23 ธ.ค. 2023 เวลา 00:44

📚 Marketing 6.0 #30

พอเห็น Marketing 6.0 ก็รีบ Pre order หนังสือมาเลยครับ ตอน Marketing 5.0 ก็ทำให้ได้เห็นอะไรที่ว้าวหลายๆอย่าง เล่มนี้ก็เช่นกัน
ส่วนตัวตอนเรียนจะเน้นมาทาง เศรษฐศาสตร์ และ การเงิน ทำให้ไม่ได้ลงเรียนด้านการตลาด เลยทำให้หลังจบมา เราคิดว่าการตลาดเป็นเรื่องสำคัญ สุดท้ายทุกธุรกิจก็ต้องขายของ ต้องนำเสนอ
เลยทำให้เริ่มสนใจหาความรู้ด้านการตลาด แต่จะให้ไปลงเรียนคอร์สก็อาจจะไม่สะดวก ทำให้คิดว่าเป็นการอ่านเพื่อติดตาม เพื่อให้มีความรู้บ้างพอประมาณ ให้พอเข้าใจความเป็นไปของวงการการตลาดก็น่าจะพอตอบโจทย์ได้
เล่มนี้ฉายภาพให้เราเห็นถึงการตลาดที่เป็นโลกอนาคตมากๆ อย่างน้อยก็สำหรับผมที่ยังไม่ค่อยเห็นในไทยมากนัก แต่คาดว่าอีกไม่นานก็จะตามฝั่งตะวันตกมาอย่างแน่นอน
เรามาทบทวนแนวคิดและกระแสด้านการตลาดตั้งแต่อดีตที่ผ่านมากัน
Marketing 1.0 : Product-driven marketing
จะยังคงให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์เป็นหลัก หากสินค้าเราดี สินค้าจะขายตัวมันเองได้
Marketing 2.0 : Customer-oriented marketing
ยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง จะออกแบบให้ตอบโจทย์กับความต้องการลูกค้า
Marketing 3.0 : Human-centric marketing. From Products to Customers to Human Spirit
เข้าใจถึงความต้องการที่แท้จริงของลูกค้า ความเป็นมนุษย์ คุณค่าที่ลูกค้าใส่ใจ
Marketing 4.0 : Moving from Traditional to Digital
เริ่มมีการเปลี่นนเข้าสู่โลกดิจิทัลมากขึ้น นอกจากการขายของหน้าร้านแบบเดิมๆ
Marketing 5.0 : Technology for Humanity
เริ่มมีการใช้เทคโนโลยีเข้ามา ไม่ว่าจะเป็น AR VR
Marketing 6.0: The Future is Immersive.
สำหรับปัจจุบันจะมีทั้ง Multiverse Blockchain และอื่นๆอีกมากมาย และที่สำคัญ Generation ที่ต่างกันจะเป็นตัวกำหนดทิศทางด้านการตลาดในอนาคต
ปัจจุบันเทคโนโลยีที่สำคัญ จะมี
Augmented Reality (AR), ซึ่งเเป็นการนำดิจิทัลเข้ามาสู่โลกความเป็นจริง เช่น Pokemon Go ที่เราเดินจับโปเกมอนโดยดูผ่านแอปมือถือ แต่เป็นการเดินไปจับตามสถานที่จริง รวมถึง IKEA ที่สามารถตกแต่งและออกแบบได้เสมือนจริงในแอปมือถือ
Virtual Reality (VR), เป็นการสร้างโลกเสมือน โลกดิจิทัล จำลองประสบการณ์จริงไปอยู่ในโลกดิจิทัล เช่น Volvo BMW ให้บริการ Virtual test drive ก่อนที่จะไปทดลองขับจริง
Extended Reality (XR), เป็นแนวคิดที่กว้างขึ้น ทำให้ผู้ใช้สามารถมีประสบการณ์บนโลกดิจิทัล ผ่านสถานที่จริง
“Metamarketing”, เป็นการทำลายเส้นแบ่งระหว่างโลกจริง และโลกดิจิทัล ทำให้มีประสบการณ์ที่ immersive มากขึ้น โดยจะเป็นมากกว่า omnichannel marketing หรือการที่มีทั้งหน้าร้านจริงและร้านออนไลน์
โดยออนไลน์และออฟไลน์จะเป็นการเสริมกัน แทนที่จะทดแทนกัน
Marketing 6.0 is powered by 5 advanced technologies
1. The internet of Things (IoT)
2. Artificial Intelligence (AI)
3. Spacial Computing, facilitate digital interaction in physical space. Smart fitting room, provided personalized styling recommendation, Virtual try-on.
4. Augmented Reality (AR) and Virtual Reality (VR)
5. Blockchain
Phygital native มาจาก Physical + digital
Generation Z and Generation Alpha คือ digital native นั่นคือเกิดมาก็มี internet ใช้แล้ว
Gen Y มอง internet เป็นเครื่องมือในการใช้ทำงาน โดยเริ่มใช้ตอนวัยรุ่นตอนปลาย และตอนทำงาน ไม่ได้ใช้ตั้งแต่เกิด
Gen Z (mid-1990s to early 2010s) and Gen Alpha (after 2010), internet เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตไปแล้ว ไม่มีเส้นแบ่งระหว่างกิจกรรมออนไลน์ และออฟไลน์
KGOY: kid getting older younger
เนื่องจากเด็กมีเทคโนโลยี ทำให้สามารถเสพคอนเทนต์ผู้ใหญ่ได้ ทำให้โตเร็วขึ้น เข้าใจโลกเร็วขึ้น (อีกมุมก็น่ากังวลครับ เสพอะไรที่ไม่ดี ไม่มีการกรอง)
Gen Y ชอบคอนเทนต์ที่เป็นมืออาชีพ ถูกจัดทำมาอย่างดี
Gen Z and Alpha ชอบคอนเทนต์ที่เรียลๆ เป็นของจริง ไม่แต่งเยอะ ยิ่ง unfiltered ยิ่งดี เช่น TikTok and instagram. อยากดูจังหวะ unscripted ในชีวิตจริงแทนที่จะเป็นการจัดเตรียม
The inevitability of immersive marketing
- short-form video content วิดีโอสั้น
- Community-based social media, reddit, discord, mastodon
- Interactive e-commerce
- Language-based artificial intelligence
- Immersive wearable devices
Micro-moment: split-second decision-making opportunity. While commuting on the
subway or waiting in line at the store
เรื่องนี้น่าสนใจ เพียงแค่ชั่วเวลาสั้น ตอนต่อคิวต่างๆ หรืออยู่บนรถไฟฟ้า ก็เป็นโอกาสให้แบรนด์ต่างๆได้ หากมีคอนเทนต์ดีๆ เพียงแค่เวลาสั้นๆนี้ก็สามารถเกิดการ execute ได้
BOPIS: Buy online, pick up in store
เป็นการดึงลูกค้าจากช่องทางออนไลน์ ให้มาที่หน้าร้าน (brick-and-mortar store) เพื่อ complete their customer journey
Metaverse ก็เป็นอีกหนึ่งเทคโนโลยีที่เข้ามาเปลี่ยนการตลาด
เช่น starbuck มีแนวคิดชูการเป็น third-place สำหรับลูกค้าที่ต้องการมานั่งดื่มกาแฟ ทำงาน คุยงาน นอกเหนือจากบ้านและที่ทำงาน
มีการขยายแนวคิดไปยัง metaverse โดยเป็นการมีตัวตันในโลก metaverse ด้วยแนวคิดนี้ ขณะที่ Gucci Town, ก็มีตัวตนในโลก metaverse เช่นกัน โดยมี permanent presence in Roblox
#GolferoReview
โฆษณา