27 ธ.ค. 2023 เวลา 04:58 • ข่าว

"โครงสร้างทางธุรกิจ" บน "หน้าสื่อ"

.
เรื่องราวที่จะเขียนต่อไปนี้ เป็นเรื่องของคำว่า "โครงสร้างทางธุรกิจ" ที่ผู้เขียนได้ประสบพบเจอมา
.
เรื่องราวมันเริ่มจาก
.
อย่างที่ทราบว่า ผู้เขียนทำงานเป็น "ผู้สื่อข่าว" หรือ "นักข่าว" ซึ่งทำงานคนละส่วนกับ "ผู้ประกาศข่าว" อย่างชัดเจน
.
ตัวผู้เขียน ทำงานสายนี้มานานกว่า 10 ปี จากนักข่าวหนังสือพิมพ์ ที่กล้าก้าวออกจากเซฟโซน กว่า 8 ปี เพื่อขยับขยายลู่ทางการทำงาน ไปสู่องค์กรข่าวที่ใหญ่กว่า คือ โทรทัศน์ และ ออนไลน์
.
แน่นอนว่าที่ทำงานใหม่ ตอบโจทย์ ทั้งเรื่องงาน ระบบการทำงาน วันหยุด สวัสดิการ ไปจนถึง หัวหน้า และ เพื่อนร่วมงาน ทุกอย่างไม่เคยมีปัญหา และไม่เคยมีเรื่องเสื่อมเสียให้คนอื่นไปจับกลุ่มนินทา (หรือนินทา แต่ เราไม่รู้ อันนี้ก็ไม่ว่ากัน)
.
ตัวผู้เขียน และ ทีมข่าวทุกคน ต่างทำหน้าที่ของตัวเอง อย่างขมักเขม่น ไม่ว่าเบื้องบนจะสั่งให้ไปไหน อยากได้ประเด็นอะไร เพียงแค่สั่งการมาที่หัวหน้าของพวกเรา ทีมข่าวทุกคนก็พร้อมน้อมรับบัญชา ยินดีที่จะโทรศัพท์เช็คทุกประเด็นข่าว ตั้งแต่ เหนือ จรด ใต้ เพื่อให้ได้มาซึ่งงานที่มีคุณภาพ แม้...บางงาน จะอยู่นอกเขตพื้นที่รับผิดชอบของเราก็ตาม
.
จนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้ ขณะที่คลื่นลมสงบ ไม่มีท่าทีของพายุ จู่ๆก็เกิดคลื่นใต้น้ำ มีการตระเตรียม แผนการบางอย่างขึ้นอย่างเงียบๆ เพียงไม่กี่เดือน ที่ คนประกอบอาชีพนักข่าว แล้วนั่งบนหอคอยงาช้าง สุมหัวคุยกัน เพียงเรื่องของเม็ดเงิน โดยไม่สนคนที่เป็น "นักข่าวอาชีพ" ที่อยู่ข้างล่าง
.
จนในที่สุด พายุใหญ่ ก็มาเยือนทีมข่าวของผู้เขียนจนได้ จากคลื่นใต้น้ำที่ค่อยๆเกิด จนกลายเป็นพายุงวงช้างขนาดใหญ่ พัดเอาบ้านเรือนพังทลายไปเป็นแถบ
.
เริ่มจาก กระแสข่าวลือ ว่า จะมีการปลดพนักงานบางคน จนนำไปสู่การปลดบรรณาธิการแผนก และ ไปจนถึงคนในทีมอีกเกินครึ่ง มีเพียงไม่กี่คนที่เหลือรอด
.
สุดท้าย ข่าวลือ ก็เป็นจริง เมื่อบรรดาคนที่ประกอบอาชีพนักข่าว ต่างเห็นชอบ ที่จะปลด นักข่าวอาชีพ ออกทั้งหมด 8 คน รอดจากการถูกลงดาบ 3 คน นี่เฉพาะแผนกของผู้เขียนเท่านั้น ยังมีอีกหลายแผนกที่โดนลงดาบเช่นเดียวกัน รวมแล้วอีก หลายสิบคนที่ถูกฟ้าผ่ากลางครัน ส่วนคนที่ได้ไปต่อ พวกบนหอคอยคิดว่ายังคงเป็นประโยชน์ต่อองค์กรก็เลยต้องเก็บไว้
.
แต่สิ่งที่คนเหล่านั้นไม่รู้ คือ การทำงานเป็นทีม โดยทีมที่ผู้เขียนสังกัดอยู่นั้น เป็นทีมที่ทุกคนสามารถทำงานร่วมกันได้ดี มองตาก็รู้ใจ สามารถช่วยกัน ระดมสมอง ในการหาข่าวได้เป็นอย่างดี และที่สำคัญ ทุกคนมีความสุข และ สนุกกับการทำงานเป็นทีมมาก
.
ตัวผู้เขียนเชื่อว่า ถึงคนที่ได้รับเลือกให้อยู่ เขาก็ไม่ได้ดีใจที่ถูกให้ทำงานต่อ นั่นเพราะทุกคนในทีม ไม่ได้รู้จักกันเพียงแค่ 1-2 ปี แต่ส่วนใหญ่เป็นคนเก่าแก่ เป็นคนที่ทำงานให้องค์กรนี้มานาน
.
มีเพียงไม่กี่คนที่เพิ่งเข้าทีม แต่ก็เคยพบเจอกันมาแล้วในสนามข่าวหลายปี เชื่อเถอะว่า ถ้าบรรยากาศการทำงานดี ทุกคนก็สามารถทำงานร่วมกันได้ และผูกพันกันในเวลาอันรวดเร็ว
.
เมื่อเรื่องมันเริ่มชัดเจน การพูดคุยกันก็เกิดขึ้น โดยคำว่า "โครงสร้างทางธุรกิจ" ก็หลุดออกมาจากการพูดคุยก็คราวนี้
.
ทันทีที่คำนี้ถูกเอื้อนเอ่ย คนที่เป็นนักข่าวอาชีพ ก็ต้องหน้าชากันเป็นธรรมดา
.
เพราะที่ผ่านมาก็ทำงานอุทิศให้องค์กรมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน
.
แต่กลับมีค่าแค่เพียงหมากตัวหนึ่งในการปรับ "โครงสร้างทางธุรกิจ" เท่านั้น
.
แต่เดิม "สื่อ" เป็นอาชีพที่มีอุดมการณ์ แต่เมื่อนายทุนเข้าครอบงำพื้นที่สื่อ ก็เปลี่ยนรากฐานให้คนที่เป็น นักข่าวอาชีพ กลายเป็น คนที่มีอาชีพนักข่าว สนใจเพียงตัวเลข หรือ เพียงให้เกิดกระแสคนด่า ไม่สนจรรยาบรรณ ไม่สนอุดมการณ์ ไม่สนว่าคนทำงานข่าว จริงๆแล้ว คืออะไร และ สำคัญกับองค์กรขนาดไหน
.
พวกเขาสนเพียง ตัวเลข กำไร-ขาดทุน เท่านั้น
.
และเมื่อไหร่ก็ตามที่ตัวเลขไม่เป็นไปตามที่หวัง หรือ อยากปรับเปลี่ยนอะไรใหม่ๆให้องค์กร เพื่อเอาใจบรรดานายทุน ก็ปลดคนออกเสียดื้อๆ แล้วก็รับคนใหม่เข้ามา วนไปอย่างนี้ โดยไม่สนใจว่า คนที่อยู่ จะต้องระแวงถึงความไม่มั่นคง หรือ คนที่ไป จะมีครอบครัวต้องดูแล หรือออกไปแล้วจะมีที่ไปต่อหรือไม่ ไปทำอะไร เพราะบางคนเขาก็ฝากชีวิตไว้กับองค์กรนั้นเป็นที่สุดท้ายในชีวิต
.
"โครงสร้างทางธุรกิจ" ในการทำสื่อ จึงเป็นเพียงคำพูดของคนที่ไม่เคยเห็นคุณค่า เปรียบเสมือนการย่ำเท้าลงบนหน้าของคนที่ทำงานสื่ออย่างแท้จริง คนพวกนั้นก็แค่ คนที่ใช้ข่าวเป็นเครื่องมือในตลาดหุ้น ทำตัวเองให้มีฐานะสูงขึ้นในสังคมอื่นๆ เท่านั้น
.
ถ้าถามผู้เขียนว่า นักข่าวอาชีพ คืออะไร?
.
คงตอบได้ว่า
.
คือ คนที่ทำงานอย่างมีเกียรติ...แต่ไม่มีกิน นั่นเอง
โฆษณา