Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
วิเคราะห์บอลจริงจัง
ยืนยันแล้ว
•
ติดตาม
16 ธ.ค. 2023 เวลา 10:23 • กีฬา
7-0 หงส์แดงถล่มปีศาจแดง มันเกิดขึ้นได้อย่างไร?
ชัยชนะ 7-0 ของลิเวอร์พูล เหนือแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดในฤดูกาลแล้ว เป็นสกอร์ที่ไม่น่าเชื่อว่าจะเกิดขึ้นได้จริง
ทีมเกรดเดียวกัน เป็นสองทีมที่มีประวัติศาสตร์ยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศอังกฤษ มันไม่น่าจะยิงขาดกันได้ขนาดนั้น
ทำไมมันเหลือเชื่อ? เหตุผลแรก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เคยแพ้คู่แข่งมากที่สุดตลอดกาลคือ 7-0 เกิดขึ้นสามครั้ง คือแพ้แบล็คเบิร์น (1926), แพ้แอสตัน วิลล่า (1930) และ แพ้วูล์ฟแฮมป์ตัน (1931) นั่นคือฟุตบอลยุคโบราณ สมัยก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 ด้วยซ้ำ
จากนั้นมาเกือบร้อยปี แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่เคยแพ้ใครเยอะขนาดนั้นอีกเลย ฟุตบอลยุคปัจจุบัน ทีมคุณภาพใกล้ๆ กัน จะมายิงกัน 6-7 ลูก มันแทบเป็นไปไม่ได้
เหตุผลสอง คือในวันที่เจอกัน (5 มีนาคม 2023) ลิเวอร์พูลอยู่อันดับ 6 ของตาราง ส่วนแมนฯ ยูไนเต็ดอยู่อันดับ 3 แมนฯ ยูมีแต้มมากกว่า 10 แต้ม
ยิ่งไปกว่านั้นก่อนเกมเริ่มไม่กี่วัน ลิเวอร์พูลเพิ่งโดนเรอัล มาดริดไล่ตบมา 5-2 ในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ความมั่นใจหดหายอย่างมาก
ส่วนแมนฯ ยูไนเต็ดชนะในพรีเมียร์ลีก 3 เกมรวด และตบบาร์ซ่าเข้ารอบยูโรป้าลีกได้อีก บวกกับคว้าแชมป์คาราบาวคัพมา ดูคึกคะนองมาก ความมั่นใจพุ่งสูงติดเพดาน
นับจากจบฟุตบอลโลกปลายปี 2022 จนถึงวันที่ 5 มีนาคม 2023 ไม่มีสโมสรไหนในอังกฤษ ทำแต้มได้มากกว่าแมนฯ ยูไนเต็ด (แข่ง 10 ชนะ 7 เสมอ 2 แพ้ 1) เอริค เทน ฮาก ดูไม่กลัวใครจริงๆ
1
เหตุผลสาม การเจอกัน 2 ครั้งล่าสุด แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นฝ่ายเอาชนะได้ทั้งสองเกม คือที่ราชมังฯ 4-0 และที่โอลด์แทรฟฟอร์ด 2-1 เหมือนฝั่งปีศาจแดงจะปลดล็อกได้แล้ว และเอริค เทน ฮาก ก็ดูจะรู้วิธีรับมือคล็อปป์ด้วย
ด้วยสามเหตุผลนี้ ก็เชื่อว่าเกมแดงเดือดที่แอนฟิลด์ในฤดูกาล 2022-23 ควรสกอร์ออกมาสูสี อาจเบียดชนะกันลูกเดียว ดีไม่ดี ฝั่งแมนฯ ยูไนเต็ดอาจพลิกชนะด้วยซ้ำ
ก่อนเกม เจอร์เก้น คล็อปป์ให้สัมภาษณ์ว่า "แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยังต้องต่อสู้เพื่อลุ้นแชมป์ลีกเต็มตัว"
บางคนก็บอกว่าคล็อปป์พูดจริงๆ แต่บางคนก็บอกว่า นี่เป็นกลยุทธ์ Mind Games ต่างหาก
เพราะถ้าไปดูตารางคะแนนจริงๆ จะเห็นว่าทีมปีศาจแดง ณ เวลานั้น มีแต้มตามหลังจ่าฝูงอาร์เซน่อล 11 แต้ม คือทางปฏิบัติ คุณไม่มีทางทำแต้มแซงเป็นแชมป์ได้แน่ๆ เพราะเหลือเกมให้เล่นแค่สิบกว่าเกมเท่านั้น แต่การสัมภาษณ์ของคล็อปป์แบบนั้น เป็นการกระตุ้นแมนฯ ยูไนเต็ด ว่าให้บุกใส่เข้ามาเลย ลุ้นเอาชนะไปเลยที่แอนฟิลด์
ถ้าเกิดแมนฯ ยูไนเต็ดทำได้แค่เสมอ โอกาสลุ้นแชมป์ก็จบสิ คุณต้องกล้าๆ บุกใส่หงส์แดงนะเพื่อเอาสามแต้ม คุณฟอร์มดีอยู่ไม่ใช่หรือต้องท้าชนต่างหาก
หลายคนเชื่อว่านี่เป็นสารที่คล็อปป์แฝงไว้ คือถ้าแมนฯ ยูไนเต็ดคิดคล้อยตามแบบนั้น เดินหน้าบุกเข้าใส่เพื่อจะเอาชนะ ก็จะเข้าทางลิเวอร์พูลเลย ที่จะได้เล่นเกมโต้กลับเร็วของถนัด
ไลน์อัพของหงส์แดงเกมนั้น ก็ถือว่าไม่ฟูลทีม เพราะขาดหลุยส์ ดิอาซ, ติอาโก้ อัลคันทาร่า และ โจ โกเมซ ที่บาดเจ็บ
เริ่มเกมมา เป็นฝ่ายแมนฯ ยูไนเต็ดที่เล่นได้ดีกว่า พวกเขาไม่เป็นรองหงส์แดงเลยใน 40 นาทีแรก บรูโน่ เฟอร์นันเดส ได้จังหวะโหม่งเน้นๆ ประมาณ 8 หลา หลุดกรอบไปนิดเดียวเท่านั้น
นอกจากนั้น คาเซมิโร่ ยังโหม่งเข้าประตูไปแล้ว แต่ไลน์แมนยกธงล้ำหน้าไปก่อน ทำให้หงส์แดงยังไม่ตามหลัง
ลิเวอร์พูลมาขึ้นนำ 1-0 จากจังหวะเซอร์ไพรส์ เมื่อเป็นครั้งแรกในเกม ที่แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน เปลี่ยนบทบาทมาเล่นเป็นอินเวิร์ต ฟูลแบ็ก เขาเลี้ยงจากริมเส้น ขยับเข้ากลางสนาม นั่นคือกับดัก เพราะดีโอโก้ ดาโลต์ แบ็กขวาของแมนฯ ยูไนเต็ด โดนล่อให้วิ่งตามมาด้วย
1
พริบตานั้น เปิดพื้นที่ให้ปีกซ้าย โคดี้ กั๊กโป ไม่มีตัวประกบ โรเบิร์ตสันแทงเร็วทันที เมื่อกั๊กโปได้บอล ราฟาแอล วาราน พยายามจะมาคัฟเวอร์ ก็โดนหลอกหน้าทิ่ม ก่อนที่กั๊กโปจะซัดเสียบเสาสอง ให้หงส์แดงขึ้นนำ 1-0
1
ครึ่งแรกจบที่สกอร์ 1-0 ตอนนั้นไม่มีใครคิดว่าสกอร์จะขาด แม้แต่เทน ฮาก ยังให้สัมภาษณ์ว่า "ครึ่งแรกเราเป็นทีมที่ดีกว่า เราได้จังหวะยิงตัวต่อตัว 2 ครั้ง"
เข้าครึ่งหลัง ลิเวอร์พูลได้ประตูนำขาด 3-0 ใน 5 นาทีแรก จากดาร์วิน นูนเยซ และ โคดี้ กั๊กโป
ลูก 2-0 เกิดจากจังหวะเกเก้นเพรสซิ่ง เสียบอลแล้วแย่งคืนได้เร็ว จนสร้างโอกาสยิง ส่วนลูก 3-0 เป็นเกมโต้กลับเร็ว
ปัญหาสำคัญคือพอโดน 3 ลูกปั๊บ ถ้าคุณมีความเชื่อมั่นสักหน่อยล่ะก็ เวลายังมีพอที่จะคัมแบ็กได้ เหลืออีกตั้ง 40 นาที แต่นักเตะแมนฯ ยูไนเต็ด "ปล่อยจอย" ตัดสินใจไม่เอาแล้ว แพ้ก็แพ้ เรื่องนี้ หลังจบเกมเทน ฮาก ด่ากราดใส่นักเตะว่า "ไม่มีความเป็นมืออาชีพ ไม่มีวิ่งไล่ ไม่มีการรวมพลังใจกัน ไม่มีอะไรทั้งนั้น"
ฝ่ายหนึ่งแพสชั่นมาเต็ม อีกฝ่ายพร้อมโดน แถมไม่มีใครคอยกระตุ้นทีม มันจึงกลายเป็นลานฆาตกรรมโหด ที่ไล่ฆ่าอยู่ข้างเดียว
โม ซาลาห์ ยิง 4-0 และ นูนเยซ ยิง 5-0 สกอร์มีแต่เละไปเรื่อยๆ ฝั่งแมนฯ ยูไนเต็ดไม่มีหือมีอือ
1
เกมนี้กองกลางของลิเวอร์พูลเล่นได้ดีอย่างเหลือเชื่อ ฟาบินโญ่ที่เหมือนจะฟอร์มตกไปนาน เกมนี้เล่นท็อปฟอร์มมาก ส่วนจอร์แดน เฮนเดอร์สัน ลงเล่นเกมที่ 400 ในสีเสื้อลิเวอร์พูล และทำผลงานได้เด่นมาก แย่งบอลจากคู่แข่งได้มากที่สุดในสนามถึง 11 ครั้ง
ขณะที่ฮาร์วีย์ เอลเลียตต์ก็โชว์ความขยันแบบสุดๆ เป็นคนวิ่งเยอะสุดในสนาม 10.1 กิโลเมตร และจ่ายบอลเข้าเป้ามากที่สุดในทีมด้วย
ซาลาห์มายิง 6-0 ในนาทีที่ 83 ลูกนี้มีความหมายพิเศษมาก เมื่อเป็นการยิงประตูที่ 129 ของซาลาห์กับลิเวอร์พูลในพรีเมียร์ลีก โดยสถิติสูงสุดก่อนหน้านี้ ที่นักเตะหงส์แดงเคยทำได้ในพรีเมียร์ลีกคือ 128 ลูก โดยร็อบบี้ ฟาวเลอร์
นั่นคือเหตุผลที่พอยิงได้ปั๊บ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ มาสวมมงกุฏอากาศ ให้ซาลาห์ เพื่อยกย่องว่า สถิติของเขาตอนนี้คือ คิง ออฟ แอนฟิลด์ อย่างแท้จริง
เกมนี้ซาลาห์เล่นได้อย่างมหัศจรรย์มาก เมื่อยิง 2 แอสซิสต์ 2 และกลายเป็นผู้เล่นลิเวอร์พูลที่ยิงประตูใส่แมนฯ ยูไนเต็ดมากที่สุดด้วยจำนวน 12 ประตู นอกจากนั้นยังสร้างมีมฮา ในช็อตที่เขาหลอกลิซานโดร มาร์ติเนซ จนหัวปั่น หันหน้าไปอีกทาง จนถึงวันนี้คนก็ยังเอามีมนี้มาล้อเลียนเป็นระยะ
ลำพัง 6 ลูก ครึ่งโหล ก็เหลือเชื่อแล้ว ลิเวอร์พูลได้ประตูที่ 7 จากตัวสำรองโรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่
2
ประเด็นคือ ก่อนแข่งกับแมนฯ ยูไนเต็ดไม่กี่วัน ฟีร์มีโน่ เพิ่งประกาศว่าจะอำลาสโมสรที่เขาอยู่มา 8 ปี ดังนั้นเมื่อยิงเข้าเพื่อนๆ จึงไปรุมล้อมเขา เป็นการอำลาแดงเดือดแบบมีสไตล์มากๆ
1
ลิเวอร์พูลชนะ 7-0 ในประวัติศาสตร์ของแดงเดือด ทั้งคู่เคยเจอกันเป็นร้อยครั้ง สกอร์ที่ห่างที่สุดคือ 6 ลูก นี่เป็นครั้งแรกที่ห่างถึง 7
ทำไมลิเวอร์พูลถึงชนะขาดขนาดนั้น คำตอบคือนักเตะลิเวอร์พูลทำอะไรก็ดีไปหมดในนัดนั้น บวกกับนักเตะแมนฯ ยูไนเต็ดเล่นแบบไม่มีใจด้วย ไม่มีใครเข้าใจเลยว่า การโดนยิง 7 ลูก ไม่ใช่แค่การแพ้นัดหนึ่ง แต่มันเป็นรอยแผลที่จะโดนกลับมาล้อซ้ำๆ ไปอีกหลายปี
1
ถ้าโดน 3 ลูก 4 ลูก คุณต้องอุดไม่ให้แพ้ยับไปกว่านี้ คือคุณจะโดนยิง 7 ลูกไม่ได้ มันอัปยศเกินไป สำหรับทีมที่มีเลเวลใกล้เคียงกัน
ปกติแล้วเกมสำคัญแบบนี้ นักเตะจากอะคาเดมี่ จะเป็นคนกระตุ้นทีม เหมือนอย่างที่อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ทำ แต่ตรงข้ามกับมาร์คัส แรชฟอร์ด ที่โดนยิงทิ้งห่างก็เล่นเอื่อยๆ ประตู 5-0 เขาไม่ไล่ ไม่เพรส ปล่อยให้เฮนเดอร์สันครอสบอลโล่งๆ จนนูนเยซโหม่งได้
สปริติ และ ความกระหายในสนามมันต่างกัน สกอร์เลยไหลไปกระจุยขนาดนี้
สื่ออังกฤษ แซวแมนฯ ยูไนเต็ดว่า "กลัวแอนฟิลด์" มีการใช้คำว่า United's house of horrors (บ้านสยองขวัญของยูไนเต็ด) นั่นเพราะตั้งแต่ ฤดูกาล 2016-17 เป็นต้นมา ลิเวอร์พูลไม่เคยแพ้ที่นี่เลย (ชนะ 4 เสมอ 3)
1
ยิ่งไปกว่านั้น 15 ประตูหลังสุดที่มีการยิงกันเกิดขึ้นที่แอนฟิลด์ คนที่ยิงได้ คือฝั่งลิเวอร์พูลทั้ง 15 ลูกเลย แฟนแมนฯ ยูไนเต็ด ไม่ได้เฮที่แอนฟิลด์มานานจนแทบจะลืมไปแล้ว
เกมนี้ ทำให้ผู้คนเห็นจุดอ่อนสำคัญของเอริค เทน ฮาก คือไม่สามารถเรียกสปิริตทีมกลับมาได้เวลาโดนคู่แข่งนำ หลายๆ ครั้งเวลาเขาโดนแล้ว ทีมเละยาว โดนยิง 4 5 6 ลูกไปเลย
1
เช่นเกมแพ้เบรนท์ฟอร์ด 4-0, แพ้แมนฯ ซิตี้ 6-3, แพ้ลิเวอร์พูล 7-0 คือเทน ฮาก เวลาโดนแล้วโดนยาวจนเละ
สกอร์ 7-0 จะอยู่ในความทรงจำของแฟนบอลไปอีกนาน เพราะมันเป็นสกอร์ที่เหนือจินตนาการจริงๆ และอาจเป็นครั้งเดียวในชีวิตพวกเขา ที่ได้เห็นสกอร์ไลน์แบบนี้ ในเกมแดงเดือด
มีเหตุการณ์ฮาๆ ที่คนเอามาล้อเลียนในแมตช์นี้มากมาย เช่น ยูทูบ ช่องพรีเมียร์ลีกลงไฮไลท์คู่นี้ ด้วยพาดหัวว่า
SEVEN GOAL THRILLER! Liverpool 7-0 Manchester United
แปลว่า "เจ็ดลูกสุดระทึก ลิเวอร์พูล 7-0 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด"
คอมเมนต์แรกของชาวเน็ตคือ "บ้าดี ที่เรียกว่าเจ็ดลูกสุดระทึก ในเมื่อทั้ง 7 ประตู มีทีมเดียวที่ยิงได้!" คือแน่นอนว่าพรีเมียร์ลีกตั้งชื่อเพื่อเอาฮานั่นแหละ
สำหรับเกมแดงเดือดยกแรกในฤดูกาล 2023-24 จะระเบิดขึ้นในวันอาทิตย์นี้ เวลา 23.30 น. ฝั่งลิเวอร์พูลเป็นต่อพอสมควร จากทั้งสถิติการเจอกัน รวมถึงอาการเจ็บของฝั่งแมนฯ ยูไนเต็ดที่เจ็บระนาว
แต่แน่นอน อย่างที่คล็อปป์บอกเสมอ ว่าทีมอย่างแมนฯ ยูไนเต็ดประมาทไม่ได้ คล็อปป์บอกว่า "ยิ่งผู้คนพูดจาแย่ๆ เกี่ยวกับพวกเขามากเท่าไหร่ พวกเขาจะตอบโต้คืนอย่างแข็งแกร่งมากเท่านั้น"
ลิเวอร์พูลได้เปรียบ แต่เกมฟุตบอลไม่มีอะไรง่าย
ท้ายที่สุดแล้วศึกแดงเดือด เป็นแมตช์พิเศษที่มีอะไรมากกว่าแค่ฝีเท้า หลายๆ ครั้งมันจะตัดสินที่ว่า "ใครต้องการชนะมากกว่า" เสมอ พลังใจที่แข็งแกร่ง จะทำให้คุณเป็นผู้ชนะได้ในตอนจบ
เกมนี้สนุกแน่ และถ้าหากมี "เจ็ดลูกสุดระทึก" เกิดขึ้นอีกครั้ง หวังว่ามันจะเป็น 4-3 ไม่ใช่ 7-0 ซ้ำรอยซีซั่นที่แล้ว
3 บันทึก
32
4
3
32
4
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย