25 ธ.ค. 2023 เวลา 07:05 • หุ้น & เศรษฐกิจ

ส่องอนาคตหุ้น “ธนาคาร” ปี 2567 กำไรเติบโตแค่ไหน ?

หุ้นธนาคารเป็นอีกกลุ่มที่ได้รับความนิยมอย่างมาก แม้อัตราดอกเบี้ยนโยบายจะผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว แต่ปีหน้าคาดว่าจะยังคงทรงตัวอยู่ในระดับสูง นับเป็นผลบวกต่อเนื่องต่อผลประกอบการ
นอกจากนี้ราคาหุ้นยังปรับลงมาอยู่ในจุดที่น่าสนใจ ดังนั้น Wealthy Thai จึงขอพานักลงทุนไปสำรวจแนวโน้มกำไรปี 2567 ของหุ้นธนาคารทั้ง 8 ตัว ได้แก่ SCB KBANK BBL KTB TTB BAY และ TISCO ว่าจะมีทิศทางการเติบโตเป็นอย่างไร
มาเริ่มกันที่ SCB นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) ปรับคำแนะนำเป็น Neutral จากเดิม ซื้อ และปรับลดราคาเป้าหมายเป็น 100 บาท เพราะมองว่ามีความเสี่ยงในเรื่องคุณภาพสินทรัพย์ที่มีแนวโน้มอ่อนแอลง โดยเฉพาะกลุ่ม SME (17% ของสินเชื่อรวม) และ Retail (47% ของสินเชื่อรวม) ซึ่งเป็นพอร์ตหลักของ SCB
โดยปรับกำไรสุทธิปี 2567 ลง 2% มาอยู่ที่ 42,209 ล้านบาท โต 5% และปรับค่าใช้จ่ายสำรอง (credit cost) เพิ่มมาอยู่ที่ 195 bps. จากเดิมที่ 190 bps.
KBANK นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) คาดการณ์ปี 2567 จะมีกำไรสุทธิ 45,875 ล้านบาท โต 6.34% จากปีนี้ที่คาดว่าจะมีกำไรสุทธิ 43,140 ล้านบาท โดยคงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 155 บาท เพราะมองว่าคุณภาพสินทรัพย์ของ KBANK ดูดีขึ้น การทำธุรกิจร่วมทุน JK AMC ทำให้มี Balance Sheet ที่แข็งแกร่งขึ้น
รวมถึงเป็นหนึ่งในธนาคารที่ได้ประโยชน์จากทิศทางดอกเบี้ยขาขึ้นและกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่มีมากขึ้น และเป็นธนาคารขนาดใหญ่ที่เป็นหนึ่งในผู้นำด้านการพัฒนา Digital Banking เพื่อต่อยอดธุรกิจหลักรวมถึงการเพิ่มช่องทางการเติบโตใหม่ต่อเนื่อง
BBL นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) คาดกำไรสุทธิปี 2567 จะขยายตัว 13.9% เทียบกับกำไรสุทธิของกลุ่มธนาคารที่จะเติบโต 11.8% โดยอยู่ที่ 48,380 ล้านบาท โต 13.92% จากปีนี้ที่คาดว่าจะมีกำไรสุทธิ 42,469 ล้านบาท
แม้ว่าอานิสงส์จากวัฎจักรดอกเบี้ยขาขึ้นจะลดลง แต่คาดว่าส่วนต่างรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) จะปรับสูงขึ้น และสินเชื่อจะขยายตัวสูงขึ้น เพราะเศรษฐกิจขยายตัวดีขึ้นในปีหน้า
รวมทั้ง BBL ได้ตั้งสำรองหนี้ฯ ในปีนี้เกินกว่าเป้าหมายไปมาก ขณะที่คุณภาพสินเชื่อที่แข็งแกร่ง และ Coverage ratio สูงระดับ 284% มากเกินพอที่จะรับมือกับความเสี่ยงที่เกิดขึ้น จึงมองว่า BBL สามารถปรับลดสำรองหนี้ฯ ในปีหน้า คงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 203 บาท
KTB นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด ปรับประมาณการ credit cost ปี 2567 ลงเพื่อสะท้อนสินเชื่อจัดชั้น stage 2 ที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่า NIM จะเพิ่มขึ้น และ credit cost จะลดลง ประเมินกำไรสุทธิปี 2567 ที่ 44,381 ล้านบาท โต 8.75% จากปีนี้ที่คาดว่ากำไรสุทธิจะอยู่ที่ 40,809 ล้านบาท
ฝ่ายวิเคราะห์ยังคงเลือก KTB เป็นหุ้นเด่นของกลุ่มธนาคาร เนื่องจาก valuation ถูก ความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์ต่ำกว่าธนาคารอื่นๆ กำไรจะฟื้นตัวต่อเนื่อง และได้รับการประเมิน SET ESG Ratings ระดับสูงสุด คงคำแนะนำ Outperform ราคาเป้าหมาย 25 บาท
TTB นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) คาดการณ์กำไรสุทธิปี 2567 อยู่ที่ 18,433 ล้านบาท โต 5.43% จากปีนี้ที่คาดว่าจะมีกำไรสุทธิ 17,483 ล้านบาท โดยให้น้ำหนัก NIM ที่คงระดับสูงตามทิศทางดอกเบี้ยนโยบาย หากดู NIM แต่ละไตรมาสของปีหน้า จะเป็นทิศทางที่ค่อยๆปรับระดับลงจากต้นทุนทางการเงินที่เพิ่มขึ้น
รวมถึงค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน (OPEX) จากการใช้ digital platform มากขึ้น สำหรับค่าใช้จ่ายสำรอง (credit cost) ทาง TTB มองว่ายังคงระดับใกล้เคียงกับปี 2566 ที่ 125-130 bps. เพราะยังมีความเสี่ยงเรื่องคุณภาพสินทรัพย์จากความไม่แน่นอนในการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ แนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 2 บาท
BAY นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด ประเมินแนวโน้มกำไรไตรมาส 4/66 จะเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่อยู่ในระดับทรงตัวจากไตรมาสก่อนหน้า (NIM ดีขึ้น) ซึ่งฝ่ายวิเคราะห์คาดว่ากำไรปี 2566 จะอยู่ที่ 33,256 ล้านบาท โต 8% ส่วนปี 2567 ที่ 37,453 ล้านบาท โต 13% โดยเกิดจาก credit cost ที่ลดลง และส่วนแบ่งกำไรที่เพิ่มขึ้นจากธุรกิจในต่างประเทศ คงคำแนะนำ Outperform ด้วยราคาเป้าหมาย 38 บาท
และสุดท้าย TISCO นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ประเมินแนวโน้มกําไรปี 2567 ที่ 7,641 ล้านบาท โต 2.84% อาจมี Downside เล็กน้อย จากท่าทีของกนง. ที่มีมุมมองคงดอกเบี้ยนโยบายที่ 2.5% ซึ่งยังส่งผลต่อเนื่องถึง Cost of fund ในขณะที่ทิศทาง Credit cost ไต่ระดับขึ้นช่วงครึ่งหลังของปีหน้า เพื่อรักษาระดับ Coverage Ratio
แต่มีความหวังจาก Non –NII กลุ่ม Capital market หลัง SET Index ปรับฐาน และ Fed ส่งสัญญาณถึงโอกาสในการลดดอกเบี้ยในปีหน้า คาดเป็นปัจจัยบวกต่อภาวะตลาดทุนปีหน้า หนุนค่าธรรมเนียมส่วนของ บล.ทั้งค่าธรรมเนียมการซื้อขาย และงาน IB คงแนะนํา Outperform ราคาเป้าหมาย 109 บาท
โฆษณา