15 ม.ค. เวลา 06:00 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี

ไขความลับ 4 แอป Generative AI เปลี่ยนภาพธรรมดา ให้กลายเป็นงานศิลปะ

เป็นเรื่องที่กำลังมาแรงสุด ๆ ในปีนี้สำหรับแอปฯ ที่เปลี่ยนภาพธรรมดา ให้กลายเป็นภาพในสไตล์ต่าง ๆ เช่น ภาพอนิเมะ ภาพสามมิติ หรือภาพสไตล์ภาพวาดลายเส้น ที่แอปฯ เหล่านี้สามารถเนรมิตภาพที่เราต้องการได้
เพราะมันมีผู้ช่วยที่เก่งมาก ๆ นั่นก็คือ “Generative AI” ปัญญาประดิษฐ์ที่ถูกสร้างมาให้สามารถรับคำสั่ง โดยการป้อนตัวอักษร หรือคำสั่ง (Prompt) เพื่อสร้างสิ่งที่เราต้องการอย่างเช่น รูปภาพ ข้อความ หรือวิดีโอเรียกได้ว่า Generative AI เป็นอีกก้าวหนึ่งของเทคโนโลยี AI ที่สามารถเปลี่ยนรูปแบบการทำงานแบบเดิม ๆ ให้มีความหลากหลายมากขึ้น
แล้วพวกเราเคยสงสัยกันไหมว่าภายใน Generative AI มีเบื้องหลังการทำงานเป็นอย่างไร? แล้วจะมีบริการไหนบ้างที่นำ Generative AI นำมาใช้งานจริง ๆ เพื่อคลายทุกข้อสงสัย เราจะขอพาทุกคนไปรู้จักเรื่องราวดี ๆ กัน ตามเราไปสัมผัสความล้ำยุคของ Generative AI กันเลย
เจาะเบื้องหลัง Generative AI ทำงานได้อย่างไร?
อย่างแรกเราต้องมารู้กันว่า Generative AI คือ อีกหนึ่งรูปแบบของ AI ที่ถูกออกแบบมาเพื่อให้เราสร้างสิ่งใหม่ ๆ ไม่ว่าจะเป็นภาพ ข้อความ เสียง หรือวิดีโอ Generative AI นั้นมีรูปแบบการทำงานที่คล้ายกับสมองของคนเรา คือสามารถคิด ประมวลผลสิ่งต่าง ๆ และเรียนรู้ได้อย่างไม่มีขีดจำกัด เพราะแบบนี้ Generative AI จึงสามารถใช้ข้อมูลที่ได้เรียนรู้สร้างสิ่งต่าง ๆ ให้ออกมาเป็นผลงานใหม่ที่มีความคล้ายกับสิ่งที่ได้เรียนรู้
ตัวอย่างเช่น Generative AI ใน Chat GPT ที่เราสามารถเขียน Prompt คำถามในเรื่องต่าง ๆ ให้ AI ช่วยตอบคำถาม ในส่วนการทำงานเบื้องหลังของ Chat GPT ก็จะมีการทำงานของ Generative AI ที่ช่วยประมวลผลคำถาม และสร้างคำตอบให้มีความแม่นยำ ลื่นไหลเป็นธรรมชาติที่สุด หรือจะเป็นแอปฯ Canva ที่มีบริการแบบ Text to Image ก็มีการนำ Generative AI เข้าไปใช้งานให้เรา Prompt คำสั่งสร้างรูปภาพเพียงแค่เขียนคำสั่งลงไป Generative AI ก็จะประมวลผลคำสั่งเหล่านั้นออกมาเป็นรูปภาพให้ตรงใจกับเรามากที่สุด
แล้ว Generative AI เปลี่ยนภาพเก่า ๆ ให้มีความคมชัด เหมือนเพิ่งถ่ายได้อย่างไร? ซึ่งที่ AI ทำนั่นก็คือ ใช้เทคนิคที่เรียกว่า Super Resolution ซึ่งเป็นการทำให้ภาพที่มีความละเอียดต่ำกลายเป็นภาพที่มีความละเอียดสูงโดยอาศัยข้อมูลของภาพที่มีความละเอียดต่ำ
สำหรับเทคนิค Super Resolution มีเทคนิคอยู่หลายแบบ แต่ที่นิยมใช้กันมากที่สุดคือ Deep Learning ซึ่งใช้อัลกอริทึมจาก Machine Learning ในการจำแนก และทำนายข้อมูลของภาพ อัลกอริทึมจะทำการเรียนรู้ด้วยข้อมูลรูปภาพที่มีความละเอียดต่ำ และความละเอียดสูงจำนวนมาก เมื่ออัลกอริทึมได้รับการเรียนรู้เสร็จแล้ว จะสามารถสร้างภาพที่มีความละเอียดต่ำให้เป็นภาพที่มีความละเอียดสูงได้นั่นเอง
4 ตัวอย่าง AI ในชีวิตประจำวัน สำหรับใช้สร้างภาพ
ขอขอบคุณรูปภาพจาก download.archsupply.com
1. Adobe Firefly
สำหรับซอฟต์แวร์ตัวนี้เป็นตัวล่าสุดจากชุดโปรแกรมในเครือ Adobe ที่ไม่ว่าคนทำงานออฟฟิศ หรือวัยเรียนต่างก็ต้องมีติดเครื่อง โดย Adobe Firefly จะมุ่งเน้นไปที่การสร้างเอฟเฟกต์ภาพ และข้อความ โดยมีการนำ Generative AI เข้ามาช่วยเสริมการทำงานในด้านต่อไปนี้ เช่น
- การเพิ่มความคมชัดของภาพให้มีรายละเอียดสูงขึ้น
- การเพิ่มสีสันของภาพให้สวยงามขึ้น
- การแปลงภาพให้เป็นภาพวาด
- การแปลงข้อความเป็นภาพ
- การสร้าง Logo
ซึ่งฟังก์ชั่นที่กล่าวมานั้น เราสามารถทำได้เพียงคลิกเดียว แค่ป้อนคำสั่ง Prompt ที่เราต้องการลงไป ปล่อยให้ Generative AI ทำงานให้เราก็ได้ภาพที่เราต้องการ ช่วยเซฟเวลา และได้ผลงานแบบมือโปรในเวลาที่สั้นมาก ๆ
สำหรับใครที่ต้องการใช้งาน Generative AI แบบมือโปร ก็สามารถเข้าไปดาวน์โหลดซอฟต์แวร์ตัวนี้ได้ที่ adobe.com
2. Midjourney
หากพูดถึงการใช้ AI สร้างภาพจะไม่พูดถึงเบอร์ต้น ๆ ของวงการนี้อย่าง Midjourney คงไม่ได้เพราะอีกหนึ่งตัวช่วยที่สามารถสร้างรูปภาพได้หลากหลาย และมีความสมจริงที่สุด ณ เวลานี้ โดยเราสามารถเข้าไปใช้งานได้ผ่านการเข้าร่วมดิสคอร์ดของทาง Midjourney ซึ่งหากเราต้องการภาพอะไร เพียงแค่ป้อนคำสั่ง Prompt ลงไปแล้วรอประมาณ 5 นาที ปล่อยให้ระบบ Generative AI ทำงาน เราก็จะได้ภาพนำไปใช้งานต่อได้เลย
ตัวอย่างการใช้ AI สร้างภาพจาก Midjourney โดยใช้คำสั่ง Prompt ดังนี้
“Sunlighting, picnic, A refreshing plate of Som Tam, showcasing a zesty green papaya salad with shredded carrots, tomatoes, peanuts, and a tangy lime dressing, a bottle of orange juice”
จากผลลัพธ์จากการสร้างภาพขึ้นมาใหม่จากระบบ Generative AI รูปภาพจะมีความสมจริงมาก จนมองผ่านนึกว่านี่คือภาพถ่ายเลยทีเดียว หากใครที่ต้องการนำการทำงาน AI ไปใช้สร้างภาพอันนี้เหมาะสุด ๆ
สำหรับใครที่อยากให้ระบบ Generative AI สร้างภาพสวย ๆ แบบนี้ ก็สามารถเข้าไปใช้บริการได้ที่ midjourney.com
3. Stable Diffusion
อีกหนึ่ง Generative AI สร้างภาพที่มีความเก่งไม่แพ้ Midjourney แต่สำหรับซอฟต์แวร์ Stable Diffusion มีความต่างตรงที่เราสามารถตั้งค่าในการสร้างรูปภาพได้แบบละเอียดกว่ามาก ๆ โดยเราสามารถป้อนคำสั่ง Prompt ในส่วนของสิ่งที่เราต้องการ และไม่ต้องการในภาพได้ อีกทั้งสามารถกำหนดโทนภาพ และไซซ์ได้ตามใจ
ไม่ว่าจะเป็นรูปภาพแบบการ์ตูนอนิเมะ หรือภาพคนเสมือนจริง ก็มีให้เลือกได้หลายแบบ เหมาะสำหรับคนที่ต้องการภาพเฉพาะทาง ซึ่งต้องการความละเอียดของภาพ ลองได้ลองใช้สักครั้ง รับรองต้องสนุกกับการใช้ AI สร้างภาพอย่างแน่นอนเลย
สำหรับใครที่อยากลองใช้บริการ Generative AI สร้างภาพก็สามารถเข้าไปใช้บริการได้ที่ stablediffusionweb.com
ขอขอบคุณรูปภาพจาก arstechnica.com
4. VANCEAI
ที่เราได้พูดถึงการนำระบบ Generative AI มาใช้ในการอัพความคมชัดของรูปภาพ ก็มีซอฟต์แวร์ที่น่าสนใจนั่นคือ VANCEAI ที่สามารถขยายความคมชัดได้สูงมากถึง 40 เท่าเรียกได้ว่าชัดมาก ๆ โดยที่ภาพของเราจะไม่มีการสูญเสียรายละเอียดใด ๆ ในภาพเลยแม้แต่นิดเดียว นอกจากนี้ยังมีเรื่องของความปลอดภัยของข้อมูล เพราะหลังจากเราอัปโหลดภาพไปทางระบบจะลบข้อมูลของเราภายใน 24 ชั่วโมง รับรองได้เลยว่าหมดปัญหาข้อมูลหลุดออกไปแน่นอน
นอกจากนี้ยังมีอีกหลายฟังก์ชั่นที่มีการนำระบบ Generative AI เข้ามาช่วย เช่น ฟังก์ชั่น Painting เติมสีสัน ทำให้บางส่วนของภาพที่ขาดหายไปให้กลับมาสมบูรณ์ขึ้น หรือฟังก์ชั่น Reduce Noise ที่ช่วยลบสิ่งแปลกปลอมในภาพของเรา และทำให้ภาพมีความคมชัดมากยิ่งขึ้น
สำหรับใครที่อยากทดสอบฝีมือความเก่งของ Generative AI ในซอฟต์แวร์ตัวนี้ก็สามารถเข้าไปใช้บริการได้ที่ Vanceai.com
ขอขอบคุณข้อมูลดี ๆ จาก ameyawdebrah.com
นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของเทคโนโลยี Generative AI ที่หลาย ๆ ซอฟต์แวร์ หรือบริการต่าง ๆ หยิบยกมาใช้เพื่อช่วยให้เราได้สนุกสนานไปกับเทคโนโลยีใหม่ ๆ อีกทั้งทำให้ชีวิตประจำวันของเราง่ายขึ้น แต่ถ้าเราคิดจะสร้างรายได้จากการใช้ Generative AI สร้างภาพ อาจต้องมีความระวังในเรื่องของลิขสิทธิ์ของข้อมูลที่ AI นำมาใช้ในการเรียนรู้ เพราะอาจเสี่ยงต่อความผิดในการละเมิดลิขสิทธิ์ก็เป็นได้ หากใครชอบเรื่องราวเกี่ยวกับเทคโนโลยี ก็อย่าลืมติดตามบทความดี ๆ จากเราได้เลย
ขอขอบคุณข้อมูลดี ๆ จาก
โฆษณา