29 ธ.ค. 2023 เวลา 12:30 • การ์ตูน

เหลียวหลัง แลดู อนิเมะประจำปี 2023

ผมเริ่มเขียนบล็อกนี้ตั้งแต่กันยายน 2022 นั่นหมายความว่ามันนานกว่าหนึ่งปีแล้ว แต่แน่นอนว่าผมไม่ได้อัพเดทล็อกนี้บ่อยเท่าที่ควร อาจจะเป็นเพราะว่าผมยุ่งกับอะไรหลาย ๆ อย่าง เหตุผลที่ผมเริ่มเขียนบล็อกก็เพียงเพราะว่าเพื่อนแนะนำให้นำเอาสิ่งที่ผมเขียนเล่น ๆ ไว้ให้ตัวเองอ่านโพสลงอินเตอร์เน็ตบ้าง เพราะมันน่าเสียดาย แต่ที่เพื่อนคนนั้นหมายถึงคือให้ผมเอาบทความทางความคิด เช่นเรื่องของปรัชญามาลง แต่ผมไม่ได้มั่นใจในตัวเองมากขนาดนั้น จึงลงเรื่องอนิเมะหรือมังงะเป็นส่วนใหญ่
ผมมีเพื่อนที่มีรสนิยมชอบดูอนิเมะหรืออ่านมังงะอยู่ไม่น้อย แต่ความชอบในแนวอนิเมะมีความแตกต่างกันพอสมควร ผมจึงไม่รู้จะคุยเรื่องอนิเมะที่ผมชื่นชอบอย่างไรที่ไหนและกับใคร จึงคิดว่าแพลตฟอร์มนี้เป็นโอกาสที่ดีในการใช้เพื่อเขียนและแชร์สิ่งที่ผมชื่นชอบ และก็ทำอย่างนั้นตลอดมา แต่ก็ใส่ลายละเอียดเรื่องอื่น ๆ ที่ผมชื่นชอบเข้าด้วยกัน เช่นปรัชญาในสายต่าง ๆ และนำเรื่องเหล่านั้นมาเชื่อมโยงกับงานอดิเรกของผม
ตอนนี้กำลังจะสิ้นปีแล้ว ระหว่างที่ผมกำลังเขียนบันทึกการเดินทางโตเกียว-ฟูจิอยู่นั้น ผมคิดได้ว่าผมน่าจะเขียนอะไรสักอย่างเกี่ยวกับบรรยากาศวงการอนิเมะของปี 2023 นิดหน่อย เพราะปีนี้มีอนิเมะที่ยอดเยี่ยมมากมาย ดังนั้น บล็อกโพสนี้จะเหลียวหลังมองดูสภาพและบรรยากาศของวงการอนิเมะของ 2023 ครับ ดังนั้น ผมจะเปิด MAL ของผมขึ้นมาดูว่าปีนี้ผมดูอนิเมะเรื่องอะไรบ้าง!
ฤดูหนาวปี 2023
เริ่มจากฤดูหนาวปี 2023 ต้องยอมรับว่าผมกลับไปดูอนิเมะที่เริ่มฉายฤดูกาลนั้น ผมพยายามหาอยู่ว่ามันมีอะไรที่ผมสนใจจะเอามาพูดถึงบ้างไหม อาจจะเพราะว่าเป็นช่วงที่ผมยุ่งมาก ๆ และเป็นช่วงที่ผมห่างหายไปจากการเขียนบล็อก แต่เอาเข้าจริง ๆ แล้ว มันไม่มีอนิเมะอะไรที่น่าพูดถึงมากขนาดนั้น นอกจากนี้ ผมยังไม่ได้ดู Vinland Saga ด้วย ดังนั้นผมสามารถข้ามไปได้เลย
Tomo-chan is a Girl
แต่อย่างน้อย ฤดูกาลนี้เต็มไปด้วยอนิเมะที่ออกมาเพื่อ Casual Viewing มาก และปลุกความชื่นชอบของผมใหม่อย่างบอกไม่ถูก นอกจากนี้ มันเหมาะสมกับสภาพจิตใจของผมที่เจอแต่เรื่องเครียดและหนักหนา มันช่วยผมให้ผ่านช่วงนั้นของชีวิตมาได้ และผมขอบคุณอนิเมะเหล่านี้มาก เช่น Tomo-chan is a Girl, The Angel Next Door Spoils Me Rotten, The Ice Guy and His Cool Female Colleague, Kubo-san Won’t Let Me Be Invisible
โดยเฉพาะ Toma-chan is a Girl เป็นเรื่องที่ผมชอบมาก เป็นคอมมีดี้ที่ช่วยให้ผมยิ้มและหัวเราะได้ทุกสัปดาห์ในช่วงเวลาที่ตึงเครียด โดยเฉพาะนักพากษ์ชั้นยอดครับ
Oshi no Ko
Oshi no Ko
อนิเมะเรื่อง เกิดใหม่เป็นลูกโอชิ ลากผมกลับมาสู่ความชื่นชอบอนิเมะ ผมเกือบจะยอมแพ้ไปแล้วกับการดูอนิเมะเพราะ อย่างที่ผมบอก ฤดูหนาวไม่มีอนิเมะที่น่าสนใจขนาดนั้น และเหตุผลที่ผมยังดูอยู่ก็เพียงเพราะต้องการหางานอดิเรกที่ช่วยให้ผมผ่านช่วงเวลามืดมนของชีวิตของผมเท่านั้น แต่เมื่อ เกิดใหม่เป็นลูกโอชิเริ่มฉาย ผมรู้ทันที และมันเตือนใจของผมทันทีว่า ทำไมผมชอบอนิเมะมากขนาดนั้น
“เกิดใหม่เป็นลูกโอชิเปลี่ยนแปลงวงการอนิเมะ” นั่นเป็นประโยคที่ผมว่าไม่เกินจริงเกินไป เพราะหลังจากนั้น อนิเมะหลาย ๆ เรื่องเริ่มที่จะฉายอนิเมะตอนแรกด้วยความยาวประมาณหนังเรื่องหนึ่ง แน่นอนว่าในวงการอนิเมะ เรามีกฎเล็ก ๆ ที่บอกว่าให้ลองดูอนิเมะก่อนสักสามตอนและค่อยตัดสินใจว่าจะดูต่อหรือไม่ เพราะช่วงสามตอนนั้นเป็นช่วงเวลาแนะนำเนื้อหาของเรื่องและพัฒนาตัวละครที่อยู่ในเรื่องนั้น Oshi no Ko เปลี่ยนแปลงค่านิยมนั้นโดยการนำเสนอเนื้อหาของมังงะเล่มแรกในตอนแรกความยาวเท่ากับหนังหนึ่งเรื่อง
มันเวิร์ค และผู้ชมชื่นชอบและตัดสินใจติดตาม เกิดใหม่เป็นลูกโอชิอย่างใกล้ชิด สมกับเป็นอนิเมะที่ผมคนตั้งหน้าตั้งตาติดตามมากที่สุดประจำฤดูกาล อนิเมะตอนแรกพาเราเข้ารู้โลกของเรื่องราว พัฒนาตัวละคร และทำให้เรารักตัวละครเหล่านั้น และตอนจบก็ทำให้เราเสียน้ำตา เพราะตอนแรกทำให้เรา Emotionally Invest กับเรื่องราวและตัวละครเป็นอย่างดี
นอกจากนี้ สิ่งที่ข้ามไม่ได้เลยก็คือเพลงเปิด “Idol” จาก YOASOBI ที่กลายเป็นปรากฏการณ์ครั้งหนึ่งของโลกนี้ ขึ้นลำดับต้นและอันดับหนึ่งของชาร์ตที่ญี่ปุ่น และเป็นเพลงอนิเมะที่มีคนนิยมมากมายไปจนถึงคนอื่น ๆ ที่ไม่ได้มีงานอดิเรกเป็นการดูอนิเมะด้วย อีกอย่างหนึ่งที่ข้ามไม่ได้เช่นเดียวกันคือเพลงปิด และ Impact ของมันที่เสริมเข้ากับฉากจบของแต่ละตอนที่ทำให้ผู้ชม รวมทั้งผม ขนลุกทุกครั้งที่ดูจบทุกตอน
The Dangers in My Heart
The Dangers in My Heart
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผมชื่นชอบเป็นการส่วนตัว แม้ว่าจะมีคนพูดถึงไม่มากก็ตาม ผมติดตาม The Dangers in My Heart หรือ BokuYaba มาเป็นปีแล้วในมังงะ เป็นมังงะรอมแมนติกที่ผมชอบมากที่สุด หากไม่นับรอมคอมอย่างคากูยะซามะ ผมตื่นเต้นมาก ๆ เมื่อรู้ว่ามังงะที่ผมชื่นชอบจะได้รับการดัดแปลงเป็นอนิเมะ แต่ก็ลุ้นอย่างมากว่ามันจะทำออกมาได้ดีเท่าที่ผมคาดหวังไว้หรือไม่ ดังนั้นผมจึงปกป้องความรู้สึกตัวเองโดยการไม่คาดหวัง
แต่ผมควรจะคากหวังมากกว่านี้ เพราะว่ามันเกินความคาดหวังของผมไปมาก ผมไม่คิดว่าอนิเมะจะดัดแปลงออกมาด้วยบรรยากาศแบบนั้น ลายเส้นไม่เหมือนกับในมังงะขนาดนั้น มังงะไม่ได้ใส่อารมณ์มากเท่านี้ แต่อนิเมะเวิร์คครับ บรรยากาศที่ดูเงียบเหงา มืดมน แต่มันทำให้ฉากที่สดใสและสว่างขึ้นมามีคุ้นค่าและความหมาย นอกจากนี้ ภาพก็สวยมาก ๆ และอนิเมชั่นได้รับความรักอย่างมาก อีกทั้งนักพากษ์และดนตรีประกอบก็ทำได้อย่างดี
ผมไม่คิดว่าจะทำมังงะที่มีลักษณะแบบ Gag Manga ออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม และเต็มไปด้วยอารมณ์และความรู้สึก และความรักที่เต็มเปี่ยม ผมรู้สึกยินดีอย่างมาก ยินดีมากขึ้นที่มันทำให้มังงะได้รับความนิยมมากขึ้น ผมรู้สึกขอบคุณผู้สร้างที่ให้ความรักกับมังงะที่ผมรักครับ!
Otaku Elf
Otaku Elf
ผมไม่ได้ดูเรื่องนี้ตั้งแต่ตอนที่มันเริ่มฉาย ผมจำไม่ได้ว่าผมเริ่มดูเพราะอะไร แต่ผมรู้สึกขอบคุณที่ตัวเองเปิดโอกาสดู Otaku Elf อย่างบอกไม่ถูก ผมอาจจะพูดเรื่องนี้บ่อยมากจนน่าเบื่อ แต่ช่วงต้นปีนี้เป็นช่วงที่หนักหนาทางจิตใจของผมมาก มากขนาดจะทำให้ผมเชื่อเรื่องเบญจเพส (วันเกิดผมอยู่ช่วงมกราคมพอดูด้วย และใช่ครับ ผมอายุ 25) ดังนั้น ผมจึงเริ่มดูอนิเมะที่มีเนื้อหาไม่ซีเรียสและเบาใจ และ Otaku Elf เป็นหนึ่งในเรื่องนั้นครับ
ผมไม่มีอะไรมากมายจะพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ผมยินดีที่รู้จักเรื่องนี้ เพราะหลังจากนั้นผมเจอเพื่อนคนหนึ่งที่กำลังผ่านประสบการณ์ที่ไม่ต่างจากผมมาก (แต่หนักหนามากกว่าผมขนาดที่ผมไม่กล้าจะจินตนาการ) ผมพยายามที่จะช่วยเธอ แม้ว่าผมจะโกรธที่เธอทำอะไรที่ผมไม่คาดคิดก็ตาม (ผมหวังว่าตอนนี้อาการเธอจะดีขึ้นจริง ๆ) ผมแนะนำเรื่องนี้ให้เธอ และเธอก็ชอบเรื่องนี้มาก มันเป็นอนิเมะที่ Feel Good และนุ่มฟู มันช่วยผมให้ผ่านประสบการณ์แย่ ๆ มาได้ และผมหวังว่ามันมีส่วนในการช่วยให้เธอผ่านมันมาได้เช่นเดียวกันครับ
พอดีว่าไอเธอคนนั้นอ่านบล็อกผมด้วย งั้นผมขอพูดโดยตรง สู้ ๆ มันน่าจะผ่านเรื่องเหล่านั้นไปได้แล้ว คิดซะว่าตัวเองเกิดใหม่ ยังมีอีกหลายเรื่องให้ทำในชีวิตนี้!
Jujutsu Kaisen Season 2
Jujutsu Kaisen SS2
โชเน็นไม่หนีเราไปไหนครับ และปีนี้เราได้พบการกลับมาของอนิเมะโชเน็นประจำยุคสมัยอย่าง JJK ss2 ซึ่งแบ่งออกเป็นสองช่วง Hidden Inventory Arc และ Shibuya Incident Arc อนิเมชั่นมีทิศทางใหม่ และภาพไม่ได้ละเอียดเท่ากับซีซั่นอื่น แต่ผมคิดว่ามันเหมาะสมมากกว่า
และแน่นอนครับ JJK เป็นโชเน็นที่ได้รับความสนใจอย่างมาก อาจจะเพราะว่ามีตัวละครที่น่าชื่นชมและชื่นชอบอยู่ อย่าง โกโจ ซาโตรุ และเราได้เห็นภาคที่โกโจยังเป็นนักเรียนอยู่ ผมทำได้แต่เข้าใจว่าทำไมคนถึงติดตามเรื่องนี้มาก และทำไมแฟน ๆ สาว ๆ ถึงติดอนิเมะและมังงะเรื่องนี้อย่างช่วยไม่ได้
เมื่ออุบัติการณ์ชิบุย่าเริ่ม ผมมีความคิดที่จะเลิกดู เพราะอ่านมังงะมาก่อนแล้ว (ตอนแรกคิดว่าจะไม่อ่าน และให้เพื่อนสปอยเลย แต่สุดท้ายก็ไปอ่านอยู่ดี) เห็นว่ามันไม่น่าดู เพราะไม่อยากที่จะกลับไปประสบพบเจอเหตุการณ์ที่สะเทือนใจแบบเดิม ๆ แต่สุดท้ายก็ดูต่ออยู่ดี ผมไม่แน่ใจว่าเพราะอะไร แต่อาจจะเพราะว่าผมมีประวัติส่วนตัวกับเรื่องนี้ เพราะ JJK เป็นเรื่องที่ทำให้ผมกลับมาดูอนิเมะครับ และอีกอย่าง อนิเมชั่นมันสุดยอดมาก ๆ
แน่นอนว่า JJK ได้รับเสียงตอบรับที่ดี แต่ก็มีข่าวเสียอย่างมาก เพราะว่ามีข่าวเรื่องของสตูดิโอ MAPPA และพนักงานที่ทำงานหนักเกินกว่าค่าจ้างของพวกเขา ข่าวนี้สะเทือนวงการอนิเมะอย่างมาก ซึ่งผมก็เห็นใจพนักงานของสตูดิโอที่ต้องทำงานอย่างหนักเกินกว่าที่ควรเพื่อที่จะผลิตอนิเมะที่ยอดเยี่ยมสำหรับมังงะโชเน็นแห่งยุคครับ ผมได้แต่หวังว่า เหตุการณ์ที่ไม่น่าเอาเยี่ยงอย่างแบบนั้นจะเป็นบทเรียนต่อสตูดิโออื่น ๆ ด้วย เพื่อที่จะรักษาผู้สร้างอนิเมะคุณภาพต่อไปครับ
Horimiya: The Missing Piece
Horimiya: The Missing Piece
Horimiya เป็นรอมคอมเรื่องโปรดของผมเรื่องหนึ่ง มันเป็นเรื่องที่นุ่มฟูและไม่ซีเรียส มันมีความสมจริงในความสัมพันธ์ของตัวละครในเรื่องมากกว่าเรื่องอื่น ๆ เรื่องราวและเนื้อหาของมันไม่มีอะไรเลย แต่เป็นเรื่องของนักเรียนและชีวิตวัยเรียนของกลุ่มเพื่อนดี ๆ นี่เอง ทุกวันนี้ผมยังย้อนกลับไปนั่งดูบางช่วงบางตอนอยู่เลย และไม่เบื่อ ไม่รู้ว่าทำไม แต่ผมเสพติดตัวละครเหล่านั้นอย่างมาก
หลังจากซีซั่นแรกจบลง ผมกลับไปนั่งอ่านมังงะต่อ ปรากฏว่ามันไม่มีเนื้อหาอะไรต่อจากตอนจบของซีซั่นแรกขนาดนั้น หรือมากพอที่จะทำเป็นซีซั่นที่สอง แต่ผมเห็นว่ามันเนื้อหาระหว่างเรื่องที่ถูกตัดออกไป ผมจึงยินดีอย่างมากที่จะได้เห็นเรื่องราวที่ถูกตัดออกมาดัดแปลง และเป็นการกลับมาของตัวละครที่ผมชื่นชอบทั้งหลาย
แน่นอนว่าผมตื่นเต้นกับเรื่องราวของพ่อแม่ของโฮริ เคียวโกะ ที่มีความน่ารักและเท่ในเวลาเดียวกันครับ เห็นเรื่องราวของรุ่นพ่อแม่ตอนเป็นวัยรุ่นมากขึ้น ผมก็อดยิ้มไม่ได้ นอกจากนี้ ตัวละครอย่างชูยังได้รับบทมากขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องที่ผมยินดีอย่างมาก เมื่อ Horimiya: The Missing Piece จบลง ผมมีความเศร้าหน่อยที่เห็นตัวละครเหล่านั้นจากไปจากหน้าจอทีวี และก็คิดอีกว่า “จริง ๆ แล้วมันยังมีเนื้อหาเล็ก ๆ น้อย ๆ เกี่ยวกับน้องชายของนางเอกด้วยนะ” ผมก็คิดว่า อาจจะมี OVA หรือเปล่านะ
Frieren: Beyond Journey's End
Frieren: Beyond Journey’s End
Recency Bias มีอยู่จริงครับ และผมก็ยอมรับ เพราะฟรีเร็นสมควรจะได้รับตำแหน่งอนิเมะแห่งปี ผมไม่ค่อยแนะนำอนิเมะให้เพื่อของผมเท่าไหร่นักครับ เพราะกลัวพวกเขาจะรำคาญ แต่เรื่องนี้ผมไม่มีความรู้สึกแบบนั้น แต่ยัดให้เพื่อนของผมดูกันเลย เพราะมันยอดเยี่ยมเหลือเกินครับ
ผมอ่านมังงะมาก่อน และพอรู้ข่าวว่าจะได้รับดัดแปลงเป็นอนิเมะ ผมตั้งหน้าตั้งตารอมาก และมันก็ไม่ผิดหวังเลยสักนิดครับ มันเกินความคาดหวังไปมาก สตูดิโอ Madhouse กลับมาแล้วครับ กับอนิเมะที่ยอดเยี่ยม สวยงาม และสะเทือนอารมณ์และความรู้สึก นอกจากเนื้อเรื่องที่เขียนมาอย่างดีแล้ว อนิเมชั่นทำให้ให้เราอินไปกับบรรยากาศของโลกแฟนตาซีนี้ ความเงียบเหงา และความสัมพันธ์ระหว่างตัวละคร และการกำกับเสียงที่แม่นยำโดย Soundtrack จากผู้ทำ Violet Evergarden
ผมคงจะไม่ต้องพูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้มาก ใครก็ตามที่ติดตามอนิเมะอย่างจริงจังคงจะไม่ข้ามเรื่องนี้อย่างแน่นอนครับ Frieren ทำอนิเมะออกมาสองช่วง และเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาเพิ่งจะเป็นตอนสุดท้ายของช่วงแรก ฟรีเร็นจะกลับมาในช่วงที่สองต้นปีหน้า และผมตั้งหน้าตั้งตารอครับ เพราะเราจะเข้ารู้ภาคการสอบจอมเวทย์ ซึ่งผมคิดว่ามันมีเนื้อเรื่องที่เจ๋งมากครับ ติดตามรอชมได้เลยครับ สำหรับผู้ชมที่ดูแต่อนิเมะแต่ไม่ได้อ่านมังงะ
The 100 Girlfriends who really, really, really, really, really love you
The 100 Girlfriends who really, really, really, really, really Love You
เอาล่ะ ผมขอพูดนะครับ ผมไม่เคยคิดว่าจะชอบอะไรขนาดนี้มาก่อน อนิเมะหรือมังงะฮาเร็มเป็นเรื่องที่ผมเลิกติดตามไปตั้งนานแล้ว ในฐานะโอตาคุ ผมจะต้องยอมรับว่าผมเคยดูฮาเร็มมาบ้าง แต่ไม่ได้ชอบขนาดนั้น เรียกได้ว่าสนใจนิดหน่อย เพราะเป็นเด็กผู้ชายที่กำลังแตกหนุ่ม มันก็ต้องยอมรับครับ แต่พอโตมาก็เห็นว่า จริง ๆ ผมไม่ได้ดูฮาเร็มอีกเลย เรื่องเดียวที่ผมดูคือเจ้าสาวแฝดห้า พอมีเรื่องนี้ฉาย ผมก็ไม่ได้สนใจเลยแม้แต่น้อยครับ
แต่ เพราะพลังงานบางอย่าง อาจจะเพราะอยู่ในวงการสังคมอนิเมะด้วย เรื่องนี้โผล่ขึ้นมาในอินเตอร์เน็ตของผมอย่างมาก แต่ผมหลีกเลี่ยงมันไม่ได้ และเกิดความสนอกสนใจอย่างบอกไม่ถูก ผมเปิดดูทันทีเมื่อความสนใจมันเกิดขึ้นมาครับ ตอนนั้นอนิเมะฉายไปแล้ว สิบตอน ซึ่งตอนที่ 10 ผมดูผ่าน ๆ ที่โรงแรมที่แถวฟูจิ และพอจะเข้าใจว่า จริง ๆ แล้วนี่มันอนิเมะตลกมากกว่าซีเรียส แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรมาก และปิดทีวี
ผมพลาด พลาดมาก ๆ ที่ไม่ได้ติดตามเรื่องนี้ตั้งแต่แรก มันคืออนิเมะที่ผมพลาดท่าไม่ได้ดู ผมควรจะรู้จักเรื่องนี้ตั้งนานแล้ว ผมคิดว่า อนิเมะประจำปีนี้ที่ Peak คือ อนิเมะอย่าง Oshi no Ko หรือ Frieren แต่ผมคิดผิดครับ นี่แหละครับ อนิเมะเล็ก ๆ ที่เรียกว่า 100 Girlfriends คือ Peak Fiction ที่แท้จริง ผมหัวเราะอย่างเป็นบ้าตอนกลางดึกโดยที่ไม่สนใจว่าจะไปปลุกคนในบ้างขนาดไหน ออฟฟิศของผมไม่ได้ติดกับห้องของใครก็จริง แต่ผมรู้ว่าเสียงหัวเราะของผมมันดังพอที่จะได้ยินทั้งบ้าน
จริง ๆ แล้วความคิดที่จะเขียนเรื่องอนิเมะประจำปีนี้ เกิดขึ้นเพราะว่าผมดูเรื่อง 100 Girlfriends นี่แหละครับ เพราะผมแค่อยากจะพูดถึงอนิเมะเรื่องนี้ แต่คิดว่าไม่มีโอกาสไหนจะเขียนถึงอีก ผมดูเรื่องนี้และคิดว่า 100 Girlfriends สมควรจะที่ได้รับการพูดถึงในบล็อกที่เกี่ยวกับอนิเมะประจำปีครับ แต่ผมเป็นใครกัน และใครกันจะหยุดผม เหตุผลที่ผมเริ่มเขียนบล็อกเกี่ยวกับอนิเมะก็เพื่อที่จะได้พูดถึงงานอดิเรกที่ผมชื่นชอบ
เพราะฉะนั้น ช่างมันครับ ผมตัดสินใจขณะที่ผมเขียนอยู่นี้ ว่าจะเขียนบล็อกโพสหนึ่ง เกี่ยวกับอนิเมะ 100 Girlfriends ผมไม่สนใจว่าใครจะพูดว่าอะไร ผมไม่สนใจว่าผมใช้โควตาแนะนำอนิเมะประจำฤดูกาลไปแล้ว ผมจะเขียนเกี่ยวกับ Peak Fiction นี้อยู่ดีครับ ดังนั้น ผมจะเขียนโฟสนี้ให้เสร็จ เก็บเอาไว้ แล้วไปเขียน 100 Girlfriends ต่อ และลงอันนั้นก่อนจะลงโพสนี้ครับผม! แม้ว่ามันจะเสียเวลาผมไปอีกวันหนึ่ง แต่ผมไม่สนใจครับ 100 Girlfriends สมควรได้รับความรักเช่นนั้นครับ!
Rentaro can beat Goku.
Simple Fact, 2023
Pluto
Pluto
นอกจากอนิเมะประจำซีซั่นแล้ว ปีนี้เรามีอนิเมะนอกซีซั่นดี ๆ อยู่บ้าง และหนึ่งในนั้นก็คือ Pluto ครับ เอาตามครง ผมต้องกลับมานั่งเขียนเพิ่ม เพราะผมลืมว่า Pluto เป็นอนิเมะที่ฉายปีนี้ ผมลืมเพราะว่าผมนั่งไล่ดูหน้าอนิเมะประจำฤดูกาล และมันไม่มี Pluto แต่สุดท้ายแล้วมันก็เป็นหนึ่งในเรื่องที่ลืมไม่ได้โดยเด็ดขาด
ผมจำได้ว่าผมนั่งดู Pluto 8 ตอนจบภายในสองวัน หากจะนั่งดูจบทั้งเรื่องภายในวันเดียวก็อาจจะบ้าเกินไปหน่อย แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นเรื่องที่แย่เกินไป เพียงแต่ผมไม่มีเวลามากขนาดนั้น แต่ช่วงเวลาที่ผมนั่งดูอนิเมะเรื่อง เป็นช่วงเวลาที่มีคุณค่าเหลือเกินครับ หากใครยังไม่ได้ดู ผมคิดว่าควรจะดูมาก ๆ เรื่องหนึ่ง
งานอะไรก็ตามที่ออกจากมันสมองและฝีมือของอาจารย์อุราซาว่า นาโอกิ คือความยอดเยี่ยมที่โลกใบนี้สมควรที่ได้รับ และผู้ชมควรจะได้รับชม ไม่ว่าจะในรูปแบบอนิเมะหรือมังงะ แต่ต้องบอกตามตรง สำหรับคนที่เคยดู Monster และเคยอ่าน 20th Century Boys มาก่อน มันคิดว่า Pluto เป็นเรื่องที่อ่อนที่สุดในผลงานของอาจารย์อุราซาว่า แต่แม้ว่าจะอ่อนที่สุด มันก็เป็นวรรณกรรมที่ยอดเยี่ยมที่สุดเรื่องหนึ่งของโลก
นอกจากนี้ ผมคิดว่า Pluto เป็นผลงานของอาจารย์อุราซาว่าที่เหมาะสมในการทำเป็นอนิเมะที่สุดเรื่องหนึ่ง เนื่องจากความยาวของมันที่สั้นกว่าเรื่องอื่น ๆ อย่างเช่น Monster มีอนิเมะ 74 ตอน ซึ่งไอผมเองก็ยังดูไม่จบสักที แต่เรื่องนั้นมัน Slow Burn มากกว่า การค่อย ๆ พัฒนาเนื้อเรื่องและตัวละครที่สมจริงและทำให้ผู้ชมผูกพันไปเรื่อย ๆ เป็นจุดแข็งของอาจารย์อุราซาว่า
ในทางกลับกัน ผมเข้าใจว่า 20th Century Boys มีความยาวมากกว่า Pluto มาก อาจจะเป็นเหตุผลที่ผมอ่านไปถึงบทที่ 50 แล้วคิดว่า ยังไม่จบอีกเหรอวะ! แต่ก็ไม่กล้าอ่านต่อ เพราะว่ารู้ว่าหากนั่งอ่านจนจบ มันคงทิ้งช่องว่างในจิตใจของผมอย่างมาก แต่ในทางกลับกัน หากจะสร้างอนิเมะ 20th Century Boys คงจะใช้ความพยายามอย่างมาก ทั้งพลังกาย ทุน และบุคลากร แต่ถ้าทำออกมาได้แบบ Pluto มันจะเป็นหนึ่งในอนิเมะตำนานไม่ต่างจากความเป็นมังงะในตำนานของ 20th Century Boys
ดังนั้น การที่ได้เห็น Pluto ทำอนิเมะออกมาได้อย่างดีเยี่ยม และได้รับความนิยมมากมายอย่างกว้างขวาง มันทำให้คนอย่างผมเกิดความหวังว่า ดีไม่ดี หรืออีกไม่นานนัก ทีมผู้สร้างจะให้โอกาสตัวเอง คิดที่จะพยายามสร้างอนิเมะจากมังงะ 20th Century Boys ครับ
Heavenly Delusion
Honourable Mentions
ปีนี้มีอนิเมะที่ดีมากมายกว่าที่ผมได้กล่าวถึงไป แต่ที่ผมหยิบยกเพียงบ้างเรื่องมาก็เพราะว่าเรื่องเหล่านั้นเป็นเรื่องที่อยู่ในใจของผม และมีคุณค่าทางจิตใจไม่ทางใดก็ทางหนึ่งครับ แต่ผมก็อยากจะพูดถึงเรื่องอื่น ๆ เหมือนกันครับ เพียงแต่ว่าไม่มีเรื่องจะพูดถึงมันมากขนาดนั้น
เช่น Heavenly Delusion ที่ทำออกมาได้น่าติดตาม พร้อมกับปริศนาของโลกที่แปลกประหลาดและอนิเมชั่นชั้นยอด เป็นเรื่องที่ผมคิดว่าน่าจะมีคนสนใจมากกว่า หรือ Insomniac After School ที่มีเนื้อหานุ่มฟู และผมสามารถเข้าใจความรู้สึกของตัวละครได้ เพราะว่าผมก็เป็นพวกนอนไม่ค่อยหลับเหมือนกัน นอกจากนี้ยังมี Skip and Loafer ที่ทำออกมาสะเทือนวงการกับเนื้อเรื่องที่แทบไม่มีอะไรเลย แต่กลับทำให้ผู้ชมชื่นชอบตัวละครที่มีความเป็นมนุษย์อย่างมาก
Skip and Loafer
ผมจะไม่พูดถึง Mobile Suit Gundam: The Witch from Mercury SS2 ไม่ได้ ที่ทำซีซั่นหนึ่งออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมและน่าขนลุก และซีซั่นสองดึงเนื้อเรื่องที่ดาร์กที่เป็นเอกลักษณ์ของซีรีส์กันดั้มกลับมา ในฐานะแฟนคลับกันดั้ม ผมยินดีมาก ๆ ครับ พูดถึงความเป็นแฟนคลับ ผมที่เป็นแฟนคลับเรื่องแนวสืบสวนสอบสวนและเชอร์ล็อค โฮล์มส์ ผมยินดีอย่างมากที่ปีนี้มีอนิเมะอย่างเรื่อง Undead Girl Murder Farce ที่ทำอนิเมชั่นและนำเสนอเรื่องราวที่สร้างสรรค์ครับ
พูดถึงอนิเมะแนวสืบสวนสอบสวนแล้ว ฤดูกาลล่าสุดเรามี The Apothecary Diaries ซึ่งผมคิดว่าเป็นอนิเมะที่สวยงามเหลือเกินครับ และเป็นเรื่องราวที่ลงตัวระหว่างแนว Mystery, Drama, และเรื่องของการปรุงยา ผมเข้าใจแล้วว่าทำไมกลุ่มคนที่อ่านมังงะมาก่อนถึงตื่นเต้นกับเรื่องนี้มาก ๆ และผมอดใจรอไม่ไหวที่ได้รับชมซีซั่นสอง
The Apothecary Diaries
นอกจากนี้ เรายังมี Zom 100: Bucket List of the Dead ที่มีอนิเมชั่นที่งดงาม และภาพและสีมีความโดดเด่น แต่ติดที่โปรดักชั่นดีเลย์ไปมากเลยต้องหยุดฉายไป ล่าสุดผมเห็นว่าสามตอนหลังเพิ่งเริ่มกลับมาฉายวันที่ 25 ธันวาคมที่ผ่านมา ผมก็สนใจจะกลับไปดูเหมือนกัน แต่เรื่องนี้มีคุณค่าทางจิตใจของผมในฐานะอดีตพนักงานบริษัท ผมได้แต่รู้สึกเข้าใจและเห็นอกเห็นใจพระเอกอย่างมากครับ
Zom 100: The Bucket List of the Dead
อนิเมะแห่งปี
เอาละ เรามาคุยกันเรื่องซีเรียสหน่อยดีกว่าครับ กับคำถามที่ว่า “อนิเมะเรื่องใดควรจะได้รับรางวัลอนิเมะแห่งปี 2023” มันเป็นคำถามที่ยากมากครับ และผมก็สับสนกับตัวเองเหมือนกัน และผมคงจะติดตามเวทีประกวนนี้อย่างใกล้ชิด เพราะปีนี้เรามีอนิเมะที่สมควรจะได้รับตำแหน่งนั้นมากมายครับ
ผมจะตัดรางวัลอื่น ๆ ออกไป และนั่งคิดแต่ว่าเรื่องอะไรควรจะได้รับตำแหน่งนั้นไปครับ แต่มีบางอย่างจะต้องคำนึงถึงก่อนที่จะวิเคราะห์ครับ นั่นคือ เวทีประกวดของปีที่แล้วไม่ได้รวมอนิเมะประจำฤดูใบไม้ร่วง 2022 ด้วยเหตุผลบางประการ ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้ว่าอนิเมะประจำฤดูกาลนั้นจะรวมในเวทีประกวดของปีนี้ครับ ดังนั้นจะต้องรวมอนิเมะชั้นยอดอย่าง Bocchi the Rock ที่ผมเชียร์และชื่นชอบเป็นการส่วนตัว และ Chainsaw Man ด้วย
Bocchi the GOAT
นอกจากนั้น เราอาจจะต้องตัดอนิเมะฤดูกาลล่าสุดนี้ออกด้วย ดังนั้น เวทีประกวดอาจจะไม่มี Frieren: Beyond Journey’s End หรือ 100 Girlfriends (ซึ่งผมหวังว่าจะได้เข้าชิงสักรางวัลหนึ่ง เมื่อฟรีเร็นไม่ได้เข้าประกวด อนิเมะที่ผมเชียร์ก็มีโอกาสอย่างมากครับ เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่า หากฟรีเร็นเข้าชิง ผมก็คิดว่าเรื่องนั้นจะชนะแน่นอนครับ ดังนั้น Bocchi the Rock ของผมยังมีโอกาสชนะอยู่
แต่อนิเมะที่น่ากลัวอีกเรื่องหนึ่งคือ Oshi no Ko ซึ่งมันกลายเป็นปรากฏการณ์ที่พิเศษที่เกิดขึ้นทั้งในและนอกวงการอนิเมะและมังงะอย่างที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน ผมอาจจะยังเสพ Copium อยู่ ผมก็ยังคิดว่า แม้ว่า Oshi no Ko จะยอดเยี่ยมขนาดไหน และผมจะชื่นชมและแทบจะบูชากระบวนการกำกับอนิเมะเรื่องนี้อย่างมากก็ตาม แต่ผมก็ยังเชียร์ Bocchi the Rock อย่างไม่ขาดสาย
Oshi no Ko
ดังนั้น หากจะให้ผมเดา จริง ๆ ผมคิดว่า Bocchi the Rock น่าจะไม่ชนะ แต่หากชนะ ผมจะฉลองคนเดียวแบบบ้าคลั่ง แต่ท่าเอาจริง ๆ ผมคิดว่า Oshi no Ko หรือ Chainsaw Man น่าจะชนะครับผม
และนี่คือ เหลียวหลัง แลดูอนิเมะประจำปี 2023 ครับ ผมเห็นว่าในปีหน้าเราจะเห็นอนิเมะใหม่ ๆ ที่น่าสนใจมากมาย และเราคงจะแลหน้าตั้งแต่ชมอนิเมะที่มีคุณภาพดียิ่งขึ้นต่อไปในปีหน้าครับ เช่น Dandadan ที่ปฏิเสธไม่ได้ว่าคงจะเป็นอนิเมะที่มีคนตั้งหน้าตั้งตารอชมมากที่สุดของปีหน้าครับผม
โฆษณา