13 ธ.ค. 2023 เวลา 14:30 • ไลฟ์สไตล์

"เมื่อเพื่อนมีเงิน...แต่เราไม่มี" จากคนเคยสนิทกลายเป็นมิตรภาพที่ห่างหายในวัยที่แต่ละคนแยกทางเติบโต

เมื่อประมาณสองปีก่อน กลุ่มเพื่อนๆ ของเซน่า (Zena) จากมหาวิทยาลัยรวมตัวกันจัดทริปไปเที่ยวแฮมป์ตัน (Hamptos) เมืองตากอากาศในอเมริกาที่เต็มไปด้วยบ้านพักหรูหราของบรรดามหาเศรษฐี
“ทุกคนตอบรับทันทีโดยไม่มีใครถามเลยว่าค่าใช้จ่ายมันจะเท่าไหร่” เซน่าบอก “แผนทุกอย่างถูกสร้างขึ้นผ่านแชตกลุ่ม ฉันไม่อยากเป็นคนเดียวที่พูดออกมาแบบว่า ‘โอเค มันจะใช้เงินเท่าไหร่เหรอ?’ และเหมือนว่าทุกคนจะไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้เลย”
พอใกล้วันที่จะออกทริป ตอนนี้แหละที่คนจัดทริปเริ่มสรุปค่าใช้จ่าย แค่ค่าโรงแรมอย่างเดียวก็เกือบ 25,000 บาท/ต่อคน นั่นยังไม่รวมค่าเดินทางและอาหาร เซน่าเห็นตัวเลขปุ๊บรู้เลยว่ามันแพงเกินไปสำหรับตัวเอง เลยทักไปหาคนจัดทริปแบบส่วนตัวว่า ‘ขอโทษนะ แต่คิดว่าไม่ไหว ถ้าหากรู้ว่ามันจะแพงขนาดนี้ คงไม่ยกมือจะไปแต่แรก”
แน่นอนว่าเธอรู้สึกแย่กับการตัดสินใจครั้งนั้น เพราะนั่นหมายความว่าเพื่อนคนอื่นๆ ต้องจ่ายเพิ่มขึ้นเพราะมีคนหารน้อยลง แต่สิ่งที่ทำให้เธอรู้สึกแย่หนักกว่าเดิมคือคำพูดของเพื่อนที่ตอบกลับมาบอกว่า
“อ้าว เธอรู้ล่วงหน้าอยู่แล้วว่าเรากำลังไปเที่ยวกัน คุณไม่เก็บเงินหรือแบ่งเงินไว้เลยเหรอ?”
เธอเล่าต่อว่า “พวกเขาไม่เข้าใจความเป็นจริงเลยว่าฉันไม่สามารถไปหาเงินจากที่ไหนได้”
นี่คือจุดเปลี่ยนสำคัญสำหรับเซน่า ในวัย 27 ปี เธอทำงานที่องค์กรการกุศลที่เงินเดือนไม่ได้เยอะแยะมากมาย เป็นหนึ่งในกลุ่มเพื่อนๆ ที่ยังมีหนี้การศึกษาติดตัว อาศัยอยู่ในอพาร์ตเมนต์ที่แชร์กับรูมเมต ส่วนเพื่อนๆ ทำงานในองค์กรขนาดใหญ่และมีอะพาร์ตเมนต์เป็นของตัวเอง
“ฉันเริ่มรู้แล้วว่ากลุ่มเพื่อนกลุ่มนี้ที่รู้จักกันมาตั้งแต่มหาวิทยาลัยและใกล้ชิดสนิทกันมากในช่วงวัน 20 ต้นๆ อยู่ในโลกทางการเงินที่แตกต่างจากฉันอย่างสิ้นเชิง ตอนที่เรียนอยู่ เรื่องเงินอาจจะไม่ได้โผล่ขึ้นมาบ่อยๆ แต่เมื่ออายุมากขึ้น สถานการณ์ที่แตกต่างกันสร้างช่องว่างตรงกลางระหว่างเรา”
เธอเล่าต่อว่า
“มันห่างไกลจากความเป็นจริงของฉันมากๆ พวกเขาพูดถึงเรื่องซื้อบ้าน มีลูกกันแล้ว ถึงแม้ว่าจะพอมีเงินไปกินข้าวเย็นกับพวกเขาบางครั้ง แต่อะไรก็ดูเปลี่ยนแปลงไปซะหมดในช่วงสองสามปีที่ผ่านมาจนไม่อยากไปแล้ว ถ้าเจอคนกลุ่มนี้ในเวลานี้ ฉันก็คงไม่คิดว่าจะไปเป็นเพื่อนกับพวกเขาหรอกนะ”
เรื่องราวของเซน่าเป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งของมิตรภาพที่ค่อยๆ เลือนหายไปหลังจากรั้วมหาวิทยาลัย ต่างคนต่างเติบโตไปในเส้นทางของตัวเอง เป้าหมายชีวตที่แตกต่างกัน สถานะทางสังคมที่ไม่เหมือนกัน หน้าที่การงานและการเงินที่ทำให้อยู่เหมือนคนละโลก เมื่อเพื่อนมีเงิน…แต่เราไม่มี ทำให้ไม่สามารถและไม่สะดวกใจที่จะมาพบเจอกันบ่อยๆ จากคนที่เคยสนิทก็กลายเป็นเพียงคนที่เคยรู้จักคนหนึ่งเพียงเท่านั้น
1
แต่นี่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นตามปกติ
ในการศึกษาชิ้นหนึ่งปี 2016 โดยนักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัย Aalto ในฟินแลนด์และมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดในอังกฤษพบว่าความสัมพันธ์ทางสังคมแบบแฮงค์เอาต์กับเพื่อนจำนวนมากๆ อยู่เป็นประจำจะพีคที่อายุประมาณ 25 ปี หลังจากนั้นจะลดลงอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะสำหรับผู้หญิง
เหตุผลหนึ่งระบุเอาไว้ว่าการเปลี่ยนแปลงนี้เป็นผลมาจากแนวโน้มในการสร้างเครือข่ายที่เล็กลงและใกล้ชิดมากขึ้น (ซึ่งมักจะรวมถึงคู่รักด้วย) ในช่วงชีวิตนี้ แต่อีกเหตุผลหนึ่งอาจเป็นเพราะความรับผิดชอบทางการเงินและความแตกต่างเริ่มมีน้ำหนักมากขึ้นในความสัมพันธ์ ณ จุดนี้เช่นกัน
หลังจากช่วงวัย 25 ปีที่คนเริ่มทำงานกันอย่างจริงจัง ความเหลื่อมล้ำด้านการเงินที่อาจจะถูกมองข้ามก่อนหน้านี้จะเริ่มชัดเจนมากขึ้น ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่ใช่ไม่มีความแตกต่าง เพียงแต่มันไม่ชัดเจนเท่านั้น สัตยา ดอยล์ ไบออค (Satya Doyle Byock) นักจิตบำบัดและผู้เขียนหนังสือ “Quarterlife: The Search for Self in Early Adulthood” บอกว่า
“บางทีในมหาวิทยาลัยดูเหมือนพวกคุณจะลงเรือลำเดียวกัน แต่ในความเป็นจริงแล้ว เพื่อนบางคนได้รับทุนการศึกษา บางคนอาจจะต้องกู้มา และคนอื่นๆ ครอบครัวก็ส่งเงินให้ เมื่อเข้าสู่วัยผู้ใหญ่และเข้าสู่ตลาดงาน ความแตกต่างเหล่านั้นก็เริ่มปรากฏให้เห็นมากขึ้น”
2
ลองสังเกตกรณีของเราเองก็ได้ หลังจากเรียนจบ หลายคนเริ่มทำงานในองค์กรขนาดใหญ่ บางคนกลับบ้านไปทำธุรกิจของครอบครัว บางคนเริ่มทำธุรกิจของตัวเอง บางส่วนเป็นฟรีแลนซ์รับงานอิสระ หรือบางคนก็เลือกที่จะเรียนต่อในระดับที่สูงขึ้นตามความสนใจของตัวเอง ในประเทศบ้าง ต่างประเทศบ้าง เหมือนต่างคนต่างแยกย้ายกันไปตามเส้นทาง
1
เราอาจจะมีเพื่อนกลุ่มที่สนิทกันมากๆ จากมหาวิทยาลัย มีทักทายชวนกันมากินข้าวบ้างเป็นครั้งคราว ปีใหม่สงกรานต์นัดรวมรุ่นกันเพื่อรำลึกความหวัง ช่วงสองสามปีแรกยังเกาะกลุ่มกันแน่น แต่ยิ่งเวลาผ่านไปเพื่อนในกลุ่มก็จะเริ่มหายไปทีละคนสองคน
ช่วงยี่สิบปลายๆ หลายคนมีแฟน แต่งงาน บางคนทำธุรกิจยุ่งจนไม่มีเวลาได้พัก บางคนเปลี่ยนสายงานเริ่มต้นอาชีพใหม่ เพื่อนที่แต่ก่อนไม่มีท่าทีว่าจะมีลูกก็เริ่มโพสต์รูปอัลตราซาวน์ การนัดเจอกันหลังเลิกงานดูกลายเป็นเรื่องที่ยากขึ้นเรื่อยๆ
นอกจากเวลาที่ไม่ตรงกันแล้ว ความแตกต่างทางด้านรายได้ก็เริ่มเข้ามามีส่วนมากขึ้น
1
บางคนรู้จักเก็บออม ลงทุน ก้าวหน้าทางการงาน เงินเดือนสูงขึ้นเรื่อยๆ มีโอกาสใช้ชีวิตแบบที่ต้องการ บางคนได้งานที่เงินเดือนไม่มากหรือเปลี่ยนสายงานใหม่ก็จะตึงๆ แต่ละเดือนชักหน้าแทบไม่ถึงหลัง คนที่แต่งงานมีครอบครัวก็เริ่มประหยัดมากขึ้นสำหรับเป้าหมายในชีวิตอย่างการมีบ้านสักหลัง มีลูกมีครอบครัว ฯลฯ
นี่ยังไม่นับเงินของครอบครัวที่พ่อแม่มีฐานะแตกต่างและมีความเหลื่อมล้ำกันอยู่ก่อนแล้วด้วย
เพราะฉะนั้นเมื่อไหร่ก็ตามที่มีเงินเข้ามาเกี่ยวข้อง ความแตกต่างส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์อย่างแน่นอน แต่นั่นไม่ได้หมายความว่ามันจะเลวร้ายไปซะทั้งหมด
ไบออค แนะนำว่าเราต้องซื่อสัตย์กับตัวเองและคนรอบข้าง พูดให้ชัดว่าสถานการณ์ตอนนี้ของเราเป็นยังไง แทนที่จะรู้สึกอายและแตกต่าง มันอาจจะช่วยทำให้ความสัมพันธ์ดีขึ้นได้ในระยะยาว ลองพยายามหาสิ่งที่ทำด้วยกันได้อย่างสบายใจ แต่ถ้าไม่ได้จริงๆ ก็ปล่อยให้มันเป็นไปตามธรรมชาติ
1
อย่างเซน่าเอง หลังจากเหตุการณ์นั้นเธอก็เริ่มถอยออกมาจากกลุ่มเพื่อนเก่าๆ หาเพื่อนใหม่ที่ชอบทำกิจกรรมคล้ายๆ กัน ไปออกกำลังกาย เดินเล่นสวนสาธารณะ หรือไปดื่มหลังเลิกงานนิดๆหน่อยๆ ซึ่งใช้เงินน้อยมาก ซึ่งถ้าชวนเพื่อนกลุ่มมหาวิทยาลัยไปพวกเขาก็คงไม่ไป เพราะรู้สึกว่า “มันดูเด็กเกินไป”
สิ่งสำคัญคือถ้าเป็นเรื่องเงิน ทุกคนมีภาระและหน้าที่ความรับผิดชอบของตัวเองที่แตกต่างกัน การเป็นเพื่อนคือการเข้าใจ เห็นใจและให้กำลังใจกัน การมีน้อยไม่ใช่เรื่องน่าอาย และการมีมากไม่ได้หมายความว่าคุณไปดูถูกคนอื่นได้
4
เซน่าบอกว่าเธอรู้สึกไม่ค่อยสบายใจเวลาคุยเรื่องเงินกับเพื่อนเพราะรู้สึกว่าทุกคนจะทึกทักไปว่าเธออยากมีเงินเยอะๆ กว่านี้ ซึ่งที่จริงแล้วนั่นไม่ใช่สิ่งที่ต้องการ เธออยากได้เพื่อนที่สามารถพูดคุยแชร์ความรู้สึกปัญหากันได้ แทนที่จะบอกว่า “โอ้ว ทำไมไม่หางานใหม่ละ? ซึ่งประเด็นคือฉันไม่ได้อยากได้งานใหม่ไง ฉันโอเคกับตรงนี้และมีเงินใช้จ่ายในชีวิตปกตินี่แหละ และก็ชอบมันด้วย”
1
สุดท้ายแล้วเส้นทางชีวิตก็อาจจะเป็นแบบนี้ เราเจอเพื่อนเก่าๆ บางครั้งไปทานข้าว พูดคุยหัวเราะกับปัญหาชีวิตและวีรกรรมบ้าบอคอแตกที่เคยทำด้วยกัน แม้ยังคุยกันถูกคอสนุกสนานเฮฮา แต่เรารู้ลึกๆ ว่าเราไม่ได้สนิทกันเหมือนแต่ก่อนแล้ว
1
ความสัมพันธ์บางอย่างก็มีอายุและเวลาของมัน เพื่อนที่ดีที่เข้าใจก็พยายามเก็บรักษาเอาไว้ ส่วนที่เหลือก็คงต้องปล่อยไปเท่านั้น
3
#aomMONEY #MoneyStorytelling #การเงิน #สังคม #ภาษีสังคม #เพื่อน #ความสัมพันธ์ #แนวคิด #เพื่อนมีเงิน
โฆษณา