21 ธ.ค. 2023 เวลา 03:30 • หุ้น & เศรษฐกิจ

เปิดรายชื่อ 5 หุ้นเข้าเกณฑ์ ดัชนี SET50FF-SET100FF ลุ้นปี 67 รับฟันด์โฟลว์ไหลเข้า

อีกไม่ว่าสัปดาห์ก็จะเข้าสู่ปี 2567 ซึ่งในแง่ของตลาดทุนตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 67 ก็จะเริ่มมีการใช้ดัชนีใหม่อย่าง SET50FF และ SET100FF โดยจะถูกนำเสนอควบคู่ไปกับดัชนี SET50 และ SET100 เดิม แต่จะมีความแตกต่างกันที่มีการนำสัดส่วนผู้ถือหุ้นรายย่อย (Free Float) มาใช้คิดคำนวณเพิ่มเติม
แน่นอนว่า คำถามและข้อสงสัยที่ตามมาสำหรับนักลงทุนก็คือข้อดีของดัชนีน้องใหม่ป้ายแดงและจะมีหลักทรัพย์หรือหุ้นตัวใดได้ประโยชน์บ้าง ทางบทวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ก็ได้ฉายมุมมองพร้อมกับนำเสนอหุ้นรายตัวที่จะถูกเพิ่มและลดน้ำหนักลง
โดยคาดการณ์ว่า รายชื่อหุ้นเข้า –ออก ดัชนี SET50 ที่ตลาดหลักทรัพย์ได้ประกาศออกมาล่าสุด โดยหุ้นที่ถูกคัดออกจากดัชนีได้แก่ TIDLOR และหุ้นเข้าได้แก่ KCE ซึ่งรายชื่อหุ้นใน SET50 สำหรับรอบครึ่งปีแรกปี 67 จะเป็นหุ้นชุดเดียวกันกับที่ใช้คำนวณดัชนี SET50FF โดยหุ้นที่มี Free Float สูงกว่าค่ากลางจะถูกปรับเพิ่มน้ำหนักในการคำนวณดัชนี SET50FF
พร้อมกับมองว่าจะมีฟันด์โฟลว์เข้ามามากขึ้นจากกองทุน Passive ที่ใช้ดัชนี Free Float Adjusted เป็น Benchmark ทั้งกองทุนเดิมและกองทุนใหม่ ส่วนในทางตรงกันข้ามนั้น หุ้นที่มี Free Float ต่ำกว่าค่ากลางก็จะมีน้ำหนักลดลงในการคำนวณดัชนีใหม่
สำหรับ 5 หุ้นที่ถูกปรับเพิ่มน้ำหนักมากที่สุด ได้แก่ BBL (Weight +2.9%), KBANK (Weight +2.0%), SCB (Weight +1.9%), BDMS (Weight +1.8%) และ SCC (Weight +1.4%) ส่วน 5 หุ้นที่ถูกปรับลดน้ำหนักมากที่สุด ได้แก่ DELTA (Weight -4.5%), AOT (Weight -2.5%), GULF (Weight -2.0%), PTTEP (Weight -1.2%) และ ADVANC (Weight -1.1%)
ทั้งนี้ ในเชิงกลยุทธ์ก่อนที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยจะเผยแพร่ดัชนีใหม่ มองว่าเป็นโอกาสสะสมหุ้นที่ได้รับการปรับเพิ่มน้ำหนัก เพื่อคาดหวังฟันด์โฟลว์จากกองทุนในปีหน้า เพราะว่ามีโอกาสที่กองทุนต่างประเทศจะหันมาใช้ดัชนี Free Float Adjusted มากขึ้น เนื่องจากการคำนวณดัชนีแบบนี้ ถูกใช้ในหลายดัชนีหลัก เช่น S&P500, NYSE Composite, MSCI World Index และ FTSE100 Index เป็นต้น
1
ด้านปัจจัยพื้นฐาน 5 หุ้นที่ถูกปรับเพิ่มน้ำหนักมากที่สุด เริ่มกันที่ BBL บทวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 203 บาท โดยเป็นหุ้นเด่นในกลุ่มธนาคารสะท้อนงบดุลแข็งแกร่งพร้อมรับมือกับความไม่แน่นอน เป็นธนาคารที่ได้รับประโยชน์เป็นลำดับต้นของวัฏจักรดอกเบี้ยขาขึ้น เป็นปัจจัยผลักดันให้กำไรสุทธิเติบโตแกร่งกว่าคู่แข่งหรือเติบโต 21% ต่อปีในช่วงปี 2566 -2568 และมูลค่าหุ้นที่ไม่แพง
ถัดมา KBANK บทวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 150 บาท ด้วยมูลค่าหุ้นที่น่าสนใจและราคาหุ้นยัง laggard กลุ่มธนาคารมาก ขณะที่การจัดตั้งบจ.กสิกร เอกซ์ เวนเจอร์ แคปิทัล จะช่วยพัฒนาและต่อยอดด้านเทคโนโลยีของธนาคาร ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและการทำกำไรได้ในระยะกลางถึงยาว
ต่อมา SCB บทวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 120 บาท เนื่องจากคาดว่าคุณภาพสินทรัพย์จะดีขึ้น และ credit cost จะลดลงในปี 2567 พร้อมกับคาดว่ายีลด์ของสินทรัพย์ที่ก่อรายได้จะทรงตัวและมีอัพไซด์ รวมถึงอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงที่สุดประมาณ 7%
1
ขณะที่ BDMS บทวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 36.50 บาท ตามการปรับประมาณกำไรสุทธิปี 2566-2568 ขึ้น 2-3% จากการปรับเพิ่มเป้าหมายรายได้ของบริษัท อีกทั้ง BDMS มีจุดเด่นทั้งความพร้อมด้าน Capacity สำหรับให้บริการ และมีความได้เปรียบด้านฐานลูกค้ากว้างครอบคลุมตั้งแต่ระดับกลางขึ้นไป ทำให้รองรับการเติบโตต่อเนื่องในระยะยาว
สุดท้าย SCC บทวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) แนะนำ “เก็งกำไร” ราคาเป้าหมาย 360 บาท ในระยะสั้นราคาหุ้นยังขาดปัจจัยสนับสนุน โดยให้รอดูการฟื้นของส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีและแผนการ COD โครงการ LSP ก่อน ค่อยเข้าเก็งกำไร เพื่อรับการฟื้นตัวในปี 2567- 2568 ที่ซัพพลายล้นตลาดของปิโตรเคมีลดน้อยลงและโรง LSP ผลิตเพิ่มขึ้นตามการฟื้นของดีมานด์
โฆษณา