Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
efinanceThai - สำนักข่าวหุ้น และการลงทุน
ยืนยันแล้ว
•
ติดตาม
7 ธ.ค. 2023 เวลา 03:26 • หุ้น & เศรษฐกิจ
สรุปข่าวต่างประเทศ ประจำวันพฤหัสบดีที่ 7 ธันวาคม 2566
*** ธนาคารกลางสหรัฐฯหรือเฟด สาขาแอตแลนตา เปิดเผย แบบจำลองคาดการณ์ GDPNow ล่าสุด ที่แสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ ขยายตัว 1.3% ในไตรมาส 4/2566 หลังจากมีการขยายตัว 2.2% 2.1% และ 5.2% ในไตรมาส 1, 2 และ 3 ตามลำดับ
โดยเฟดสาขาแอตแลนตา จะรายงานตัวเลขคาดการณ์ GDPNow ครั้งต่อไปในวันที่ 7 ธ.ค. นี้
*** กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ รายงานว่า ตัวเลขขาดดุลการค้าในภาคสินค้าและบริการของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 5.1% สู่ระดับ 6.43 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐในเดือนต.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 6.42 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 6.12 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐในเดือนก.ย.
ทั้งนี้ การนำเข้าเพิ่มขึ้น 0.2% สู่ระดับ 3.23 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่การส่งออกลดลง 1% สู่ระดับ 2.588 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ
*** สมาชิกสภาคองเกรสสหรัฐฯ กำลังเร่งดำเนินการตรวจสอบบริษัทชีอิน (Shein) แบรนด์สินค้าแฟชั่นออนไลน์รายใหญ่ของจีน หลังชีอินยื่นเรื่องต่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (SEC) ของสหรัฐฯ เพื่อเสนอขายหุ้นต่อสาธารณชนเป็นครั้งแรก (IPO) ในตลาดหุ้นนิวยอร์กเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการยื่นขอทำ IPO โดยไม่มีการประกาศให้สาธารณชนได้รับทราบ
*** ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน มีแนวโน้มจะเดินทางเยือนกรุงฮานอย เมืองหลวงเวียดนามในระหว่างวันที่ 12-13 ธ.ค. ซึ่งจะเป็นการเดินทางเยือนเวียดนามครั้งแรก ในรอบ 6 ปี เพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศให้แน่นแฟ้นขึ้น
*** นายเจนเซน หวง ซีอีโอของเอ็นวิเดีย (Nvidia) กล่าวว่า บริษัทได้เดินหน้าผลิตชิปรุ่นใหม่ให้สอดคล้องกับกฎส่งออกของสหรัฐฯ เพื่อเดินหน้าส่งออกชิปเซมิคอนดักเตอร์ระดับสูงไปยังจีน พร้อมส่งสัญญาณเตรียมลงทุนครั้งใหญ่ในสิงคโปร์ พร้อมกันนี้ บริษัทจะยังคงพัฒนาชุดผลิตภัณฑ์ใหม่ ที่สอดคล้องกับกฎระเบียบของรัฐบาลสหรัฐฯ ต่อไป ทั้งนี้ เอ็นวิเดีย ครองส่วนแบ่งมากกว่า 90% ในตลาดชิปปัญญาประดิษฐ์ของจีน ซึ่งมีมูลค่า 7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
*** นายเจนเซน หวง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารเอ็นวิเดีย กล่าว่า บริษัท Huawei Technologies เป็นหนึ่งในกลุ่มคู่แข่งที่น่าเกรงขามมากในการแข่งขันเพื่อผลิตชิป AI ที่ดีที่สุด โดย Huawei รวมถึง Intel และกลุ่มสตาร์ทอัพเซมิคอนดักเตอร์ ที่กำลังขยายตัว ก่อให้เกิดความท้าทายที่รุนแรงต่อตำแหน่งที่โดดเด่นของเอ็นวิเดีย ซึ่ง Huawei เติบโตขึ้นจนกลายเป็นผู้นำเทคโนโลยีชิปโดยพฤตินัยของจีน และกลับมาโดดเด่นอีกครั้งในปี 2566 ด้วยโปรเซสเซอร์สมาร์ทโฟนที่ผลิตในจีนขั้นสูงอย่างน่าประหลาดใจ
*** เทสลา เตรียมขยายโรงงาน Gigafactory ในจีน เพื่อเตรียมผลิตขายรถรุ่นใหม่ในราคาประมาณ 8 แสนบาท ซึ่งหากเกิดการผลิตที่ประเทศจีนขึ้นจริง จะส่งผลให้ประเทศไทยสามารถนำเข้าได้โดยไม่เสียภาษี และอาจเห็นรถ Tesla ในไทย ในราคาที่ต่ำกว่ากว่า 1 ล้านบาท โดยก่อนหน้านี้ นายอีลอน มัสก์ ระบุว่า รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ของเทสลา ที่มีราคา 2.5 หมื่นดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 8 แสนบาทบาท จะไม่ถูกผลิตที่โรงงานในประเทศเม็กซิโกแล้ว เพราะหากรอให้การก่อสร้างโรงงานดังกล่าวเสร็จ จะไม่ทันเวลา
*** แอปเปิ้ล แจ้งต่อซัพพลายเออร์ผู้ผลิตส่วนประกอบสมาร์ทโฟน เกี่ยวกับความประสงค์ในการใช้แบตเตอรี่ที่ผลิตจากโรงงานในอินเดีย สำหรับการผลิต iPhone 16 โดยการตัดสินใจครั้งนี้ สอดคล้องกับกลยุทธ์ของแอปเปิ้ล ในการขยายห่วงโซ่อุปทาน โดยหันไปพึ่งพาการผลิตในอินเดียมากขึ้น และเตรียมย้ายฐานการผลิตออกจากจีน
*** นักลงทุนคาดการณ์ว่าธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะผ่อนคลายนโยบายทางการเงินในปี 2567 เนื่องจากธนาคารกลาง ส่งสัญญาณว่าน่าจะเข้มงวดเพียงพอที่จะนำอัตราเงินเฟ้อกลับสู่เป้าหมาย โดยคาดว่า ECB จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 1.50% ไปจนถึงปี 2567 และจะเป็นผู้นำของโลก ในการปรับลดอัตราดอกเบี้ย แม้ธนาคารกลางยุโรปยังคงเตือนถึงภัยคุกคามที่เกิดจากอัตราเงินเฟ้อ แต่ตระหนักมากขึ้นว่า อาจไม่จำเป็นต้องขึ้นอัตราดอกเบี้ยเกินกว่า 4%
*** ซาอุดีอาระเบีย ประกาศมาตรการดึงดูดการลงทุนครั้งใหญ่ ด้วยการยกเว้นภาษีนิติบุคคลนาน 30 ปี เพื่อจูงใจให้บริษัทต่างชาติเข้ามาตั้งสำนักงานใหญ่ในประเทศ โดยจะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ปี 2567 เป็นต้นไป โดยมาตรการดังกล่าวจะให้การยกเว้นภาษีนิติบุคคลเป็น 0% เป็นระยะเวลานาน 30 ปี
สำหรับบริษัทต่างชาติ ที่ได้รับใบอนุญาตในโครงการลงทุนสำนักงานใหญ่ระดับภูมิภาค (RHQ) โดยมีเป้าหมายเพื่อดึงดูดบรรดาบริษัทข้ามชาติให้เข้ามาลงทุนในซาอุดีอาระเบีย และเพื่อวางสถานะของซาอุดีอาระเบีย ให้เป็นศูนย์กลางด้านการค้า การลงทุน และอุตสาหกรรมในภูมิภาคตะวันออกกลาง
*** รายงานของเว็บไซต์ State of Global Air ระบุว่า การสัมผัสฝุ่น PM 2.5 ในระยะยาว ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ก่อให้เกิดโรคเรื้อรังอันตรายหลายโรค รวมทั้งโรคหัวใจ และมะเร็งปอด เป็นสาเหตุสำคัญ ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตทั่วโลกในปี 2562 มากกว่า 4 ล้านราย เพิ่มขึ้นมากกว่า 10 ปีที่แล้วถึงประมาณ 23%
โดยฝุ่น PM 2.5 ถือเป็นปัจจัยเสี่ยงสูงลำดับที่ 6 ถัดจาก ความดันเลือดสูง การสูบบุหรี่ ภาวะน้ำตาลในเลือดสูง และปัจจัยอื่น ๆ แต่เมื่อเทียบกับปัจจัยเสี่ยงจากสภาพสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ ฝุ่น PM 2.5 ถือเป็นปัจจัยเสี่ยงสูงสุดที่ส่งผลอันตรายต่อสุขภาพ
***********************************
หนังสือ e-book “เสี่ยงอย่างเทพ รวยอย่างเซียน”
Download ได้ที่
https://www.slideshare.net/efinancethai/ebook-bbcc
การลงทุน
หุ้น
เศรษฐกิจ
1 บันทึก
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย