23 ธ.ค. 2023 เวลา 03:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ

ลงทุนกองทุนรวมหุ้นต่างประเทศ แบบไม่ต้องกลัวภาษีหุ้นนอก

-ร่วมเติบโตไปพร้อมกับหุ้นจีน ผ่าน MEGA10CHINA กองทุน MEGA10CHINA-A, MEGA10CHINA-SSF, MEGA10CHINARMF แบบไม่ต้องกลัวภาษีหุ้นนอก ได้ในช่วง IPO 21-26 ธันวาคม 2566 ซื้อได้ที่บลจ.ทาลิส และ ผู้สนับสนุนการขาย หลายรายทั่วประเทศ เช่น InnovestX, Finnomena, Dime, Krungsri capital Securities ฯลฯ
ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา กรมสรรพากร ก็ได้ออกมาบอกว่า จะเริ่มมีการเก็บภาษีเงินได้ ของบุคคลธรรมดา ที่มีรายได้จากต่างประเทศ แน่นอนว่ารายได้ที่ว่านี้ รวมไปถึงเงินได้จากการลงทุนในหุ้นต่างประเทศด้วยเช่นกัน
(อ้างอิง : คำสั่งกรมสรรพากร ที่ ป.161/2566 เรื่อง การเสียภาษีเงินได้ตามมาตรา 41 วรรคสอง แห่งประมวลรัษฎากร)
หรือพูดง่าย ๆ ก็คือ “ประเด็นภาษีหุ้นนอก” ที่เป็นกระแสในช่วงที่ผ่านมานั่นเอง
แล้วเราในฐานะนักลงทุนควร ปรับตัวอย่างไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
 
สำหรับแนวทาง ที่เราจะสามารถได้รับผลกระทบ จากภาษีหุ้นนอกน้อยสุด
จะแบ่งออกได้เป็น 3 แนวทางหลัก ๆ
1. ย้ายเงินลงทุนทั้งหมด กลับมาลงทุนในหุ้นไทย
แน่นอนว่าวิธีทำให้เรา หมดปัญหาเรื่องภาษีหุ้นนอก อย่างไรก็ตามข้อเสียใหญ่สุด ก็คือ เราจะหมดโอกาสในการลงทุนหุ้นต่างประเทศไปเลย
2. ลงทุนต่างประเทศไปเลย เป็นระยะเวลาที่นานมาก ๆ เช่น 30 ปี, 50 ปี
วิธีนี้เป็นการลงทุนในระยะเวลาที่ยาวมาก ๆ แล้วปล่อยให้กลไกของดอกเบี้ยทบต้นทำงานไป
โดยหากเราลงทุนในระยะเวลาที่ยาวมากพอ เช่น 30 ปี หรือ 50 ปี ผลตอบแทนก็จะมากจนเรื่องภาษีที่เราจ่ายเทียบกับเงินต้นในตอนแรก ก็จะกลายเป็นปัญหาที่เล็กลงไป
แต่ข้อจำกัดสำคัญของข้อนี้คือ “เวลา”
ซึ่งหลายคนก็คงไม่ได้วางกรอบการลงทุนไว้นานมากถึง 50 ปี
จะเห็นว่าทั้งสองข้อที่กล่าวมา ยังคงมีข้อเสียที่เป็นเหมือนอุปสรรคชิ้นใหญ่ในการลงทุน
ดังนั้นลงทุนแมนจะแนะนำวิธีที่ 3 ซึ่งก็คือการลงทุน ผ่าน “กองทุนรวม” ที่เข้าไปลงทุนในหุ้นต่างประเทศ
อธิบายกลไกการลงทุนของกองทุนรวมอีกทีสั้น ๆ
การลงทุนผ่านกองทุนรวม คือ การที่บลจ. นำเงินของนักลงทุนหลาย ๆ คน ไปลงทุนซื้อทรัพย์สินต่าง ๆ ตามนโยบายการลงทุนของแต่ละกอง
โดยจะมีผู้จัดการกองทุนเป็นผู้มีหน้าที่ทำการลงทุนผ่านการวิเคราะห์ตามวิชาชีพให้ผู้ลงทุนอีกทีหนึ่ง
เราจะเห็นได้ว่าความจริงแล้ว การลงทุนในกองทุนรวม แทบไม่ต่างอะไรจากการที่เราเข้าไปลงทุนในหุ้นโดยตรงเลย
คำถามต่อมาคือ หุ้นประเทศไหนที่น่าลงทุนในช่วงนี้ ?
คำตอบคือ “ประเทศจีน”
โดยสาเหตุหลัก ที่จีนเป็นประเทศที่น่าลงทุนในตอนนี้ สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ข้อด้วยกัน
1. ประเทศจีน เป็นประเทศ ที่เศรษฐกิจกำลังเติบโต
เราลองมาดูตัวอย่างตัวเลขทางเศรษฐกิจของจีนกัน ว่าตอนนี้มีความแข็งแกร่งมากแค่ไหน
- มีประชากรทั้งหมด 1,400 ล้านคน คิดเป็นประเทศที่มีประชากรมากสุดในโลก
- มูลค่าเศรษฐกิจอยู่ที่ 630 ล้านล้านบาท คิดเป็น 1 ใน 5 ของ GDP ทั้งโลก
2. หลาย ๆ บริษัทในตลาดหุ้นจีน มีระดับราคาที่เหมาะสม
เราลองมาดู P/E (อัตราส่วนราคาตลาดต่อกำไรสุทธิ) ของตลาดหุ้นฮ่องกง Hang Seng ซึ่งเต็มไปด้วยบริษัทชั้นนำของจีน เทียบกับตลาดหุ้นอื่น ๆ จะพบกว่า
-ตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกา Dow Jones P/E ที่ 26.9 เท่า
-ตลาดหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ในสหรัฐอเมริกาอย่าง Nasdaq P/E ที่ 24.33 เท่า
-ตลาดหุ้นไทย SET P/E ที่ 17.9 เท่า
ในขณะที่ ตลาดหุ้นฮ่องกง Hang Seng มี P/E ระดับ เฉลี่ยอยู่ที่ 7.8 เท่า เท่านั้น
หรือ หากจะไปเจาะที่รายบริษัทใหญ่ ๆ ในประเทศจีน
ก็จะมีระดับราคาที่ไม่แพง เช่น Tencent P/E 14 เท่า
Alibaba P/E 10 เท่า
Ping An Insurance P/E 7 เท่า..
จากทั้งสองข้อนี้ เราสามารถสรุปได้ว่าจีนเป็นประเทศที่เศรษฐกิจกำลังเติบโตสูง ในขณะที่ราคาของหุ้นโดยรวมไม่แพง
ซึ่งกองทุนที่น่าสนใจที่สุด ตอนนี้ คือ กองทุน MEGA10CHINA และกองทุน MEGA10CHINARMF โดยจุดเด่นสำคัญของกองนี้ คือ
ลงทุนเน้น ๆ ในหุ้นจีนที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง(Hong Kong Stock Exchange; HKEX) 10 ตัว ซึ่งต่างจากทุนอื่นในไทย ที่มักจะกระจายการลงทุนไปหลายตัว
ทีนี้ เราลองมาเจาะลึกไปที่ตัวกองทุน MEGA10CHINA และกองทุน MEGA10CHINARMF กัน
โดยกองทุน จะเข้าไปลงทุนใน 10 บริษัทมูลค่าตลาดขนาดใหญ่และมีสภาพคล่องของจีนในตลาดหุ้นฮ่องกง (HKEX)
ที่เป็นบริษัทที่เน้นความเป็นผู้นำในด้านตราสินค้า (Brand Value) ในกลุ่มTOP/BEST CHINESE BRANDS จากการจัดอันดับโดยบริษัทที่มีชื่อเสียงและเป็นที่ยอมรับในเรื่องของการจัดอันดับดังกล่าว
เพื่อให้เราได้มีส่วนร่วมความเป็นเจ้าของแบบเน้น ๆ
อย่างไรก็ตาม MEGA10CHINA มองว่า “การมีผู้ถือหุ้นใหญ่เป็นรัฐบาลจีน” จะเป็นอีกหนึ่งความเสี่ยงที่ประเมิน และ คาดการณ์ได้ยาก
ดังนั้น ทางกองทุนจึงเพิ่มเงื่อนไขในการเข้าไปลงทุนในหุ้นเพิ่มเติมคือ จะพิจารณาลงทุนในหุ้นที่ไม่มีการถือหุ้นใหญ่โดยรัฐบาลจีน มีแต่ตัวผู้ก่อตั้ง เป็นคนบริหารธุรกิจเอง และยังมีปัจจัยอื่นๆตามวิธีการคัดเลือกของผู้จัดการกองทุน
จากเกณฑ์ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ เราลองมาดูตัวอย่างบริษัทที่ กองทุน MEGA10CHINA และกองทุน MEGA10CHINARMF
คาดว่าจะเข้าไปลงทุนกัน
- Tencent Holdings บริษัทเทคโนโลยีเจ้าของเกม RoV และ PUBG
ปัจจุบัน Tencent เป็นบริษัทที่มีมูลค่ามากสุดในประเทศจีน
- Alibaba บริษัท E-Commerce ที่ใหญ่อันดับ 3 ของโลก เจ้าของแพลตฟอร์ม Alibaba และ Lazada
เรียกได้ว่าครองตลาดอีคอมเมิร์ซในจีน และหลายประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
- BYD เจ้าของแบรนด์รถ BYD รถยนต์ไฟฟ้า ที่กำลังเป็นกระแสร้อนแรงในตอนนี้
ซึ่งหลายคนอาจยังไม่รู้ว่าตอนนี้ BYD เป็นบริษัทรถยนต์ใหญ่สุดอันดับ 4 ของโลก
อ่านมาถึงตรงนี้ เราคงพอสรุปกันได้แล้วว่าประเทศจีนถือเป็นประเทศที่เศรษฐกิจกำลังมีการเติบโตร้อนแรง
แต่ราคาเฉลี่ยของหุ้นในตลาดตอนนี้ อยู่ในระดับที่เหมาะสม ไม่แพงเกินไป
อย่างไรก็ตาม หลายคนอาจกำลังกังวลกับเรื่องภาษีหุ้นนอกที่กำลังจะมาถึงในเร็ว ๆ นี้
จากโอกาสในการลงทุนในจีนตอนนี้ บวกกับเงื่อนไขเรื่องภาษีหุ้นนอก
ก็ต้องบอกว่าการลงทุน ผ่านกองทุน MEGA10CHINA และกองทุน MEGA10CHINARMF ซึ่งลงทุนในหุ้นจีนเน้น ๆ 10 บริษัท ที่เป็นบริษัทที่ทรงอิทธิพล ของจีนในตอนนี้ ก็นับเป็นตัวเลือกการลงทุนที่น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว..
ทั้งนี้ ตัวอย่างบริษัทดังกล่าวสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามเกณฑ์การลงทุนและสภาวะการณ์การลงทุน ณ ขณะนั้น
MEGA10CHINA เป็นกองทุนที่บริหารจัดการโดย บลจ. ทาลิส คือ กองทุนเปิด MEGA 10 CHINA เพื่อการเลี้ยงชีพ (MEGA10CHINARMF) และ กองทุนเปิด MEGA 10 CHINA (MEGA10CHINA) ซึ่งเสนอขาย 2 ชนิด คือ ชนิดสะสมมูลค่า (MEGA10CHINA-A) และ ชนิดเพื่อการออม (MEGA10CHINA-SSF)
สำหรับผู้ที่สนใจ สามารถศึกษารายละเอียดและเริ่มต้นลงทุนได้ที่ บลจ.ทาลิส talisam.co.th 02-0150215, 02-0150216, 02-0150222 และ ผู้สนับสนุนการขาย 29 ราย
1.บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด
2.บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป จำกัด (มหาชน)
3.บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี พัฒนสิน จำกัด (มหาชน)
4.บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน)
5.บริษัทหลักทรัพย์ เว็ลธ์ เมจิก จำกัด
6.หลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน)
7.บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน)
8.บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน)
9.บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนเมอร์ชั่น พาร์ทเนอร์ จำกัด
10.บริษัท หลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)
11.บริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด
12.บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน)
13.บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด
14.บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน โรโบเวลธ์ จำกัด
15.บริษัท หลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด
16.บริษัทหลักทรัพย์พาย จำกัด (มหาชน)
17.บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน แอสเซนด์ เวลธ์ จำกัด
18.บริษัทหลักทรัพย์ที่ปรึกษาการลงทุน เทรเชอริสต์ จำกัด
19.บริษัทหลักทรัพย์หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด
20.บริษัทหลักทรัพย์ ธนชาต จำกัด (มหาชน)
21.บริษัทหลักทรัพย์ สยามเวลธ์ จำกัด
22.ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน)
23.บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) จำกัด
24.บริษัทหลักทรัพย์ ไพน์ เวลท์ โซลูชั่น จำกัด
25.บริษัทหลักทรัพย์ เอเอสแอล จำกัด
26.บริษัท หลักทรัพย์ เคเคพี ไดม์ จำกัด
27.บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอ็กซ์สปริง จำกัด
28.บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)
29.บริษัทหลักทรัพย์ ลิเบอเรเตอร์ จำกัด
เพื่อประโยชน์ของท่านอย่าลืมลงทะเบียนขอใช้สิทธิลดหย่อนภาษีตามหลักเกณฑ์ของกรมสรรพากร ได้ที่ https://www.talisam.co.th/terms-and-conditions/
คำเตือน :
-กองทุนรวมนี้มีลักษณะเฉพาะและความเสี่ยงเฉพาะ และการลงทุนในกองทุนรวมตราสารแห่งทุนอาจมีความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาหลักทรัพย์ ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะ เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยงและศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ระบุไว้ในคู่มือการลงทุนของกองทุน กรณีไม่ได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขทางภาษี จะไม่ได้สิทธิประโยชน์ตามเงื่อนไขของกองทุนก่อนตัดสินใจลงทุน
-กองทุนนี้มีการลงทุนในต่างประเทศมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน และมีการลงทุนกระจุกตัวของหลักทรัพย์ หมวดอุตสาหกรรมและประเทศที่ลงทุน จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก
-ผลการดำเนินงานในอดีต/ ผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
โฆษณา