20 ธ.ค. 2023 เวลา 04:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ

5 สิ่งที่ควรระวัง ถ้าอยากมีรายได้ จากหุ้นปันผล เดือนละหลายหมื่น

การนอนเฉย ๆ แล้วมีเงินเข้าบัญชีทุกเดือน หรือที่เรียกว่า Passive Income ถือว่าเป็นความฝันของใครหลายคน
ซึ่งสิ่งที่จะช่วยให้เรามี Passive Income ได้ ก็มีอยู่หลากหลายอย่าง เช่น หุ้นกู้, กองทุนอสังหาริมทรัพย์, ค่าเช่า และค่าลิขสิทธิ์ต่าง ๆ
รวมถึง “หุ้นปันผล” ที่หลายคนคุ้นเคย
อย่างไรก็ตาม ภายใต้เงินปันผลอันแสนหอมหวาน ก็ยังมีความเสี่ยงอยู่หลายอย่าง ที่เราจะต้องระวัง ก่อนตัดสินใจลงทุน ในหุ้นปันผลเหล่านี้ด้วยเช่นกัน
แล้วความเสี่ยงดังกล่าว มีอะไรบ้าง ?
MONEY LAB จะเล่าเรื่องการเงิน ที่โรงเรียนไม่เคยสอน ให้เข้าใจ
1. เงินปันผล ไม่ใช่สิ่งที่แน่นอน อย่างที่คิด
เงินปันผลนั้น มาจากการที่บริษัทนำกำไรสุทธิในแต่ละปี หรือกำไรสะสม มาจ่ายคืนให้กับผู้ถือหุ้น
ฉะนั้น การที่เราจะได้รับเงินปันผล แปลว่า บริษัทจะต้องมีกำไรสะสมอยู่เท่านั้น
นอกจากนั้น ถ้ากำไรของบริษัทลดลง หรือถ้าผู้บริหารของบริษัท ตัดสินใจเก็บกำไรเพื่อนำไปลงทุนขยายกิจการต่อ ก็อาจทำให้นักลงทุน ได้รับเงินปันผลน้อยลง หรือไม่ได้รับเงินปันผลในปีนั้นเลย ก็เป็นได้
เพราะหลักการของการถือหุ้น คือเราจะมีสถานะเป็น “เจ้าของบริษัท” ไม่เหมือนกับ “เจ้าหนี้บริษัท” ที่จะได้รับดอกเบี้ยแน่นอนตามสัญญา ยกตัวอย่างเช่น ผู้ถือหุ้นกู้
จะเห็นได้ว่าเงินปันผลของบริษัทนั้น สามารถเพิ่มขึ้นหรือลดลงก็ได้ ทำให้การที่เราวางแผนจะนำเงินปันผล ไปใช้กับค่าใช้จ่ายคงที่ อย่างเช่น การผ่อนรถ หรือผ่อนบ้าน ก็มีความเสี่ยงอยู่ไม่ใช่น้อย
ดังนั้น เราอาจจะต้องมีแหล่งรายได้ หรือวิธีการอื่น ๆ รองรับ ในกรณีที่เงินปันผลลดลงไว้ด้วย
2. Dividend Yield สูง อาจจะมาจาก ราคาหุ้นร่วง
1
Dividend Yield หรือ อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล จะคิดจากการนำ เงินปันผลต่อหุ้น มาหารด้วยราคาของหุ้น
1
โดยทั่วไปการมี Dividend Yield สูง ๆ จะถือเป็นเรื่องที่ดี ถ้าเกิดจากการเติบโตของเงินปันผล
แต่ถ้าหาก Dividend Yield เพิ่มสูงขึ้น เพราะเกิดจากราคาหุ้นที่เป็นตัวหารต่ำลง ก็อาจจะไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก เพราะบริษัทอาจจะกำลังมีปัญหาอยู่ จนทำให้ราคาหุ้นร่วงลงก็ได้
1
3. ราคาหุ้นปันผล อ่อนไหว ต่อการขึ้นดอกเบี้ย
สิ่งที่จ่ายเงินเข้าบัญชีเราสม่ำเสมอ ได้คล้ายกันกับเงินปันผล แต่แน่นอนกว่า ก็คือ บรรดาพันธบัตร และหุ้นกู้ต่าง ๆ
1
ซึ่งการเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ยนโยบาย จะทำให้ตราสารหนี้ที่ออกใหม่ ให้ดอกเบี้ยที่สูงกว่าเดิม
1
ดังนั้น ถ้าการลงทุนตราสารหนี้ ได้ผลตอบแทนที่ไม่ต่างกับหุ้นปันผลมากนัก นักลงทุนส่วนใหญ่ ก็อาจจะเปลี่ยนไปซื้อตราสารหนี้แทนได้
ส่งผลให้หุ้นปันผล ที่เราถืออยู่ อาจราคาร่วง จนเราขาดทุนอย่างหนักได้
1
4. เงินปันผลที่เพิ่มขึ้น อาจมาจาก กำไรพิเศษ
การขายสินทรัพย์, ขายบริษัทย่อย หรือแม้แต่มีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน สิ่งเหล่านี้ ล้วนทำให้กำไรของบริษัท เพิ่มขึ้นจากเหตุการณ์ปกติได้
2
กำไรที่เพิ่มขึ้นก็จะทำให้ในปีนั้น บริษัทอาจจ่ายเงินปันผลมากขึ้นด้วย ทำให้ถ้าหากเรามองแค่ปีเดียว ก็จะเห็นว่า บริษัทนี้น่าสนใจ เพราะจ่ายเงินปันผลได้สูง
แต่อันที่จริง เงินปันผลสูง ๆ ของบริษัทนั้น อาจเกิดขึ้นเพียงแค่ชั่วครั้งชั่วคราว เพียงเพราะบริษัทมีกำไรพิเศษเท่านั้น ทำให้ในปีต่อ ๆ ไปเงินปันผลก็จะลดลง
1
5. หุ้นปันผลสูง อาจเป็นธุรกิจอิ่มตัวแล้ว
ธุรกิจที่อิ่มตัวแล้ว จะไม่ต้องนำเงินไปลงทุนเพิ่ม มากเท่ากับธุรกิจที่กำลังเติบโต บริษัทจึงมีเงินสด เหลืออยู่เป็นจำนวนมาก
เงินสดส่วนเกินเหล่านี้ ก็จะกลายเป็น เงินปันผลจำนวนมาก คืนให้กับผู้ถือหุ้นของบริษัท
ถึงอย่างนั้น ด้วยการที่บริษัทไม่ได้ลงทุนเพิ่ม เพื่อสร้างการเติบโตอีกต่อไปแล้ว การจะหวังให้ราคาหุ้นขึ้นไปอีกหลาย ๆ เท่า เหมือนอย่างเคย ก็อาจจะลำบาก
1
เพราะฉะนั้น ผลตอบแทนที่นักลงทุน พอจะคาดหวังได้จากธุรกิจแบบนี้ ก็เหลือเพียงแค่เงินปันผลเท่านั้น
1
จากทั้งหมดนี้เองจะเห็นได้ว่า การลงทุนในหุ้นปันผล แม้จะไม่ใช่เรื่องยากเกินความสามารถ แต่ก็ยังมีหลายความเสี่ยง ซึ่งเราไม่อาจมองข้ามได้
เราจึงต้องศึกษาความเสี่ยงเหล่านี้ให้เข้าใจก่อนจะลงทุน
ไม่ใช่มองหาแต่หุ้นที่ให้เงินปันผลสูงที่สุด เพียงอย่างเดียว
ไม่อย่างนั้น แผนการสร้าง Passive Income ของเรา ก็อาจจะพังลงได้ เพียงเพราะไม่ได้ Active ในการหาความรู้ ก่อนลงทุน..
2
Sponsored by JCB
สัมผัสประสบการณ์ที่มากกว่ากับ บัตรเครดิต JCB
ที่มาพร้อมสิทธิพิเศษดี ๆ เพลิดเพลินทั้ง กิน เที่ยว ช้อป ในไทยและต่างประเทศ
พร้อมกับการให้บริการสุดพิถีพิถันทุกรูปแบบ
Facebook : JCB Thailand
LINE : @JCBThailand (https://bit.ly/JCBTHLine)
#JCBThailand #JCBCard
#JCBOwnHappinessOwnStory #อีกขั้นของความสุขในรูปแบบที่เป็นตัวคุณ
โฆษณา