ ในแต่ละช่วงรายได้ ดังนี้
เงินเดือน 15,000 บาท รายได้รวมทั้งปี 180,000 บาท ซื้อ ThaiESG ได้สูงสุด 54,000 บาท
เงินเดือน 20,000 บาท รายได้รวมทั้งปี 240,000 บาท ซื้อ ThaiESG ได้สูงสุด 72,000 บาท
เงินเดือน 25,000 บาท รายได้รวมทั้งปี 300,000 บาท ซื้อ ThaiESG ได้สูงสุด 90,000 บาท
เงินเดือน 35,000 บาท รายได้รวมทั้งปี 420,000 บาท ซื้อ ThaiESG ได้สูงสุด 100,000 บาท
เงินเดือน 50,000 บาท รายได้รวมทั้งปี 600,000 บาท ซื้อ ThaiESG ได้สูงสุด 100,000 บาท
เงินเดือน 100,000 บาท รายได้รวมทั้งปี 1,200,000 บาท ซื้อ ThaiESG ได้สูงสุด 100,000 บาท
เงินเดือน 500,000 บาท รายได้รวมทั้งปี 6,000,000 บาท ซื้อ ThaiESG ได้สูงสุด 100,000 บาท
(หมายเหตุ: วงเงินลดหย่อนของ ThaiESG จะไม่นับรวมกับกองทุนการออมเพื่อการเกษียณอายุอื่น ๆ)
วิธีวางแผนลงทุน ThaiESG ให้ประหยัดภาษีแบบคุ้มค่า
ตัวเลขข้างต้นนั้นเป็นจำนวนเงินสูงสุดที่เราสามารถลงทุนได้ แต่ถ้าอยากรู้ว่าควรซื้อกี่บาทถึงจะเหมาะสมและพอดีกับการวางแผนภาษี สิ่งที่ต้องทำก็คือการคำนวณเงินได้สุทธิเพื่อหาฐานภาษีตามขั้นบันได
โดยใช้สูตร เงินได้สุทธิ = รายได้ทั้งปี – ค่าใช้จ่าย – ค่าลดหย่อน
ตัวอย่างเช่น: เราเป็นพนักงานออฟฟิศ รายได้ต่อเดือน 50,000 บาท รวมเป็นรายได้ต่อปี 600,000 บาท
จากนั้นให้นำไปหักค่าใช้จ่ายส่วนตัว 100,000 บาท (รายได้ประจำสามารถหักค่าใช้จ่ายได้ 50% ไม่เกิน 100,000 บาท) และหักค่าลดหย่อนต่าง ๆ ที่มี ซึ่งพื้นฐานเลยก็อย่างเช่น ค่าลดหย่อนส่วนตัว 60,000 บาท ประกันสังคม 9,000 บาท เป็นต้น
คิดตามนี้ แปลว่าเงินได้สุทธิ เท่ากับ 600,000 – 100,000 – 60,000 – 9,000 = 431,000 บาท
แล้วค่อยนำเงินได้สุทธิจำนวนนี้ไปคำนวณตามเงื่อนไขของ ThaiESG ที่ลงทุนได้สูงสุด 30% และไม่เกิน 100,000 บาท ซึ่งในกรณีนี้เราจะลงทุนได้เต็มแม็กที่จำนวน 100,000 บาท
อย่างไรก็ดี แม้การซื้อกองทุนลดหย่อนภาษีให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ จะช่วยเปลี่ยนภาษีที่ต้องจ่ายเป็นเงินออมได้มากเท่านั้น และยังตอบโจทย์เป้าหมายการเงินในระยะยาว แต่อย่าลืมพิจารณาปัจจัยอื่น ๆ ในชีวิตควบคู่กันไปด้วย อาทิ
1. สภาพคล่องทางการเงิน: ถ้าลงทุนแล้วจะทำให้เงินขาดมือ หรืออาจเกิดปัญหาทางการเงินตามมาหรือไม่ เพราะอย่าลืมว่า ThaiESG รวมทั้ง SSF RMF เป็นการลงทุนระยะยาวในการรอคอย
2. ผลตอบแทนและความเสี่ยงที่รับได้: ควรเลือกลงทุนให้เหมาะสมกับตัวเอง ถ้ารู้ตัวว่ารับความเสี่ยงจาก ThaiESG ไม่ได้ การมองหาตัวช่วยลดหย่อนภาษีอื่น ๆ น่าจะเหมาะกว่า
3. ฐานภาษีของตัวเอง: ยิ่งฐานภาษีสูง การลดหย่อนยิ่งจำเป็นและคุ้มค่า แต่ถ้าไม่ได้มีกระแสเงินสดที่เพียงพอขนาดนั้น แนะนำให้ซื้อเพื่อลดฐานภาษีตัวเองลงก็ได้ เช่น ตอนนี้เสียภาษีที่ฐาน 15% เราก็ซื้อ ThaiESG เพื่อให้ฐานภาษีเหลือ 10% เพื่อจะได้จ่ายภาษีเบาลง
สุดท้ายนี้ FINNOMENA FUNDS สรุปออกมาเป็นตารางให้เห็นภาพชัด ๆ ว่าเราสามารถซื้อ SSF-RMF ควบคู่กับ ThaiESG ได้เท่าไหร่ แบบเต็มแม็ก โดยคิดจากเงินได้สุทธิ พร้อมเปรียบเทียบกับฐานภาษีในแต่ละช่วง เพื่อให้ทุกคนนำไปวางแผนต่อได้ง่ายยิ่งขึ้น
อ่านเพิ่มเติมที่ https://finno.me/buy-thaiesg-bd
"รับบริการผู้แนะนำการลงทุนกองภาษีส่วนตัวจาก FINNOMENA ฟรี! ไม่มีค่าใช้จ่าย
👉 ลงทะเบียน คลิก >>> https://finno.me/taxplanner-bd"
โฆษณา