ย้อนอดีต ทำไมลิเวอร์พูลต้องล่าอลิสซอนด้วยสถิติโลก
เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เคยกล่าวประโยคคลาสสิคเอาไว้ว่า "ผู้รักษาประตูชั้นดี 1 คน จะทำให้สโมสรได้คะแนนเพิ่ม 10 แต้มต่อฤดูกาล"
ในเกมฟุตบอลนั้น ต่อให้คุณยิงประตูได้เยอะขนาดไหน ถ้าเสียประตูง่ายดาย มันไม่มีทางชนะคู่แข่งได้อยู่แล้ว
ความหมายคือ ถ้าคุณอยากได้แชมป์อะไรสักอย่าง คุณต้องหาผู้รักษาประตูระดับท็อปมาอยู่ในทีมให้ได้ จะเสียเงินเท่าไหร่ก็ต้องยอม
สำหรับลิเวอร์พูลในฤดูกาล 2017-18 ทีมมีองค์ประกอบที่เกือบลงตัวแล้ว แบ็กโฟร์ 4 คน มี เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, เดยัน ลอฟเรน, เวอร์จิล ฟาน ไดค์, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ซึ่งก็ไม่ต่างอะไรกับยุคปัจจุบัน
กองกลางมี เจมส์ มิลเนอร์, จินี่ ไวจ์นัลดุม, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน สำรองเอ็มเร่ ชาน ก็ถือว่ามีคุณภาพมากพอ ถ้าบวกฟาบินโญ่เข้าไป ก็เป็นชุดแชมป์พรีเมียร์ลีกแล้ว
กองหน้า คือ SMF ซาลาห์-มาเน่-ฟีร์มีโน่ สามประสานบรรลัยกัลป์ ที่ทำลายคู่แข่งให้ราบเป็นหน้ากลอง
จะเห็นว่าแต่ละตำแหน่ง ถือว่าโอเคมาก ยกเว้นเพียงตำแหน่งเดียวที่หงส์แดง ไม่มีนักเตะเกรดเอ นั่นคือผู้รักษาประตู
คล็อปป์ใช้สองคนสลับกัน คือ ซิมง มิโญเลต์ ที่เป็นนายทวารเกรดบี ส่วนอีกคนคือลอริส คาริอุส ที่ไม่เคยมีประสบการณ์กับทีมใหญ่ ส่วนมือสามเป็นแดนนี่ วอร์ด
ในฤดูกาล 2017-2018 ด้วยความที่โครงสร้างทีมค่อนข้างดี ทำให้ลิเวอร์พูลเข้ารอบแชมเปี้ยนส์ลีก มาได้เรื่อยๆ จนถึงรอบชิงชนะเลิศกับเรอัล มาดริด
จริงๆ เกมที่เคียฟ ก็สู้กันได้สูสี ครึ่งแรกจบ 0-0 แต่ครึ่งหลังจุดแตกต่างคือ "ความเหวอ" ของโลริส คาริอุส ที่ขว้างบอลไปเข้าเท้าคาริม เบนเซม่า โดนยิงดื้อๆ ให้มาดริดนำ 1-0
ลิเวอร์พูลอุตส่าห์ตีเสมอได้ 1-1 จากซาดิโอ มาเน่ แต่ตัวสำรองแกเร็ธ เบล โอเวอร์เฮดคิก ให้มาดริดขึ้นนำอีกรอบเป็น 2-1
การตามแค่ลูกเดียว หงส์แดงยังมีหวัง แต่คาริอุสก็เหวออีก เมื่อรับลูกยิงไกลของเบลไม่อยู่ ลูกปลิ้นทะลักเข้าโกล์ไปเฉยเลย ในนาทีที่ 83 ทำให้มาดริดนำ 3-1 และเกมก็โอเวอร์ด้วยสกอร์นี้ ลิเวอร์พูลไม่มีทางคัมแบ็กกลับมาได้แล้ว
แน่นอน ความผิดพลาดของคาริอุส อาจเกี่ยวข้องกับอาการ Concussion ตามที่เขากล่าวอ้าง แต่รวมๆ แล้ว คาริอุสก็ไม่ใช่นายทวารที่สามารถเชื่อถือได้ในระยะยาวอยู่ดี เขาไม่สามารถแบกรับความหวังของทีมได้
หลังจบแชมเปี้ยนส์ลีกนัดชิง วันที่ 26 พฤษภาคม 2018 ลิเวอร์พูลไม่รอช้า เดินหน้าหาผู้รักษาประตูคนใหม่ทันที
4 มิถุนายน 2018 หนึ่งวีกหลังจากความผิดพลาดของคาริอุส สื่อบราซิล UOL รายงานว่า ลิเวอร์พูลเข้าไปคุยกับเอเยนต์ของอลิสซอน หลังเกมอุ่นเครื่อง ที่บราซิล เจอโครเอเชีย ซึ่งเตะที่แอนฟิลด์
ตอนนั้น การทาบทามกันด้วยปากเปล่าเกิดขึ้นแล้ว จากนั้นวันที่ 7 มิถุนายน โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ ให้สัมภาษณ์ว่า "อลิสซอน ถามผมเกี่ยวกับลิเวอร์พูล และผมก็หวังว่าเขาจะได้ย้ายมาที่นี่นะ แต่ผมก็รู้ว่าเขามีข้อเสนอจากทีมอื่นอยู่เหมือนกัน"
ความยากของดีลนี้ คือต้นสังกัด โรม่า ตั้งค่าตัวของอลิสซอนไว้สูงมหาศาลถึง 75 ล้านยูโร (66.9 ล้านปอนด์) ซึ่งเป็นราคาสถิติโลกของผู้รักษาประตู
สถิติโลกเดิมของผู้รักษาประตูของเดิม ถูกทำไว้โดยจานลุยจิ บุฟฟ่อน ที่ย้ายจากปาร์ม่าไปยูเวนตุสในปี 2001 ด้วยค่าตัว 53 ล้านยูโร คือโรม่าถ้าจะขายก็ต้องได้เงินมากกว่าที่ปาร์ม่าได้จากบุฟฟ่อนเยอะๆ เลย
17 กรกฎาคม 2018 ลิเวอร์พูลยื่นข้อเสนอครั้งแรกให้โรม่า ด้วยตัวเลข 70 ล้านยูโร ซึ่งก็เป็นตัวเลขที่สูงมากแล้ว เป็นสถิติของผู้รักษาประตู ฝั่งลิเวอร์พูลคิดว่าโรม่าควรจะพอใจ
แต่ปัญหาคือ โรม่าเคยพลาดขายโมฮาเหม็ด ซาลาห์ ให้ลิเวอร์พูลในปี 2017 ด้วยราคาที่ถูกกว่าที่ควรจะเป็น คือ 39 ล้านยูโร ดังนั้นคราวนี้พวกเขาไม่พลาดอีกแล้ว ไม่ยอมลดราคาให้หงส์แดงในดีลของอลิสซอน
โรม่ายืนยันว่าลิเวอร์พูลต้องจ่ายตัวเลขที่ต้องการ คือ 75 ล้านยูโร ถึงจะยอมปล่อยตัว
ณ เวลานั้น ทั้งสองทีมก็ยื้อยุดกันอยู่ จนมีตัวแปรสำคัญนั่นคือ เชลซี
ธีโบต์ กูร์ตัวส์ นายทวารมือหนึ่งของเชลซี ตัดสินใจว่าจะย้ายทีมไปเรอัล มาดริด โดยนักเตะเล่นเกมบีบสโมสร ด้วยการไม่ยอมมาซ้อมช่วงปรีซีซั่น ทำทุกอย่างให้แฟนบอลเกลียด ผู้บริหารจะได้ปล่อยตัวทิ้งไปไวๆ
เชลซี ไม่มีทางเลือก พวกเขาจะดองกูร์ตัวส์ไปตลอดก็ได้จนหมดสัญญา แต่สุดท้ายโรมัน อบราโมวิช ตัดสินใจขายทิ้ง เก็บคนไม่มีใจไว้ก็เปล่าประโยชน์ สู้ไปเอาเงินก้อนมาจากเรอัล มาดริดดีกว่า
เมื่อเชลซีเตรียมขายกูร์ตัวส์ ก็ต้องหาตัวแทนอย่างเร่งด่วน และนายทวารเบอร์หนึ่งในตลาด ที่พร้อมจะย้ายได้ ก็ต้องนึกถึงอลิสซอน เบ็คเกอร์เป็นคนแรก
นั่นทำให้เชลซี ยื่นข้อเสนอไปให้โรม่าพิจารณา ซึ่งเมื่อมีคู่แข่งปั๊บ ทำให้ลิเวอร์พูลเปลี่ยนท่าที ยื่นข้อเสนอรอบใหม่ ด้วยตัวเลข 75 ล้านยูโรที่โรม่าต้องการ ไม่มาดึงเช็งอะไรกันอีกแล้ว ถ้าหากอลิสซอนไม่ยอมย้าย ทีมจะเสียหายกว่าเยอะ
เมื่อมีข้อเสนอจากสองทีม ตอนนี้เหลือแค่ว่า อลิสซอนจะเลือกใคร ระหว่างลิเวอร์พูลกับเชลซี
แต่สุดท้ายเขาเลือกลิเวอร์พูล โดยให้เหตุผล 3 ข้อ
ข้อแรกเพราะไม่กี่เดือนก่อนหน้านี้ อลิสซอน ได้ลงเล่นให้โรม่า เจอลิเวอร์พูลที่แอนฟิลด์ และได้สัมผัสถึงประสบการณ์ยิ่งใหญ่ในยูโรเปี้ยนไนท์ อลิสซอนกล่าวว่า "ในฐานะคู่แข่ง ผมบอกความรู้สึกเวลามาเยือนสนามแอนฟิลด์ได้ในคำเดียว นั่นคือสยดสยอง (horrible) แอนฟิลด์เป็นสนามที่เหลือเชื่อมาก แฟนบอลรวมตัวกันส่งเสียงดังลั่น พวกเขาคึกคักตลอดเกม จริงๆ ผมได้ข้อเสนอจากเชลซีเหมือนกันนะ แต่ประสบการณ์ที่แอนฟิลด์วันนั้น ทำให้ผมตื่นเต้นที่จะได้เล่นให้ลิเวอร์พูลมากกว่า"
ข้อสอง คือ เจอร์เก้น คล็อปป์ "เจอร์เก้น เป็นคนที่ยอดเยี่ยมมาก เป็นหนึ่งในโค้ชที่เก่งที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอล เขาเป็นผู้ชายที่ทำให้คุณสบายใจเมื่ออยู่ใกล้"
และข้อสามคือ โอกาสไปถึงแชมป์ยุโรป ณ เวลานั้น ลิเวอร์พูลได้เล่นในแชมเปี้ยนส์ลีก ส่วนเชลซีได้ไปเล่นแค่ยูโรป้าลีก คิดตามคอมม่อนเซนส์ ถ้าย้ายไปลิเวอร์พูลก็ได้ลุ้นถ้วยใหญ่ทันทีเลย ไม่ต้องรอ "ผมเลือกลิเวอร์พูล เหตุผลเดียวกับที่ผมเลือกโรม่า นั่นคือมันเป็นการย้ายทีมที่ถูกต้องที่สุดสำหรับอาชีพของผม"
"เชลซี เพิ่งเปลี่ยนผู้จัดการทีม และพวกเขาไม่ได้เล่นในแชมเปี้ยนส์ลีกด้วย ส่วนลิเวอร์พูล เป็นทีมที่ผมชื่นชมมาตลอด นี่คือสโมสรที่ได้แชมป์ยุโรป 5 สมัย และผมก็ต้องการจะเป็นส่วนหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์ของสโมสรด้วย"
สามเหตุผลรวมกัน ทำให้อลิสซอน ตัดสินใจจ่ายเงิน 75 ล้านยูโร ซึ่งตัวอลิสซอน มาเสริมทัพในที่สุด
ถ้านับดูแล้ว ลิเวอร์พูลใช้เวลาทั้งสิ้น 53 วันเท่านั้น ตั้งแต่พ่ายแพ้ในแชมเปี้ยนส์ลีกนัดชิงที่เคียฟ คือไม่ต้องคิดนาน โละเอาคนไว้ใจไม่ได้ออก แล้วเอานายทวารราคาสถิติโลกมาแทนที่
คิดเร็ว ทำเร็ว ซื้อเร็ว เมื่อเห็นๆ ว่านายทวารที่คุณมีมันไม่ดีพอ แล้วจะรออะไร ก็ซื้อเลยสิ
อย่างไรก็ตาม อลิสซอน ได้ถือสถิติโลกอยู่แค่ 3 สัปดาห์เท่านั้นก็ถูกทำลายสถิติลง เมื่อเชลซีที่พลาดได้ตัวอลิสซอน และเสียกูร์ตัวส์ให้เรอัล มาดริด ต้องหาตัวแทนอย่างเร่งด่วน จึงไปคว้าตัวเคป้า อาร์ริซาบาลาก้า มาจากแอธเลติก บิลเบา ด้วยค่าตัว 80 ล้านยูโร
ตอนนั้นเชลซีเองก็ไม่มีชอยส์อื่นอีกแล้ว เจอบิลเบาโก่งราคาเท่าไหร่ก็ต้องยอม ซึ่งเรื่องสถิติโลกที่โดนแซงไป กลับเป็นผลดีกับอลิสซอนในภายหลัง เพราะเมื่อเขาไม่ต้องแบกรับคำว่า "นายทวารสถิติโลก" จึงเล่นได้อย่างสบายใจขึ้น ลดความกดดันลงไป กลายเป็นเคป้า ที่ต้องแบกความกดดันตรงนั้นแทน
เมื่อหงส์แดงได้อลิสซอน คำถามเรื่องนายทวารก็จบสิ้นลงอย่างสิ้นเชิง ไม่ต้องมาเถียงกันอีกแล้ว ว่าจะเป็นซิมง มิโญเลต์ หรือ โลริส คาริอุส ทุกคนยอมรับโดยดุษฎีว่า ต้องเป็นอลิสซอน เบ็คเกอร์คนเดียวเท่านั้น
ในฤดูกาลแรกของอลิสซอน 2018-19 เขาเป็นผู้เล่นเพียงคนเดียว ที่เล่นทุกนัดทุกนาที ทั้งในพรีเมียร์ลีก และ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ลงสนามมากกว่าทั้งฟาน ไดค์ และ ซาลาห์ ด้วยซ้ำ คือคล็อปป์ใช้งานให้คุ้มสุดๆ ไปเลย
อลิสซอนทำให้แนวรับสมดุลขึ้น ฟูลแบ็กสองข้างกล้าลุยเต็มที่ เพราะรู้ว่ามีผู้รักษาประตูที่ไว้ใจได้ ลูกกลางอากาศแทบไม่พลาด ลูกดวล 1 ต่อ 1 ก็เซฟได้บ่อย ที่สำคัญที่สุดคือไม่ค่อยพลาดในจังหวะไร้สาระ นานๆ ทีจริงๆ ถึงจะมีหลุด มีพลาดให้เห็น
นัดชิงยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก 2018 ที่เคียฟ เรอัล มาดริด ยิงเข้ากรอบทั้งเกม 5 ครั้ง คาริอุสเสียไป 3 ประตู
แต่นัดชิง แชมเปี้ยนส์ลีก 2019 ที่มาดริด สเปอร์ส ยิงเข้ากรอบทั้งเกม 8 ครั้ง อลิสซอน เสีย 0 ประตู
สิ่งที่เราเห็นกันจะจะเลย คืออลิสซอนเยือกเย็น นิ่ง แม้ในเกมใหญ่ที่สุดในชีวิตของเขาก็ไม่มีลนลาน จนทีมอยู่ในภาวะเสี่ยง และช่วยทีมคว้าแชมป์แบบสบายๆ หายห่วง
ถามว่าอลิสซอนสำคัญแค่ไหนกับคล็อปป์? เอาเป็นว่า ทุกโทรฟี่ของเจอร์เก้น คล็อปป์ ทั้งหมดได้มากับลิเวอร์พูล เกิดขึ้นตอนที่อลิสซอนย้ายมาแล้ว
ดังนั้น ถ้าเราจะบอกว่า อลิสซอน เป็นจิ๊กซอว์สุดท้ายให้หงส์แดง ยุค 1.0 ไปถึงความสำเร็จ ก็ไม่ใช่เรื่องโอเวอร์เกินจริงแต่อย่างใด
บทสรุปของเรื่องนี้ เหมือนกับที่เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสันบอกเอาไว้ว่า ผู้รักษาประตู 1 คน จะเป็นจุดชี้ขาดของทีมฟุตบอลหนึ่งทีม
ถ้าหากมีผู้รักษาประตูที่แย่ ก็ต้องไปตามล่าหาผู้รักษาประตูที่ดีให้ได้ แม้จะเสียเงินเท่าไหร่ก็ต้องยอม จะทำให้ผู้รักษาประตูที่มีอยู่ขัดใจแค่ไหนก็ไม่ต้องสน
สิ่งสำคัญคือต้องมั่นใจจริงๆ ว่าคนที่ซื้อ ต้องดีกว่าคนที่มีอยู่ ตามหลักเบื้องต้นของการซื้อขาย คุณต้องซื้อคนเก่งมาแทนคนที่อ่อนกว่า
คำถามที่น่าสนใจคือ ถ้ามีสโมสรฟุตบอลสักแห่ง ดันไปซื้อนายทวารที่อ่อนกว่า มาแทนคนเก่งกว่า มันจะเกิดอะไรขึ้น?
คำตอบนั้นยากจะจินตนาการ เพราะคงไม่มีทีมไหนเพี้ยนพอจะทำแบบนั้น แต่ถ้า... มันดันเกิดขึ้นจริงล่ะก็
เดาว่าเกมในสนามของทีมนั้นคงจะพิลึกกึกกือมากเลยทีเดียว
- 10
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
