30 พ.ย. 2023 เวลา 12:18 • ท่องเที่ยว

Japan Autumn 2023 .. The Festival of Colors (02) วัดรินโนจิ และศาลเจ้านิกโกโทโชกุ

The autumn leaf looked at the sky and lived …
.. when it’s time to leave, gracefully it knew life is a gift!
วัดรินโนจิ (Rinnoji 輪王寺, Rinnōji) : แต่เดิมรู้จักกันในชื่อ วัดชิฮอนริวจิ (Shihonryuji Temple) เป็นวัดพุทธที่สำคัญที่สุดของนิกโก้ ก่อตั้งโดย “โชโดะ โชนิน” (Shodo Shonin) พระภิกษุผู้แนะนำพระพุทธศาสนาแก่นิกโกในศตวรรษที่ 8
วัดนี้ .. ตั้งอยู่ใกล้กับสะพานซินเคียว และเป็นวัดในโซน World Heritage เช่นเดียวกับวัดและศาลเจ้าอื่นๆในละแวกนี้ ซึ่งล้วนถูกได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกจากยูเนสโก
อาคารหลักของวัดคือ “ซันบุตสึโดะ” (Sanbutsudo) ซึ่งเป็นอาคารไม้ที่ใหญ่ที่สุดในนิกโก้ และตกแต่งด้วยลวดลายสีทอง ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปแกะสลักต่างๆ รวมถึง รูปปั้นไม้ขนาดใหญ่เคลือบทองของพระพุทธรูปแกะสลักพันมือ “อมิตา เซนจู-คันนอน” (Senju Kannon "คันนงมีพันแขน") และบาโตะ-คันนง (Bato Kannon "คันนงมีหัวม้า") พระพุทธรูปที่มีหัวม้าบนศีรษะ
.. เทพเจ้าทั้งสามนี้ถือเป็นการปรากฏทางพุทธศาสนาของเทพภูเขาทั้งสามแห่งนิกโก ซึ่งประดิษฐานอยู่ที่ศาลเจ้าฟูตาราซัน ซันบุตสึโดะ ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่มานานร่วมทศวรรษแล้วเสร็จในฤดูใบไม้ผลิปี 2019
พื้นที่ที่โดดเด่นของวัดมีหลายแห่ง ซึ่งรวมถึงสวน Shoyoen สวนญี่ปุ่นขนาดย่อมๆหลังอาคารหลักของวัด ซึ่งเป็นจุดจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่สวยงาม โดยเฉพาะในช่วงเดือนพฤศจิกายน
.. ในช่วงฤดูใบไม้เปลี่นสี บริเวณสวนจะมีต้นเมเปิ้ลที่ใบสีแดง และส้มจัดจ้าน
รายล้อมสระน้ำ ซึ่งมีปลาคราฟตัวบิ๊กเบิ้มมากมาย แสดงถึงสุขภาพที่ดี และได้รับการดูแล เลี้ยงดูมาอย่างดี
นอกจากนี้ บริเวณข้างๆสวน จะมีร้านรวงขายเครื่องรางตั้งอยู่ .. ใครเป็นสายมูก็อย่าลืมแวะไปดูกันได้ จะเน้นเครื่องรางที่ช่วยเรื่องอะไรเป็นพิเศษ ก็สามรถถามและปรึกษากับคนขายได้เลย
Photo : Internet
ด้านหลังของอาคารหลักจะเจอกับ “ศาลเจ้าคมโยอิน อินาริ” (Komyoin Inari Shrine) .. ศาลเจ้าเล็กๆ ที่ซ่อนตัวอยู่ในหลืบ โดยศาลเจ้าแห่งนี้สร้างขึ้นเพื่ออุทิศให้กับเทพอินาริ (Inari) ซึ่งเป็นเทพเจ้าแห่งการเกษตรที่มีหมาป่าเป็นสื่อกลางที่ใช้สื่อสารกับเทพนั่นเอง
นอกจากวัดนี้แล้ว หากมีเวลาเพียงพอ เรายังสามารถเดินไปยังศาลเจ้าต่อไป** ซึ่งถือว่าเป็นศาลเจ้าที่สำคัญมากที่สุดในนิกโก้เลยทีเดียว โดยระหว่างทางเดินยาวๆ สองข้างทางเค้าเต็มไปด้วยใบไม้แดง บรรยากาศคือร่มรื่นและสงบมากเลย
**วันที่เราไปเยือน ถนนทางเข้าของศาลเจ้ารถติดแบบไม่ขยับเป็นระยะทางยาวมาก เราจึงไม่มีเวลาเพียงพอที่จะรอ และแวะไปชม แต่อยากเล่าให้ฟังค่ะ .. ภาพประกอบจาก Internet
Photo : Internet
ศาลเจ้านิกโก้โทโชกู (Nikko Toshogu Shrine)
ศาลเจ้าโทโชกุ (東foto宮, Tōshōgū) สร้างขึ้นในปี 1617 เพื่อเป็นอนุสรณ์สถานอันงดงามของ “โทกุกาวะ อิเอยาสุ” ผู้ก่อตั้งรัฐบาลโชกุนโทกุงาวะ ซึ่งปกครองญี่ปุ่นมานานกว่า 250 ปี จนถึงปี 1868 .. อิเอยาสุ ประดิษฐานอยู่ที่โทโชกุในฐานะเทพโทโช “ไดกอนเกน - เทพผู้ยิ่งใหญ่แห่งตะวันออกที่ส่องแสง แสงสว่าง" เดิมทีเป็นสุสานที่ค่อนข้างเรียบง่าย “โทโชกุ” ถูกขยายให้กลายเป็นอาคารอันงดงามตระการตาที่เห็นในปัจจุบันโดย “อิเอมิตสึ” หลานชายของ อิเอยาสุ ในช่วงครึ่งแรกของศตวรรษที่ 17
กลุ่มศาลเจ้าที่ตกแต่งอย่างหรูหรา ประกอบด้วยอาคารมากกว่าสิบหลังที่ตั้งอยู่ในป่าที่สวยงาม มีการแกะสลักไม้จำนวนนับไม่ถ้วน และใช้แผ่นทองคำเปลวจำนวนมากในการตกแต่งอาคารในลักษณะที่ไม่เคยพบเห็นที่อื่นในญี่ปุ่น ซึ่งเน้นความเรียบง่ายแบบดั้งเดิมในสถาปัตยกรรมของศาลเจ้า
ศาลเจ้าโทโชกุ มีทั้งองค์ประกอบชินโตและพุทธ ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่สถานที่สักการะจะมีองค์ประกอบของทั้งสองศาสนา .. จนกระทั่งสมัยเมจิเมื่อ ศาสนาชินโต ถูกแยกออกจาก ศาสนาพุทธ อย่างจงใจ ทั่วประเทศ องค์ประกอบทางพุทธศาสนาถูกถอดออกจากศาลเจ้าและในทางกลับกัน .. แต่ที่โทโชกุ ทั้ง 2 ศาสนาปะปนกันมากจนไม่สามารถแยกออกจากกันได้อย่างสมบูรณ์
Photo : Internet
เจดีย์ 5 ชั้นที่สวยงามหน้าประตูทางเข้าหลัก เป็นสิ่งที่โดดเด่นเป็นพิเศษที่ ศาลเจ้าโทโชกุ .. เจดีย์ 5 ชั้นดั้งเดิมได้รับการบริจาคโดยไดเมียวในปี 1650 แต่ถูกไฟไหม้ และถูกสร้างขึ้นใหม่ในปี 1818 แต่ละชั้นเป็นตัวแทนของธาตุ ได้แก่ ดิน น้ำ ไฟ ลม และอากาศธาตุ (หรือความว่างเปล่า) ลำดับจากน้อยไปหามาก
Photo : Internet
เสาหลักของเจดีย์แขวนอยู่เหนือพื้นดิน 10 เซนติเมตร ซึ่งเป็นคุณลักษณะที่น่าสนใจที่ติดตั้งไว้เพื่อต่อสู้กับความยาวและการหดตัวของไม้เมื่อเวลาผ่านไป รวมถึงเพื่อลดความเสียหายจากแผ่นดินไหว
.. ภายในเจดีย์เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมเป็นระยะๆ เท่านั้น โดยมีค่าธรรมเนียมแยกต่างหาก
งานแกะสลักของลิง 3 ตัว "ไม่เห็นชั่ว พูดชั่ว และไม่ฟังสิ่งชั่ว" .. เป็นรูปลิงสามตัวที่ฉลาดซึ่งได้ยิน พูด และไม่เห็นสิ่งชั่วร้าย ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ดั้งเดิมในวัฒนธรรมญี่ปุ่นที่ได้มาจากคำพูดในคัมภีร์โบราณ
นอกจากนี้ยังมี ช้างโซโซโนโซ ("ช้างในจินตนาการ") ที่ถูกแกะสลักโดย ศิลปินผู้ไม่เคยเห็นช้าง .. เป็นงานแกะสลักไม้อันวิจิตรงดงามหลากสีสันที่ประดับประดาคอกม้าศักดิ์สิทธิ์ของศาลเจ้า มีชื่อเสียง และที่สร้างขึ้นอย่างโอ่อ่า
รูปแกะสลักของเหล่าสัตว์ต่างๆ ในศาลเจ้าแห่งนี้มีเยอะมาก โดยอันที่สะดุดตาก๊อตมากคือ คิริน (Kirin) .. ซึ่งมีอยู่ทั้งหมดราว 49 ตัวกระจายไปตามจุดต่างๆ ทั้งรูปปั้น ภาพ หรือแม้แต่รูปแกะสลักบริเวณประตูโยเมมง (Yomeimon) ก็ยังมีอีกด้วย
.. ตัวคิริน (Kirin) นั้นมีลำตัวเป็นกวาง กีบเท้าแบ่งเป็น 2 ส่วน มีหางเป็นวัว ส่วนหัวเป็นหมาป่ามีเขา เป็นสัตว์ที่ว่ากันว่าไม่เคยทำร้ายสิ่งมีชีวิตอื่นๆ .. ถือเป็นสัญลักษณ์แห่งความสุข
Photo : Internet
“ประตูโยเมมง” อันโด่งดัง .. อาจจะพูดได้ว่า นี่เป็นโครงสร้างที่
ไลท์ของศาลเจ้าแห่งนี้ต้องยกให้กับหอศาลเจ้าหลักที่มี ประตูโยเมมง (Yomeimon) หรือเรียกอีกชื่อว่า ฮิกุราชิโนะมง (Higurashi-No-Mon) ..
Photo : Internet
Photo : Internet
ประตูด้านหน้าที่ได้รับการตกแต่งประดับประดาไปด้วยงานแกะสลักเด็ก ผู้ใหญ่ และสัตว์ในตำนานกว่า 508 ชิ้น ซึ่งถือเป็นผลงานชิ้นเอกของช่างในสมัยเอโดะ .. ถือเป็นประตูที่หรูหราที่สุดในญี่ปุ่น ซึ่งให้ความรู้สึกอลังการและสง่างามด้วยสถาปัตยกรรม และการตกแต่งอันวิจิตรบรรจงสวยงามมากที่สุดแห่งหนึ่งในญี่ปุ่น
Photo : Internet
เส้นทางทางด้านซ้ายของโยเมมงจะนำไปสู่ห้องโถงฮอนจิโดซึ่งมี "มังกรร้องไห้" ภาพนี้เป็นภาพวาดมังกรขนาดใหญ่บนเพดานห้องโถง ซึ่งได้ชื่อนี้เพราะได้ยินเสียงที่ดังสดใสเมื่อไม้สองชิ้นปรบมือไว้ใต้หัวโดยตรงตามเสียงของห้องโถง นักบวชจะตบมือไม้ให้แขกที่มาเยี่ยมบ่อยๆ
นอกเหนือจากโยเมมอนแล้วยังมี อาคารศาลเจ้าหลัก ซึ่งประกอบด้วยห้องสวดมนต์ (ไฮเด็น) ที่เชื่อมต่อกับห้องโถงหลัก (ฮอนเด็น) .. ด้านหลัง ห้องโถงแห่งนี้อุทิศให้กับจิตวิญญาณของอิเอยาสุและบุคคลสำคัญทางประวัติศาสตร์ที่มีอิทธิพลมากที่สุดอีกสองคนของญี่ปุ่น ได้แก่ “โทโยโทมิ ฮิเดโยชิ” และ “มินาโมโตะ โยริโตโมะ” .. นักท่องเที่ยวจะได้รับอนุญาตให้เข้าไปในอาคารที่ตกแต่งอย่างวิจิตรงดงาม แต่ไม่อนุญาตให้ถ่ายรูป
“ประตูซากาชิตะมง” ซึ่งมีรูปสลัก “เนมูริเนโกะ” (แมวหลับ) อันโด่งดัง อยู่ทางด้านขวาของศาลเจ้าหลัก .. ซากาชิตามงเป็นจุดเริ่มต้นของการขึ้นบันไดอันยาวไกลหลายร้อยขั้น ซึ่งทอดขึ้นเนินผ่านป่าคริปโตเมเรียจนถึงสุสานของ “โทคุกาวะ อิเอยาสุ” การขึ้นจะใช้เวลาประมาณ 5 นาที
หลังจากนั้นผู้เยี่ยมชมจะพบกับสุสานที่ค่อนข้างบอบบางและเคร่งครัด แต่ก็สง่างาม .. โทริอิที่อยู่ด้านบนมีภาพเขียนอักษรประดิษฐ์ของจักรพรรดิโก-มิซูโนโอะ โกศทองสัมฤทธิ์บรรจุศพของโทคุกาวะ อิเอยาสุ
พิพิธภัณฑ์นิกโกะ โทโชกุ (โฮโมทสึคัง) ตั้งอยู่นอกพื้นที่ศาลเจ้า เปิดในปี 2015 เพื่อรำลึกถึงวันครบรอบ 400 ปีการเสียชีวิตของโทคุงาวะ อิเอยาสึ .. ภายในอาคารสมัยใหม่แห่งนี้เป็นที่จัดแสดงสิ่งของส่วนตัวของอดีตโชกุนที่น่าประทับใจ ตั้งแต่ชุดเกราะ ดาบ ไปจนถึงเครื่องเขียนและจดหมายที่เขาเขียนขึ้น
โฆษณา