Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Theerat Dol Bunnag
•
ติดตาม
24 ธ.ค. 2023 เวลา 05:53 • ความคิดเห็น
“ความเห็นแย้ง ในคำพิพากษา..”
ช่วงนี้ คงได้ยินคำว่าความเห็นแย้งมากนะครับ..
กรณีของอัยการ ก็มีคำสั่งไม่ฟ้อง ก็มีเรื่องความเห็นแย้ง เพื่อกำกับดูแลตรวจทานคำสั่งไม่ฟ้องนั้น..
แต่ที่จะโพสต์นี้ เป็นเรื่องความเห็นแย้ง ของศาล ตัวอย่างเช่นในคดีน้องชมพู่ ที่ศาลชั้นต้นตัดสินลงโทษจำเลย.. แต่ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลนั้น และอธิบดีผู้พิพากษาภาคที่ศาลสังกัด มีความเห็นแย้งกับคำพิพากษา..
ด้วยเหตุที่ ระบบศาลยุติธรรมสากลนั้น ศาลเป็นองค์กรตรวจสอบชี้ขาดคดี จะให้หน่วยงานอื่นมาตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของผู้พิพากษาไม่ได้..
ศาลทั่วโลก จึงต้องสร้างระบบตรวจสอบภายในองค์กรที่เข้มแข็งขึ้นมาเอง..
ระบบกำกับดูแล ตรวจสอบภายใน เพื่อความถูกต้องของคำพิพากษามีหลายระดับ หลายขั้นตอน หลายประเภทครับ.. เช่น..
1. ระบบองค์คณะ :
คือ การสืบพยานแบบเป็นทีม เป็นคณะ ตั้งแต่ 2-4 คน ตามชั้นศาล..
ปกติ การสืบพยานและตัดสินคดี ผู้บริหารศาลจะจ่ายสำนวนให้ผู้พิพากษาคนหนึ่งรับผิดชอบเป็นเจ้าของสำนวน..
เจ้าของสำนวน มีอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดเกี่ยวกับสำนวน มีรัฐธรรมนูญรับรองว่า การพิจารณาพิพากษาอรรถคดี มีความเป็นอิสระ..
หน่วยงานอื่น เพื่อนร่วมงาน หรือผู้บังคับบัญชา จะแทรกแซงไม่ได้..
องค์คณะคือ ผู้พิพากษาอีกคน ที่จะมานั่งคู่กับเจ้าของสำนวนที่ได้รับผิดชอบให้ทำคดีนั้นๆ.. เวลาจะพิพากษาตัดสิน ก็จะต้องปรึกษาหารือกันก่อน..
ถ้าเห็นต่างกัน.. ท่านว่า คนที่เห็นเป็นผลร้าย ต้องยอมคนที่เห็นเป็นผลดีแก่จำเลยมากกว่า..
บางกรณี เจ้าของสำนวนอาจเห็นคล้อยตามเหตุผลขององค์คณะ จนต้องกลับไปเขียนแก้ไขร่างคำพิพากษาของตนก็ได้..
แต่ถ้าเจ้าของสำนวนไม่ยอมตามความเห็นที่แตกต่างขององค์คณะ.. องค์คณะก็ต้องยอม เพราะท่านไม่ใช่เจ้าของสำนวนนั้น แต่ท่านมีสิทธิเขียนความเห็นแย้งของตน ติดไว้ในคำพิพากษานั้นได้..
เพื่อการพัฒนาองค์ความรู้ทางวิชาการ.. และให้สิทธิฝ่ายที่แพ้คดี อ้างเพื่อเป็นข้อยกเว้นขออุทธรณ์ ในคดีที่ห้ามอุทธรณ์ได้..
ต่อมา เมื่อมีการคัดสำเนา หรือจัดพิมพ์คำพิพากษา ความเห็นแย้งนั้นก็จะติดไปด้วย..
ระบบองค์คณะ จึงถือได้ว่า เป็นระบบตรวจสอบภายในแบบหนึ่ง..
2. ระบบกำกับดูแล :
เหมือนกับ QC ตรวจสอบคุณภาพผลผลิตในองค์กรเอกชน..
หน่วยงานของรัฐทุกแห่ง ก็จะมีระบบกำกับดูแลการทำงาน โดยผู้บริหาร (oversee)..
ศาลยุติธรรมชั้นต้นทุกแห่ง จะมีผู้พิพากษาหัวหน้าศาล เป็นผู้บริหารสูงสุดในศาลนั้นๆ มีอำนาจหน้าที่กำกับดูแลงานธุรการ และคดี รวมทั้ง คำพิพากษาด้วย..
นอกเหนือจากผู้พิพากษาหัวหน้าศาลแล้ว.. ศาลยุติธรรมในแต่ละภาค ก็จะมีอธิบดีผู้พิพากษาภาคนั้นๆ กำกับดูแล การบริหาร และงานคดีของทุกศาลชั้นต้นในภาคด้วย..
ผู้บริหารศาล ที่มีอำนาจกำกับดูแลคำพิพากษา ก็คือ ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล และอธิบดีผู้พิพากษาภาคที่ศาลนั้นตั้งอยู่ในสังกัด..
กฎหมายจึงกำหนดว่า.. แม้ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล และอธิบดีผู้พิพากษาภาค จะไม่ใช่องค์คณะในการพิจารณาคดีนั้น.. จะไม่เคยนั่งพิจารณาคดีนั้น..
แต่ก็มีอำนาจเรียกให้เจ้าของสำนวนส่งสำนวนคดี และร่างคำพิพากษามาตรวจก่อนตัดสินได้..
เช่น มีคำผิด ตกหล่น หลงลืม วินิจฉัยผิดพลาด หรืออ้างอิงกฎหมายผิด..
มีคำถามว่า.. ในเมื่อรัฐธรรมนูญ ยืนยันว่า ศาลมีอำนาจอิสระดังกล่าว แล้วทำไมให้ผู้บริหารศาลมาแทรกแซงได้..
คำตอบก็ คือ การกำกับดูแล เป็นมาตรฐานในการปฏิบัติงานทั่วไป.. ที่ผู้บริหารสามารถทำได้ หากใช้อำนาจโดยสุจริต ก็ไม่ใช่การแทรกแซง..
ในทางตรงข้าม หากห้ามกำกับดูแลเสียแล้ว.. งานเขียนคำพิพากษาที่อ่าน อาจต่ำกว่ามาตรฐาน ทั้งรูปแบบ และเนื้อหา.. ความผิดพลาดที่เกิดจากการวินิจฉัยข้อเท็จจริง และข้อกฎหมายอาจเกิดขึ้นได้ง่าย..
จะกลายเป็นภาระคู่ความที่ต้องอุทธรณ์.. แต่หากคดีต้องห้ามอุทธรณ์ และไม่มีใครทำความเห็นแย้ง.. ความไม่ยุติธรรม หรือคำพิพากษาที่ผิดพลาดนั้นก็ยังคงอยู่..
คำถามนี้ มีคนถามมากขึ้น.. ในยุคสิทธิเสรีภาพเฟื่องฟูในช่วงใช้รัฐธรรมนูญ ปี 2540.. จนคนที่สอบเข้ามาเป็นผู้พิพากษาใหม่ๆบางคน มองว่า.. เป็นการแทรกแซงการทำงาน.. ไม่ยอมส่งสำนวนไปให้ผู้บริหารตรวจก็มี..
ความจริงแล้ว เป็นความเข้าใจผิด.. อำนาจอิสระของศาลจนผู้บริหารแทรกแซงไม่ได้นั้นนั้น มีเฉพาะการพิจารณา ออกคำสั่ง ทำคำพิพากษาเท่านั้น..
ความเป็นศาล ในฐานะข้าราชการคนหนึ่ง ที่ต้องเชื่อฟังและปฏิบัติตามคำสั่ง ที่เป็นนโยบายการบริหารคดีและศาลยังคงมีอยู่ เช่น การเข้าเวร การกำหนดวันนัด..
“ผู้พิพากษา ไม่ใช่อาชีพอิสระ.. ที่ปราศจากการกำกับดูแลและการตรวจสอบอย่างสิ้นเชิง..”
ต่อมา มีการทำความเข้าใจกันมากขึ้น จนทุกวันนี้ ปัญหาความเข้าใจผิด น่าจะหมดไปนานแล้ว..
งั้นขอถามต่อว่า... ถ้าห้ามการเรียกสำนวนมาตรวจไม่ได้.. เพราะเป็นระบบรักษามาตรฐานในการทำงานตัดสินคดี..
คำถามใหม่ คือ แล้วองค์กรศาล มีระบบป้องกัน มิให้ผู้บริหารศาล แทรกแซง สั่งคดีให้ออกผลตามใจตนเอง.. ผ่านอำนาจการเรียกสำนวนมาตรวจแก้ไขโดยไม่สุจริตได้อย่างไร..
ทำอย่างไร ให้ระบบรักษามาตรฐานงานยังมีอยู่ แต่ห้ามมาอ้างเพื่อแทรกแซงการตัดสินคดีของผู้พิพากษา..
กฎหมาย จึงเขียนว่า.. เมื่อผู้บริหารศาล เรียกสำนวน เรียกร่างคำพิพากษามาตรวจสอบแล้ว.. ให้ทำความเห็นให้เจ้าของร่างแก้ไขได้..
ถ้าเจ้าของร่าง เห็นด้วยกับผู้บริหาร.. ท่านก็จะปรับปรุงร่างคำพิพากษาตามความเห็นนั้น..
ถ้าท่านไม่เห็นด้วยที่จะแก้ไข.. ท่านก็ต้องรับผิดชอบในส่วนที่ไม่แก้ไขเอง โดยมีสิทธิยืนยันตามร่างเดิม ไม่ยอมแก้ไขตามความเห็นของผู้บริหารได้..
เจ้าของสำนวน จึงมีสิทธิเด็ดขาดในการอ่านคำพิพากษา ตัดสินคดีไปตามร่างของตนได้..
เช่น ร่างตัดสินยกฟ้อง.. แต่ผู้บริหารเห็นว่า ควรลงโทษ หรือนัยกลับกัน..
แต่กฎหมายระบุให้ ผู้บริหารศาล มีสิทธิเขียนความเห็นแย้งติดไว้ในสำนวนคดีได้..
เพื่อยืนยัน ความโปร่งใสของทุกฝ่ายว่า.. ร่างคำพิพากษานั้น ผ่านการกำกับดูแลโดยละเอียดจากผู้บริหารแล้ว.. แต่เจ้าของร่างคงยืนยันตามร่างของท่าน..
ความเห็นแย้งของผู้บริหารศาล ในกรณีนี้ ไม่ได้มีเจตนารมย์ให้คู่ความเกิดสิทธิในการอุทธรณ์คดีที่ต้องห้ามอุทธรณ์ เหมือนความเห็นแย้งของระบบองค์คณะ..
เป็นเพียง หลักฐานแห่งระบบการกำกับดูแล ตรวจสอบภายในองค์กรศาล..
เเละเป็นความเห็นเชิงวิชาการเพื่อประโยชน์ในการพัฒนางานคำพิพากษาที่มีคุณภาพในอนาคต เท่านั้น..
เมื่อเปิดเผยต่อสังคมแล้ว.. ใครจะเห็นด้วย.. ใครจะไม่เห็นด้วย.. ใครจะเอาไปเป็นเหตุผลในการอุทธรณ์คดี.. ศาลสูงจะเห็นด้วยมั้ย.. ใครจะเอาไปอ้างอิงในงานวิชาการ.. ก็แล้วแต่ชอบเลย..
จะวิจารณ์อย่างไร ก็ได้..
ใครชม.. ก็เป็นมงคลแก่ปากตัวเอง..
จะตำหนิเชิงวิชาการว่า ไม่ถูกเพราะเหตุใด ก็ไม่ผิด..
แต่ห้ามด่า ด้วยคำหยาบ..
ห้ามว่า.. “ศาลไม่เป็นกลาง ไม่ยุติธรรม”..
เพราะคำด่า ต่อว่า หรือเหน็บแนมนั้น.. เป็นการระบายอารมณ์ของตน และทำให้คนอื่นเจ็บแค้นใจ.. ไม่เป็นประโยชน์ต่อสังคมและตนเองเลย..
แถมยังอาจมีความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลอีกด้วย..
แนะนำว่า.. ถ้าใครอยากด่า เก็บไม่อยู่จริงๆ..
“ให้เก็บเอาไปด่าในฝัน..”
.. ไม่ก็..
“โพสต์ด่าในเฟสเลย.. เอาให้เต็มที่..
แต่อย่าลืม.. ตั้งค่าเป็นส่วนตัวก่อนนะ..” 55
บันทึก
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย