30 ธ.ค. 2023 เวลา 03:33 • ท่องเที่ยว
เขาช้างเผือก

สันคมมีดแห่งเขาช้างเผือก..ตอนที่ 5 สู่เส้นทางช้างเผือก ตัวจริงเรื่องปิ้งย่าง

โทรศัพท์ถูกป่ะปี๊ตั้งปลุกไว้ตอนหกโมงเช้า ในขณะที่เวลานัดเช็คชื่อก่อนขึ้นเขากลุ่มแรกคือตอน 8:00 น.
แปลกใจตัวเองที่ไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นในเช้านี้ อาจเป็นเพราะป่ะปี๊เตรียมทุกอย่างไปรีบร้อยตั้งแต่เมื่อคืน..
น้ำอุ่นทำงานปกติ ผ้าเช็ดตัวถูกใช้หมดทั้งสองผืนแม้ว่าห้องนี้จะนอนแค่ป่ะปี๊คนเดียว ชุดขึ้นเขาถูกหยิบมาใส่ตามลำดับที่ทับกันไว้บนพนักเก้าอี้ พักเดียวป่ะปี๊ก็พร้อมสำหรับการผจญภัยที่รอคอยมานาน
สัมภาระต้องโดนแบกขึ้นไปฝากให้ลูกหาบที่จุดรับฝากใกล้จุดจอดรถที่ลาน ฮ. ซึ่งน้ำหนักของการแบกไปครั้งนี้ก็ทำให้ป่ะปี๊รู้สึกได้ทันทีว่าความคิดที่จะเอาของฝากลูกหาบแบกไปทั้งหมดนั้นเป็นความคิดที่ถูกต้องสมควรมากที่สุดของทริปผจญภัยครั้งนี้.
เป้และน้ำดื่มรวมกันได้น้ำหนักถึง 19 กิโลกรัม คิดราคาที่ 50 บาทต่อกิโลป่ะปี๊ก็ต้องควักเงินสำหรับความสะดวกสบายนี้ไปแค่ 950 บาทเท่านั้น
อันที่จริงป่ะปี๊ไม่ใช่คนร่ำรวยอะไร เงิน 950 นั้นไม่น้อย แต่ที่ใช้คำว่าแค่นี้นั้นก็เพราะ เทียบกับความเสี่ยงต่างๆในระยะทางบนเส้นทางข้างหน้า ราคาถูกกว่านี้คงไม่มีแล้ว..
…..
เดิมทีป่ะปี๊ตั้งใจจริงๆว่าตัวเองจะแบกสัมภาระทั้งหมดขึ้นไปให้ได้ มันน่าจะเป็นความภาคภูมิใจอย่างหนึ่ง เหมือนกับที่ป่ะปี๊เคยแบกเป้น้ำหน้กประมาณเดียวกันนี้ขึ้นภูกระดึงมาแล้วถึง 2 ครั้ง
มันเป็นความภาคภูมิใจ..​ความแมน ความองอาจ กล้าหาญ.. อะไรก็แล้วแต่
เวลาผ่านมาเป็น 10 ปี แอบเสียความมั่นใจเล็กเมื่อคิดว่าต้องเอาของให้ลูกหาบแบกขึ้นให้ แต่ใจนึงก็บอกตัวเองว่า..
“ยอจ.. มีงโอเค.. มีงไม่มีอะไรต้องพิสูจน์นะ มึงยอดเยี่ยมแล้ว”
ถึงตอนนี้ก็ต้องหัวเราะออกมากับตัวเอง.. จริงหว่ะ ที่ผ่านมาก็เหมือนป่ะปี๊กำลังพิสูจน์อะไรบางอย่าง แต่ถึงวันนี้แล้ว มันไม่จำเป็นแล้ว..
“ป่ะปี๊ยอดเยี่ยมแล้ว..” ใช่เลย
….
จุดเช็คชื่อก่อนขึ้นเขาอยู่ตรงบริเวณสามแยกที่จะเลี้ยวไปยังโรงก๊าซ ถ้ามาตรงเวลาจะพบเจ้าหน้าที่ 4-5 คนในชุดลายพรางยืนรออยู่แล้ว จุดนี้เราต้องเอาตั๋วที่แสดงว่าเราชำระค่าขึ้นเขา และ ค่ากางเต๊นท์ในอุทยานเรียบร้อยแล้วให้แก่เจ้าหน้าที่ พร้อมกับเช็คชื่อก่อนจะถ่ายรูปรวมกลุ่มกันอีกครั้งเพื่อปล่อยตัวออกเป็นกลุ่มๆ ซึ่งป่ะปี๊ออกเดินในชุดแรก
เส้นทางช่วงแรกเป็นถนนประมาณ 500 เมตรก่อนตัดเข้าป่าในเส้นทางร่มรื่นอีกประมาณ 1 กิโลเมตร เราก็จะถึงจุดเช็คครั้งสุดท้ายก่อนขึ้นเขา ตรงนี้เราต้องยื่นบัตรประจำตัวประชาชนที่มีชื่อตรงกับรายชื่อให้เจ้าหน้าที่ตรวจอีกครั้ง และถ่ายรูปหน้าป้ายทางขึ้นอีกเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะปล่อยตัวโดยมีเจ้าหน้าที่เดินนำหรือปิดท้ายขบวนไปด้วย
เส้นทางต่อจากนี้ประมาณ 6 กิโลเมตรแบ่งเป็นส่วนที่ร่มและส่วนที่แดดอย่างละเท่าๆกัน การเดินไม่ยากมาก เป็นการขึ้นเนินลงเนินที่มีจุดต้องระวังคือทางลงที่มีพื้นเป็นก้อนหินกลมๆนั้นลื่นเท้าพอสมควร ต้องคอยทรงตัวให้ดี หรือถ้าใครมีตัวช่วยอย่างไม้ปีนเขา หรือไม้ไผ่ลำยาวๆช่วยค้ำพยุงก็ช่วยได้เหมือนกัน
แต่โดยความเห็นส่วนตัวป่ะปี๊ยอจคิดว่า ทางไม่ได้ยากขนาดต้องใช้ไม้ปีนเขา แต่ถ้ามือว่างและไม่เกี่ยงเรื่องภาระน้ำหนัก มันก็มีประโยชน์มากอยู่ เอาไปหรือไม่เอาไปก็ได้ครับ
ความเร็วในการเดินของป่ะปี๊นั้นอยู่ในระดับกลางๆ เพราะไม่มีสัมภาระ แต่ก็หยุดถ่ายวีดีโอ แบบตั้งถ่ายปั้นช็อตอยู่หลายจุดทำให้ใช้เวลาไปบ้าง แต่ก็มาถึงยอดเขาลูกช้างจุดชมวิวที่ป่ะปี๊ถ่ายภาพไทม์แลปตอนประมาณ 11:15 นาทีรวมใช้เวลาเดินก็ประมาณ 3 ชั่วโมงนิดจนไปถึงจุดตั้งแคมป์
ช่วงก่อนถึงนั้น อากาศระหว่างเดินมีลมพัดอ่อนๆภายใต้แสงแดดแรงๆส่งมากระทบตัวป่ะปี๊ตลอด เสื้อกันยูวีไม่ได้ถูกเอาขึ้นมาใช้ เพราะที่เนื้อตัวเต็มไปด้วยเหงื่อเลยไม่อยากใส่อะไรแขนยาวๆให้มันรู้สึกรำคาญไปกว่านี้... แต่บอกเลย นั่นคือสิ่งที่ป่ะปี๊ยอจคิดผิด
ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ จะใส่เสื้อแขนยาว ใส่ฮู้ดตลอดเส้นทางเดินขึ้นมา ไม่ว่ามันจะรู้สึกรำคาญแค่ไหนก็ตาม..
อากาศแบบนี้บนเนินเขาโค้งๆที่ไม่มีร่มไม้ใหญ่ รู้สึกว่าตัวเองไม่ต่างอะไรกับหมูหมักเหงื่อที่กำลังคลานไปตามด้านบนของเตาหมูกระทะ ในความสุขระดับเวลดัน
นี่คือความคิดตอนจบทริปนะ.. ไม่ได้คิดแบบนี้ตอนเดินหรอก เพราะวิวทิวทัศน์ต่างๆรอบตัวนั้นทำให้ในใจของป่ะปี๊คิดได้เพียงอย่างเดียวว่า
“โครตสวยเลยโว้ย….! ขออเมริกาโน่..”
….
ป่ะปี๊หยุดถ่ายภาพไทม์แลปด้วยกล้องมือถือ และ กล้อง 360 เกือบครึ่งชั่วโมงโดยไม่ได้ตระหนักถึงแสงยูวีและความร้อนที่แผดอยู่เบื้องบนก่อนค่อยๆไต่ลงไปยังจุดตั้งแคมป์ ที่ตอนนี้ลูกหาบหมายเลข 7 ของป่ะปี๊กางเต๊นท์ให้เรียบร้อยแล้วในทำเลที่ค่อนข้างดีทีเดียว
ที่นี่อนุญาติให้นักท่องเที่ยวใช้เตาแกสทำอาหารได้ แต่ไม่อนุญาติให้ก่อไฟ แต่สำหรับอาหารกลางวันนั้นเกือบทุกคนจะกินอาหารที่ตัวเองซื้อมาจากร้านค้าที่ตลาดบ้านอีต่องตอนก่อนขึ้นเขามา ซึ่งเมนูยอดฮิต และอร่อยมากๆจนอยากแนะนำก็คือ หมูปิ้งเสียบไม้กับข้าวเหนียวขาวๆดำๆ ชุดละ 40 บาท (ถ้าไปอีกครั้งป่ะปี๊จะซื้อ 3 ชุด กินเข้าและเย็น)
เวลาเที่ยงกว่าๆ นักท่องเที่ยวนั่งพักตามร่มไม้ที่ขยับตำแหน่งไปเรื่อยๆตามเส้นทางเดินของดวงอาทิตย์..
สังขารทำให้ป่ะปี๊เอาเก้าอี้ผ้าใบขึ้นมาด้วย มันนั่งสบายตูดและไม่ต้องงอเข่าล่ออาการเก๊าท์ของตัวเองด้วยคือเหตุผลสำคัญ หาจุดวางให้ดีๆ สามารถนั่งหลับเหยียดขาดได้ระดับนึงเลยทีเดียว บอกได้เลยว่าเก้าอี้เป็นสิ่งที่ทำให้ทริปนี้มีความสุขขึ้นจริงๆ ถ้าคุณต้องเลือกระหว่างไม้ปีนเขากับเก้าอี้ ป่ะปี๊ยอจเลือกอย่างหลังอย่างไม่ต้องคิดเลย..
14:30 ใกล้เวลาสำคัญอันเป็นไฮไลต์ของทริปเขาช้างเผือก นั่นคือการปีนสันคมมีด หลายคนลุกขึ้นจากท่าพักเพื่อตระเตรียมอุปกรณ์ก่อนจะเดินไปรวมตัวกันที่จุดตั้งต้นของการปีน...
น้องสันคมมีดจ๋า..​ป่ะปี๊มาแล้วนะจ๊ะ…แฮ่
รออ่านต่อนะ..
ปล.VLOGคลิปที่สองสุดท้ายออกแล้วนะ https://youtu.be/CjraJjiv_Fs
คลิปขึ้นสันคมมีดแบบ Uncut 360 https://youtu.be/jX0fCknb-E4
#เขาช้างเผือก
#สันคมมีด
#ท่องเที่ยว
#motosolo
โฆษณา