3 ธ.ค. 2023 เวลา 07:50 • นิยาย เรื่องสั้น

ยามร่ม

สถานที่ๆ ผมไม่เคยไปเยี่ยมเยือนเลย
ก็คงจะเป็นหน้าอาคารสำนักงานที่ดินและหลังม่านบังของหลังศาลเจ้า
สถานที่แรก
ก็คงเป็นเพราะว่าผมไม่มีธุระอันใดที่จะไป ผมถึงไม่ค่อยเหยียบย่างไปที่นั่น
ส่วนสถานที่อีกแห่ง
อาจเพราะว่าเป็นที่ส่วนบุคคล และผมก็ไม่มีธุระกงการอะไรที่จะไปที่นั่น...เช่นกัน
แต่ทั้งสองที่...
ยังคงเป็นความลับที่แสนสวยงามเสมอมา
ผมคิดว่าหลังม่านไม้ใต้ฟ้าผืนนั้น
จะยังคงมีสถานที่ๆ น่าตื่นตาซ่อนเร้นแฝงตัวอยู่
และไม่ว่าจะผ่านไปนานสักเท่าไหร่
เรื่องราวของสถานที่นั้นก็ไม่อาจเปลี่ยนไปตามกาลเวลา
ไอ้โอ๋ อสรพิษ
เป็นรุ่นพี่ผมสองปี
ผมไม่อาจเรียกพี่ได้เพราะมันเกเรใส่ผมมากจนเกินไป
มันชอบตวาด พร้อมๆ กับทำปากจู๋
ทำหน้าเหยเก พร้อมๆ กับความซ่าส์ที่น่าถีบ
เวลาผมไปเล่นตามที่ต่างๆ ในยามเด็ก
ผมก็เลี่ยงๆ ไอ้บ้านี่เสมอ
วันนั้น...
ในวัย 11 ปี
ผมกับบี๋ (น้องสาว)
ได้ออกไปเที่ยวเล่นกันตามปกติ
เราเที่ยวเล่นกันอย่างสนุกสนานตามประสาเด็ก
มีจักรยานเล็กๆ คนละคันตระเวนไปทั่วหมู่บ้าน
ต้นไม้ใหญ่หน้าห้องสมุดประชาชนยืนร่มให้เราได้พักพิงยามล้า
ผมกับบี๋ไปพบเจอกับเด็กกลุ่มหนึ่ง ณ ที่แห่งนั้น
เราอาจไม่คุ้น แต่ก็ยังเลียบเคียงเข้าหาเพื่อนใหม่
เมื่อคุ้น เราก็สนิทสนมและสนุกสนานไปกับเพื่อนใหม่
เพื่อนใหม่...ที่ประกอบไปด้วยน้องๆ หลากหลายรุ่น
หลากหลายที่มา
แต่เล่นด้วยกัน
มันอาจจะจบเพียงแค่นั้น
หากผมกลับบ้านไป
หากแต่ว่าวันนั้น
ผมก็กลับบ้านไปกับบี๋นั่นแหละ
แต่ผมวกกลับไปที่เดิม
เด็กๆ หลายคนที่เราเล่นด้วยกันที่นั่นแยกย้ายกันไปหมดแล้วว
ยังพอมีเหลือก็คงเพียงน้องผู้หญิงคนหนึ่งผิวขาวและผมยาวสลวย
ผมไปเล่นกับเธอที่นั่น
ผมโตแล้ว
แต่เธอยังเด็กกว่าผมมาก (น่าจะเด็กกว่า 5-6 ปี)
เธอไม่กังขาที่จะซ้อนจักรยานผม
จักรยานที่มีที่นั่งซ้อนท้าย
จักรยานที่พาพวกเราโลดแล่นไปกับสายลมและร่มสัก
มันเงียบ
และเราก็ยังเล่นด้วยกันในยามบ่ายภายใต้ท้องฟ้าครามที่แสนเงียบ
ร่มเงาบังของอาคารไม้แห่งนั้นให้ความเย็นสบายและร่มรื่น
เป็นวันที่แสนสุข
ที่ผมปั่นจักรยานไปตัดหน้ามอเตอร์ไซค์ของไอ้โอ๋ อสรพิษ
มันตวาดด่าทอผม
จนผมตกใจ
รู้สึกเสียความรู้สึกขึ้นมาอย่างกะทันหัน
สาวน้อยที่ซ้อนจักรยานผมเธอเงียบ
แต่หาได้ใส่ใจอะไรกับเรื่องราวนั้นไม่
ตอนนั้นผมกลัวจนรีบกลับบ้าน
ปล่อยเธออยู่ที่นั่น
คิดว่าไม่นานก็คงกลับไปหาพ่อแม่ของเธอที่ทำงานอยู่ในละแวกนั้น
ผมจำไม่ได้แล้วว่ามันเป็นวันสุดสัปดาห์หรือวันอะไร
แต่ก็น่าจะเป็นวันหนึ่งในช่วงปิดเทอมฤดูร้อน
ตอนนั้นผมเป็นคนขี้ขลาดมาก
และผมก็เคยคิดว่าเด็กหญิงผู้นั้นคงไม่ประสา จึงไม่กลัวคำตวาดของพวกเกเร
แต่ผมอาจเข้าใจผิด
เธอไม่ยี่หระกับมันต่างหาก
ถ้าผมไม่สนใจกับเรื่องบ้าๆ ที่แทรกเข้ามา
ผมก็คงไม่ต้องเลิกเล่นกับเธอกลางคัน
ผมเป็นเด็กที่หัวเสียกับเรื่องแบบนี้มาก
มาก...จนทำให้วันดีๆ สูญเสียไปกับสิ่งที่ไร้ค่า
พอมองย้อนกลับมาดู
ผมก็เห็นมันชัดขึ้นตามปีที่ล่วงผ่าน
วันนั้นผ่านมาแสนนานแล้ว
แต่ผมก็จำมันได้อย่างไม่มีวันเลือน
เป็นเพียงเรื่องราวเล็กๆ
ที่เหมือนจะสอนความกล้าหาญ
การปล่อยวาง
หรือไม่ก็มุมมองบางอย่างที่ดีไว้ให้แก่ผม
หากแต่เวลาที่ผมได้ย้อนกลับไปคิดถึงวันนั้น...
ตอนที่ผมได้พบกับเด็กหญิงคนนั้น
และเล่นกับเธอไปพร้อมๆ กับบี๋และผองเพื่อน
ผมก็ไม่ได้จดจำเธอสักเท่าไหร่
พอผมย้อนกลับไป
ผมพบเธอที่นั่น
และเธอก็ยังอยู่เล่นกับผม
และที่ผมไม่มีวันเลือน
ก็คงหลังจากที่ผมเสียความรู้สึกหลังโดนไอ้บ้าโอ๋ตวาด
เธอยังคงซ้อนท้ายจักรยานของผม
แล่นไปในสายลมของแดดยามบ่ายที่สาดผ่านสักมารางๆ
ผมปั่นจักรยานต่อไปเรื่อยๆ
เธอยังคงอยู่
ผมยังคงนึกถึงความน่ากลัวที่ยังคงหลอนจิตใจ
เธอยังคงอยู่
ปลายไม้เขียวยังแต่งแต้มฟ้าครามในยามนั้น
จักรยานของผมยังโลดแล่น
และสุดท้าย...
ก็จอดลงหน้าอาคารสำนักงานที่ดิน
และแยกย้ายกันไป
เธอพบผมวันนั้นครั้งแรก
ผมพบเธอวันนั้นก็ครั้งแรก
และมันก็เป็นครั้งสุดท้ายของทั้งผมและเธอเช่นกัน
แดดบ่ายของปี 66 สาดมาอีกครั้งหนึ่งแล้ว
มีเพียงม่านที่พลิ้วไหวยามลมพัด
ผมกำลังเขียนถึงเธอ
และเธอ
ก็ยัง...คงอยู่
ไม่ได้ลาจากผมไปไหน
แม้กระทั่งในยามที่ไอร้อนแผ่ผ่านกระจกมาในชั่วขณะนี้
ผมคิดถึงเธอ
และเธอ
ก็ยังคงอยู่
...
ยุรยาตร มยุร
โฆษณา