9 ม.ค. เวลา 02:00 • ไลฟ์สไตล์

เคล็ดลับเขียนเรซูเม่สมัครงาน อย่างไรให้ได้งาน สำหรับเด็กจบใหม่

จากการแข่งขันที่มีมากยิ่งขึ้นในปัจจุบันทำให้ยุคของเด็ก Gen Z และเด็กที่เรียนจบมาใหม่หลาย ๆ คนจำเป็นที่จะต้องหางานดี ๆ จึงทำให้เรซูเม่ สมัครงาน หรือใบแนะนำตัวการสมัครงาน นั้นเป็นสิ่งที่จำเป็นจะต้องเอาใจใส่ และต้องทำมันออกมาให้ดีที่สุดเพื่อที่จะสามารถพิชิตใจ HR ของแต่ละบริษัทในแต่ละที่ได้นั่นเอง และวันนี้เราก็มีเคล็ดลับดี ๆ ในการทำเรซูเม่มาฝากกัน ใครที่กำลังต้องสมัครงานเร็ว ๆ นี้มาดูกันได้เลย
Resume คืออะไร? ทำไมเราต้องให้ความใส่ใจ
สำหรับเรซูเม่ (Resume) คือ ประวัติส่วนตัวของแต่ละบุคคลที่จะนำไปใช้ในการนำเสนอเพื่อการสมัครงาน โดยในปัจจุบันนับว่าเรซูเม่มีอยู่ด้วยกันทั้งรูปแบบที่เป็นรูปเล่ม และออนไลน์ รวมถึงการทำแฟ้มสะสมผลงาน (Porfolio) ที่ใช้เก็บรวบรวมผลงานของเรายื่นประกอบเพื่อเพิ่มความน่าสนใจให้เราโดดเด่นกว่าผู้สมัครรายอื่น ๆ แต่เราจะใส่ข้อมูลอะไรลงไปบ้างในเรซูเม่มาดูไอเดียดี ๆ กันเลย
1. ใช้เทคนิคจัด Layout ให้อ่านง่ายสบายตา
เป็นธรรมดาที่ทาง HR ในหลายบริษัทจะต้องใช้เวลาในการคัดเลือกเรซูเม่ สมัครงานค่อนข้างนานเพราะการเปิดรับสมัครงานสัก 1 ตำแหน่งจำนวนใบสมัครคงมีมากมาย หากจะให้ HR อ่านข้อมูลของเราในเรซูเม่ได้แบบครบถ้วน และเข้าใจทั้งหมด
น้อง ๆ จบใหม่ควรให้ความสำคัญกับการจัด Layout เรซูเม่ สมัครงานให้ดี ดังนี้
- การแบ่งหมวดหมู่ของข้อมูล ประวัติ และผลงานที่ผ่านมาของเราให้เป็นระเบียบ
เลือกใช้ฟ้อนท์ให้ที่อ่านง่ายโดยหัวข้อหลักให้ใช้เป็นตัวหนา และข้อมูลภายในใช้
- เป็นฟ้อนท์ตัวบางธรรมดา พยายามอย่าใช้สีฟ้อนท์ที่อ่านยาก หรือเป็นสีสัน ควรใช้เป็นฟ้อนท์สีดำธรรมดา จะช่วยให้ HR อ่านเรซูเม่ สมัครงานของเราได้ง่าย
2. ระบุ Soft Skills ที่โดดเด่นของตัวเราเอง
Soft Skills เป็นอีกหนึ่งข้อมูลที่ถูกนำมาเป็นตัวเลือกเพิ่มความน่าสนใจให้กับเรซูเม่สมัครงานของเราอย่างหลายบริษัทดังก็ให้ความสำคัญไม่น้อย
เราสามารถใส่ Soft Skills ผ่านรายละเอียดงานที่เราเคยทำ เช่น ประสานงานร่วมกับฝ่ายที่เกี่ยวข้องทั้งด้านธุรกิจ และผู้พัฒนาโปรแกรม ซึ่งจะสะท้อนให้เห็นว่าเราสามารถทำงานร่วมกับผู้อื่นได้หรือทำงานเป็นทีมได้ หรือการใช้ AI Chat GPT เข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้ดีกว่าเดิม ซึ่งแสดงถึงทักษะการปรับตัวกับสิ่งใหม่ ๆ ตั้งแต่โลกเราเจอสถานการณ์โรคระบาด
เรื่องของการทำงานของผู้คนเปลี่ยนไป ทั้งรูปแบบการทำงาน รวมถึงเครื่องมือการทำงานที่มีเทคโนโลยีต่าง ๆ หากเราสามารถเรียนรู้ และปรับตัวกับการทำงานรูปแบบใหม่ ๆ ได้ไว เชื่อเลยว่า HR ที่ไหนก็คงอยากได้ตัวเราเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของบริษัทแน่ ๆ
3. เน้นใส่ Keyword ที่ HR สนใจในตำแหน่งงานนั้น ๆ
การเลือกใช้คีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องกับสายงานช่วยให้ HR พิจารณาเรซูเม่สมัครงานได้รวดเร็วเหมือนกัน เพราะจำนวนใบสมัครงานที่เข้ามาเยอะในแต่ละวัน HR จะใช้วิธีเลือกอ่านแบบไว ๆ
ยกตัวอย่าง หากเราสมัครงานในตำแหน่งที่เกี่ยวกับการวิเคราะห์ข้อมูลดาต้าต่าง ๆ ก็ควรเลือกใช้คีย์เวิร์ดในเรซูเม่สมัครงาน เช่นคำว่า Data Analysis, Power BI, Google Analytics หรือ Analyze, Develop dashboard เป็นต้น
หาก HR อ่านเรซูเม่ของเราแบบไว ๆ เจอคีย์เวิร์ดเหล่านี้เข้าไปจะเข้าใจได้ทันทีว่า เรซูเม่สมัครงานของเรามีคุณสมบัติแบบที่บริษัทกำลังตามหาอยู่นั่นเอง
4. มีประสบการณ์ทำงานจริง ช่วยเพิ่มความเป็นมืออาชีพ
แม้ว่าหลาย ๆ คนจะอาจจะคิดว่าในตอนที่ทำการศึกษาอยู่เราจะเอาประสบการณ์มาจากไหน แต่มีนักศึกษาที่จบใหม่ ๆ หลายคนสามารถสมัครงานได้ผ่านฉลุยจากการที่มีประสบการณ์ทำงานมาก่อนนั่นเอง จะให้ดีน้อง ๆ อาจเลือกฝึกได้ในสายงานที่เกี่ยวข้อง และพยายามเลือกฝึกบริษัทที่มีชื่อเสียงสักหน่อย จะได้เป็นเครื่องการันตีให้เรซูเม่สมัครงานของเรา
และในช่วงฝึกงาน หากเราได้มีส่วนร่วมในการทำโปรเจ็กต์อะไรก็อย่าลืมใส่ข้อมูลลงไปในเรซูเม่สมัครงานด้วย เพื่อที่จะได้เป็นหลักฐานว่าตัวเราก็มีประสบการณ์ในงานนั้นจริง ๆ สำหรับน้อง ๆ คนไหนที่ยังเรียนไม่จบ หรือมีเวลาว่างในช่วงปิดเทอม ก็สามารถยื่นขอฝึกงานได้ เมื่อถึงเวลาใกล้เรียนจบ จะได้เซฟเวลาลงไปได้อีกเยอะ
5. กิจกรรมนอกห้องเรียนก็สำคัญ ช่วยเพิ่มคะแนนจาก HR
นอกเหนือจากเรื่องการเรียนแล้ว เรื่องของกิจกรรมก็สำคัญไม่แพ้กัน ไม่ว่าจะเป็นการทำจิตอาสา บำเพ็ญประโยชน์ หรือการไปเข้าร่วมแข่งขันต่าง ๆ ในมหาวิทยาลัย หรือหน่วยงานภาครัฐ หรือเอกชน ที่เกี่ยวข้องกับสายงาน โดยควรใส่กิจกรรมที่ได้เข้าร่วมให้มีความหลากหลาย
หรืออาจเป็นเรื่องอื่น ๆ ที่เราได้รับรางวัล เกียรติบัตร ก็สามารถนำมาใส่ไว้ในเรซูเม่สมัครงานได้เลย เพราะการได้รับรางวัล หรือมีประสบการณ์เข้าร่วมแบบนี้ รับรองได้เลยว่าเราจะได้รับการพิจารณาจาก HR ของบริษัทเป็นพิเศษ
นอกจากจะมีสิ่งที่ควรเขียนลงไปในเรซูเม่แบบนี้แล้ว บางเรื่องก็ไม่ควรที่จะเขียนเข้าไป เพราะบางข้อมูลที่มากเกินความจำเป็นนั้น ก็อาจจะทำให้เรซูเม่สมัครงานดูรก และไม่น่าสนใจ
“4 เรื่องที่ไม่ควรทำหรือใส่ไว้ในเรซูเม่สมัครงาน”
1. ความฝันส่วนตัวในอนาคต ไม่ต้องบอกใครก็ได้
ความฝันส่วนตัวที่เราต้องการทำในอนาคต เช่น มีฝันไปเรียนต่อต่างประเทศภายใน 2-3 ปี หรืออยากมีธุรกิจส่วนตัว เป็นนายตัวเอง ใน 2 ปี อาจต้องหลีกเลี่ยงข้อมูลเหล่านี้ไว้ในเรซูเม่สมัครงานจะดีกว่า เพราะข้อมูลเหล่านี้ไม่ได้สื่อถึงเรื่องของการใช้ความคิดสร้างสรรค์ หรือเป็นประโยชน์ขององค์กรที่พิจารณารับสมัครงานแต่อย่างใด หากแต่เป็นการเขียนลงไปเพื่อทำให้เรซูเม่สมัครงานดูไม่โล่งก็เท่านั้นเอง
นอกจากนี้ทางผู้สัมภาษณ์จะคิดได้ว่าคุณอาจอยู่ในองค์กรได้ไม่นาน
2. เขียนในสิ่งที่ไม่เป็นความจริง หรือแต่งเรื่อง เพื่อให้ HR สนใจ
การเขียนสิ่งที่ไม่เป็นความจริง เช่น ภาษา และสกิลต่าง ๆ ที่ตัวเราไม่สามารถทำได้จริง หากวันหนึ่งคุณถูกเรียกสัมภาษณ์ขึ้นมา ผู้สัมภาษณ์จะรู้ได้ทันทีว่าเรื่องที่เขียนในเรซูเม่สมัครงานเป็นเรื่องโกหก ซึ่งทำให้ภาพลักษณ์ของเราดูไม่ดี และอาจทำให้เราเสียงานในฝันไปอย่างง่ายดาย ถึงแม้เราจะมีความสามารถน้อย หรือขาดประสบการณ์ แต่การใส่ข้อมูลจริงไปจะดีกับตัวเราที่สุด เพราะเราไม่ควรจะโกหกใคร แม้กระทั่งตัวเราเองด้วย
3. เรียกเงินเดือนสูงเว่อร์ อาจโดนมองข้ามง่าย ๆ
ไม่ควรเขียนเงินเดือนที่ต้องการลงไปในเรซูเม่สมัครงาน ยกเว้น การกรอกข้อมูลในระบบ HR ของบริษัทที่เราสมัครงาน เป็นที่ทราบกันดีว่าการกำหนดฐานเงินเดือนพนักงานจะต้องพิจารณาจากหลาย ๆ ปัจจัย ควรเก็บเรื่องเงินเดือนไว้ต่อรองเมื่อถูกเรียกสัมภาษณ์จะเหมาะสมกว่า
4. ตกแต่งเรซูเม่สมัครงานแบบเน้นดีไซน์มากเกินไป
น้อง ๆ หลายคนมักคิดว่าต้องออกแบบเรซูเม่สมัครงานให้สวย หรือมีดีไซน์ล้ำ ๆ เพื่อสร้างความโดดเด่นแต่การทำแบบนี้อาจทำให้เราพลาดงานในฝันไปได้แบบง่าย ๆ
HR ส่วนใหญ่มักไม่ได้พิจารณาใบสมัครงานจากความสวยงามเพียงอย่างเดียว บางคนก็ดีไซน์เรซูเม่ สมัครงานจนทำให้ข้อมูลต่าง ๆ อ่านแล้วเข้าใจยากนั่นเอง เช่น การใส่ค่าพลังในสกิลการทำงาน หรือการใส่ตัวเลขบอกระดับสกิลของตัวเรา
ดังนั้นหากใครอยากให้เรซูเม่ สมัครงานของเราถูกพิจารณา ลองออกแบบเรซูเม่ให้มีความทางการ และใส่ข้อมูล และรายละเอียดของตัวเราเองให้ครบ ทำง่าย ๆ แบบนี้ HR ของบริษัทอ่านง่าย และเข้าใจข้อมูลของเราได้แบบรวดเร็ว มีโอกาสได้งานมีสูงเลยล่ะ
แน่นอนว่าในยุคนี้นอกจากเรื่องของการหางานจะมีความยากลำบากมากยิ่งขึ้นแล้ว เรื่องของการบริหารเงินเดือนของเด็กจบใหม่ นั้นยากยิ่งกว่า และทางออกสำหรับการบริหารเงินที่ดีสำหรับน้อง ๆ ในวัยนี้นั่นก็คือการ “ออมเงิน” นั่นเอง และจะออมเงินไว้ที่ไหนดีให้เงินได้งอกเงยมีไว้ใช้ในอนาคต เราจึงอยากมาแนะนำแอปฯ ตัวหนึ่งที่เรียกได้ว่าจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับการเก็บออมเงินของคุณได้เป็นอย่างดีนั่นก็คือแอปฯ Kept จากธนาคารกรุงศรีอยุธยา
โดยแอปฯ Kept By Krungsri ตัวนี้จะเป็นเพื่อนที่ดีในการที่จะทำให้คุณสามารถที่จะบริหารเงินเก็บ ให้มีความเป็นระเบียบ และยังเป็นตัวช่วยที่ดีในการลงทุนที่มีความปลอดภัยให้กับคุณได้อีกด้วย ซึ่งในส่วนนี้ก็เหมาะมาก ๆ และข้อดีของแอปฯ Kept ก็คือมีเงินน้อยก็ฝากได้
ในช่วงแรกที่เราเพิ่งเริ่มต้นทำงาน เงินเดือนอาจยังน้อย อาจลองแบ่งมาออมเงินในแอปฯ Kept ดูก่อน เพราะจ่ายดอกเบี้ยให้ทุกเดือน และยังได้รับดอกเบี้ยถึง 2% ต่อปี อีกด้วย นอกจากนี้ก็ยังมีความพิเศษอื่น ๆ ที่รอให้เราได้เข้าไปลองใช้งานกันดู หากสนใจอยากรู้เพิ่มเติม คลิกดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้เลยที่ keptbykrungsri.com/home
ทั้งนี้เราขอเป็นอีกหนึ่งในกำลังใจให้กับน้อง ๆ หรือคนทำงานทุกคน หากใครกำลังเริ่มมองหางานใหม่สามารถนำไอเดียการทำเรซูเม่สมัครงาน จากเราไปปรับใช้ได้เลย รับรองมีโอกาสได้งานชัวร์!!
บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
โฆษณา