11 ธ.ค. 2023 เวลา 04:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ

"กองทุน ThaiESG" กองทุนน้องใหม่ลดหย่อนภาษี 30% เช็คเงื่อนไข สิทธิประโยชน์

ทำความรู้จัก "กองทุนThaiESG " กองทุนน้องใหม่ให้สิทธิลดหย่อนภาษีได้ 30% สูงสุดไม่เกิน 1 แสนบาท พร้อมเช็คข้อแตกต่างกับกองทุน SSF/RMF ก่อนเลือกลงทุน เพื่อประโยชน์สูงสุด
Thailand ESG Fund (ThaiESG ) หรือ กองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน เป็นอีกทางเลือกของการลงทุนสำหรับผู้ที่ต้องการลงทุนระยะยาวในกิจการที่เน้นความยั่งยืนและได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี
ปัจจุบันมี 22 กองทุนThaiESG จาก 16 บริษัทจัดการลงทุน (บลจ.) ที่ได้รับการอนุมัติจากสำนักงาน ก.ล.ต.พร้อมเสนอขายตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป และถือเป็นโค้งสุดท้ายสำหรับมนุษย์เงินเดือน ในช่วงเวลาที่เหลือเดือนธันวาคมนี้ เพื่อจะรับสิทธิประโยชน์ทางภาษีปี 2566 ที่ยื่นภาษีภายในสิ้นเดือนมีนาคม 2567
สิทธิประโยชน์ทางภาษีของ ThaiESG
  • ไม่กำหนดจำนวนขั้นต่ำในการซื้อหน่วยลงทุน และไม่กำหนดเงื่อนไขการซื้อต่อเนื่อง
  • ลงทุนในประเทศ เพื่อส่งเสริมสนับสนุนการลงทุนในกิจการหรือโครงการที่มีความโดดเด่นด้านสิ่งแวดล้อม (E) หรือด้านความยั่งยืน (ESG)
  • เงื่อนไขการลดหย่อนภาษีของ ThaiESG บุคคลธรรมดา หักลดหย่อนภาษีเงินได้จ่ายเป็นค่าซื้อหน่วยลงทุน ThaiESG ไม่เกิน 30% ของเงินได้ แต่ไม่เกิน 100,000 บาท/คน/ปี (ไม่รวมวงเงินกลุ่มเกษียณที่รวมกันไม่เกิน 500,000 บาท)
โดยที่กองทุนและประกันรองรับการเกษียณ มีสิทธิประโยชน์ทางภาษีดังนี้
วงเงินลดหย่อนภาษี รวมกันไม่เกิน 500,000 บาท / ปี
  • SSF ไม่เกิน 30% ของเงินได้พึงประเมิน สูงสุดไม่เกิน 200,000 บาท
  • RMF ไม่เกิน 30% ของเงินได้พึงประเมิน สูงสุดไม่เกิน 500,000 บาท
  • PVD/ กองทุนสงเคราะห์ครู/ กบข.
- PVD/ กองทุนสงเคราะห์ครู ไม่เกิน 15% ของค่าจ้าง
- กบข. ไม่เกิน 30% ของค่าจ้าง สูงสุดไม่เกิน 500,000 บาท
  • ประกันบำนาญ ไม่เกิน 15% ของเงินได้พึงประเมิน สูงสุดไม่เกิน 200,000 บาท
  • กอช. ไม่เกิน 30,000 บาท
วงเงินลดหย่อนภาษีไม่เกิน 100,000 บาท / ปี
  • Thailand ESG Fund ไม่เกิน 30% ของเงินได้พึงประเมิน สูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท
เงื่อนไขการถือครองหน่วยลงทุน ThaiESG เพื่อใช้สิทธิลดหย่อนภาษี
  • ผู้ลงทุนสามารถขายคืนหน่วยลงทุนได้เมื่อถือมาแล้วไม่น้อยกว่าระยะเวลาตามที่กรมสรรพากรกำหนด (8 ปี นับวันชนวัน)
  • กำไรจากการขายคืนหน่วยลงทุน (Capital Gain) ThaiESG - เงินได้จากการขายคืนหน่วยลงทุนที่เป็นไปตามเงื่อนไข จะได้รับยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ตามที่กรมสรรพากรกำหนด
  • ระยะเวลาในการลดหย่อนภาษีของหน่วยลงทุน ThaiESG - ผู้ลงทุนสามารถหักลดหย่อนค่าซื้อหน่วยลงทุน ThaiESG ได้ตามจำนวนที่ซื้อทุกปีจนถึงพ.ศ. 2575
  • เมื่อซื้อกองทุน ThaiESG แล้วต้องถือครองลงทุนเป็นเวลา 8 ปีขึ้นไปนับจากวันที่ลงทุน หากถือครบกำหนดตามเกณฑ์กำไรที่ได้จากการขายหน่วยลงทุน (Capital Gain) จะไม่เสียภาษี แต่ถ้าขายก่อนเวลาที่กำหนด ต้องคืนภาษีที่ได้รับมาพร้อมเบี้ยปรับเงินเพิ่ม ตามเงื่อนไขของกรมสรรพากร
  • อย่าลืมแจ้งความประสงค์ที่จะใช้สิทธิหักลดหย่อน ต่อบริษัทจัดการลงทุน (บลจ.) ที่ผู้ลงทุนได้ซื้อหน่วยลงทุนด้วย
นโยบายการลงทุนของ ThaiESG
กองทุน ThaiESG มีนโยบายการลงทุนในทรัพย์สินอย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่าง ที่ผู้ออกเป็นกิจการ หรือภาครัฐไทยที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีตั้งแต่ 80% ของ NAV ประกอบด้วย 5 กลุ่ม ดังนี้
1.หุ้นที่เป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนใน SET บนกระดานหลัก หรือกระดาน mai ที่ได้รับการคัดเลือกจาก SET หรือองค์กรหรือสถาบันอื่นที่สำนักงาน ก.ล.ต. ยอมรับว่ามีความโดดเด่นด้านสิ่งแวดล้อม (Environment) หรือด้านความยั่งยืน (Environmental, Social and Governance: ESG) ซึ่งปัจจุบัน 200 บริษัท
2. หุ้นที่เป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนใน SET บนกระดานหลัก หรือกระดาน mai ที่มีการเปิดเผย ข้อมูลเกี่ยวกับการปล่อยก๊าซเรือนกระจก แผนการจัดการ และการตั้งเป้าหมายเพื่อให้ บรรลุเป้าหมายในการลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของประเทศไทย รวมทั้งจัดให้ มีการทวนสอบการจัดทำคาร์บอนฟุตพริ้นท์โดยผู้ทวนสอบที่สำนักงาน ก.ล.ต. ยอมรับ
3. ตราสารเพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม (green bond) ตราสารเพื่อความยั่งยืน (sustainability bond) หรือตราสารส่งเสริมความยั่งยืน (sustainability - linked bond)
4. พันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรที่กระทรวงการคลังค้ำประกันต้นเงินและดอกเบี้ย หรือหุ้นกู้ที่กระทรวงการคลังค้ำประกันต้นเงินและดอกเบี้ย แต่ไม่รวมถึงหุ้นกู้แปลงสภาพ ซึ่งเป็นพันธบัตรหรือหุ้นกู้เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม (green bond) พันธบัตรหรือหุ้นกู้เพื่อความยั่งยืน (sustainability bond) หรือพันธบัตรหรือหุ้นกู้ส่งเสริมความยั่งยืน (sustainability - linked bond)
5. โทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุน (investment token) ที่ออกตามพระราชกำหนดว่าด้วยการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล ที่เป็นโทเคนดิจิทัลสำหรับโครงการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม (green-project token) หรือ โทเคนดิจิทัลสำหรับโครงการที่เกี่ยวข้องด้านความยั่งยืน (sustainability-project token) หรือ โทเคนดิจิทัลเพื่อส่งเสริมความยั่งยืน (sustainability-linked token) โดยหลักเกณฑ์เกี่ยวกับลักษณะของโทเคนดิจิทัล จะเป็นไปตามที่สำนักงาน ก.ล.ต. ประกาศกำหนด โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการกำกับตลาดทุน
หมายเหตุ : กองทุนThaiESG เบื้องต้นในช่วงแรกจะลงทุนตาม ข้อ 1- 4 ส่วนกรณี " * โทเคนดิจิทัล (investment token)" เป็นการลงทุนในอนาคต
ข้อแตกต่างระหว่างกองทุน ThaiESG กับ SSF และ RMF สรุปได้ดังนี้
1.ทางเลือกนโยบายการลงทุน : กองทุนกลุ่ม SSF/RMF มีนโยบายการลงทุนในสินทรัพย์ทุกชนิด ตั้งแต่ตราสารหนี้ หุ้นไทย หุ้นต่างประเทศ หรือทองคำ ส่วนกองทุน Thai ESG ลงทุนเฉพาะหุ้น ESG ไทย (ประมาณ 200 บจ.) และพันธบัตรรัฐบาล /ตราสารหนี้ในไทยที่เข้าเกณฑ์ ESG
2.จำนวนเงินที่นำไปลดหย่อนภาษีได้ : เงินลงทุนใน Thai ESG นำมาลดหย่อนได้ 30% ของรายได้ สูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท ซึ่งเป็นสิทธิที่ใช้ได้เพิ่มเติมนอกเหนือจาก 500,000 บาทเดิม ทำให้สามารถนำเงินลงทุนมาใช้ลดหย่อนภาษีได้เพิ่มขึ้นรวมเป็น 600,000 บาท
3.ระยะเวลาลงทุน : กองทุน Thai ESG ถือลงทุน 8 ปี นับแบบวันชนวัน สั้นกว่า SSF ที่ถือลงทุน 10 ปี
ทางเลือกในการลงทุน
กรณีมีเงินไม่จำกัด
เงินพร้อม เตรียมซื้อกองทุนลดหย่อนภาษีเต็มสิทธิ 600,000 บาท
  • แนะนำซื้อ TESG จำนวน 100,000 บาท และ RMF/SSF จำนวน 500,000 บาท
กรณีมีเงินจำกัด
อยากได้เงินคืนเร็ว
แนะนำซื้อทั้งหมด เริ่มที่ TESG ส่วนเงินที่เหลือ
  • กรณีอายุ < 45 ปี ซื้อ SSF ให้เต็มสิทธิก่อน ที่เหลือซื้อ RMF ให้ครบ
  • กรณีอายุ > 45 ปี ซื้อ RMF ให้เต็มสิทธิก่อน ที่เหลือซื้อ SSF ให้ครบ
(หากซื้อ RMF ครบ 5 แสนบาทแล้ว จะไม่สามารถซื้อ SSF เพิ่มเติมได้)
เน้นมีเงินใช้หลังเกษียณ
  • แนะนำซื้อ RMF ให้เต็มก่อน หากเหลือให้ซื้อ SSF ให้เต็มตามด้วย TESG
อยากได้เงินปันผลคืนระหว่างการถือครอง
  • แนะนำซื้อ SSF ให้เต็มสิทธิ เพราะมีการจ่ายปันผลระหว่างทาง หากเหลือจึงซื้อ TESG ให้ครบ ตามด้วย RMF
ที่มา : www.ThailandESG.com , บล.กสิกรไทย
โฆษณา