14 ม.ค. เวลา 09:11 • การศึกษา

ปีชง เดือนชง วันชง

อะไรมันชง? แล้วชงอะไร?
.
วัน คืน มืด แจ้ง เขาก็หมุนเวียนเปลี่ยนไปตามธรรมชาติของเขา มันไปประทุษร้ายใครไม่ได้หรอก เว้นไว้แต่มันเกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติ ซึ่งมันเป็นเองตามเหตุปัจจัยของมัน เช่น แผ่นดินไหว ไฟไหม้ พายุกระหน่ำ น้ำท่วม ก็เป็นเรื่องของธรรมชาติจะเป็นเอง ใครจะไปบังคับให้เป็นไปตามความต้องการของตนเองไม่ได้
.
ส่วนเรื่องความเชื่อของคนจะเอาเป็นประมาณไม่ได้ มันขึ้นอยู่กับความเป็นสัมมาทิฏฐิ และมิจฉาทิฏฐิที่อยู่ในใจคน โลกนี้คนที่มีใจเป็นสัมมาทิฏฐิมีน้อยนิด แต่คนที่เป็นมิจฉาทิฏฐิมีเยอะมาก พูดง่าย ๆ ก็คือ คนโง่มันเยอะกว่าคนฉลาด
.
ธรรมชาติของโลกก็คือ ปลาใหญ่มันก็กินปลาเล็ก คนโง่ก็ตกเป็นเหยื่อของคนฉลาดที่โกง ถ้าเป็นคนฉลาดที่ไม่โกง นอกจากจะไม่หลอกคนโง่แล้ว ยังจะช่วยให้คนโง่ โง่น้อยลงจนถึงกับหายโง่ไปเลยก็ย่อมได้
.
คนฉลาดที่ไม่โกงก็คือ นักปราชญ์ผู้รู้ธรรมเห็นธรรมนั่นแหละ ถ้ารู้ธรรมแล้วจะไม่โกง ไปอยู่ที่ไหนก็มีแต่ความชุ่มเย็น มีแต่คนเคารพนับถือ
.
สญชัยปริพาชก บอกกับอุปติสสะว่า ในเมื่อโลกนี้มีคนโง่มากกว่าคนฉลาด ถ้าเช่นนั้น คนฉลาดจงไปอยู่กับพระสมณโคดมเถิด คนโง่จักมาหาเรา เรายังจะได้สักการะจากคนโง่ที่มีจำนวนมากกว่า
.
ดังนั้น ถ้าจะมีคนโง่เข้าไปหาสญชัยปริพาชก ก็ไม่มีใครไปห้ามได้ ถ้าใครไปห้าม ผู้นั้นก็ยังไม่ใช่ผู้ฉลาดจริง ครั้นจะไปชี้หน้าด่าว่า เองนี่! โง่นักโง่หนา ทำไมยังไปให้เขาหลอกอยู่ได้ ก็หามีประโยชน์อันใดไม่ รังแต่จะเป็นเหตุให้รำมวยใส่กันเท่านั้นเอง
.
ธรรมท่านสอนให้เชื่อกรรม ใครทำดีก็จะได้ดีเอง ใครทำชั่วก็จะได้ชั่วเอง คนอื่นจะยังคนอื่นให้ดีหรือชั่วไม่ได้
.
แต่คนที่โง่เขลาเบาปัญญา คนมีกิเลสทุกคน ก็โง่เขลาเบาปัญญาทั้งนั้นแหละ ใครมีกิเลสหนาก็โง่มากหน่อย ใครมีกิเลสเบาบางก็โง่น้อยหน่อย ใครไม่มีกิเลสเลย ก็ไม่โง่เลย
.
คนโง่มาก ๆ ก็ไม่มีใครยอมเชื่อกรรม มักจะไปเชื่อลม ๆ แล้ง ๆ วันนั้นจะดี วันโน้นจะดี อยากได้ดีแต่ไม่ยอมทำดีเอง ไปบนบานศาลกล่าวอ้อนวอน ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์มาช่วย ขอให้เทวดามาช่วย ขอให้ฤกษ์งามยามดีมาช่วย ขอให้เครื่องรางของขลังมาช่วย จะเกี่ยวกับปีชง เดือนชง วันชง อะไรหรือเปล่า ก็ไม่รู้เน้อ! เรารู้จักแต่ ชงชา ชงโกโก้ ชงกาแฟ
.
บางทีไปบนบานอะไรแล้ว มันก็พอดีไปตรงกับที่กรรมดีกำลังจะให้ผล ก็เลยดูเหมือนจะสมหวัง ก็สำคัญผิดคิดว่า สิ่งศักดิ์สิทธิ์มาช่วยจริง ๆ หรือถ้าไปดูดวงมา ก็หลงคิดเอาเองว่า หมอดูคนนั้นทำนายทายทักแม่นมาก ก็เลยกลายเป็นไปหาเรื่องใส่หมอดูเข้าให้อีก
.
เขาก็อาจทำนายแม่นจริงบ้างก็ได้ ไม่จริงบ้างก็ได้ ก็เห็นหลายคนเวลามีเหตุการณ์อะไรที่คนสนใจ ก็ชอบออกมาฟันธงว่า ต้องเป็นอย่างนั้นอย่างโน้น ถ้าทายถูกก็ดัง เลยต้องเสี่ยงเอา แล้วธงก็หัก พอธงหักก็เงียบไป
.
มันก็เสียหน้าพอสมควรนะ ดูไปก็น่าสงสาร แต่ละคนเขาก็มีเทคนิคในการดำรงชีพของเขา อย่าไปว่ากันเลย ขอให้อย่าทำผิดกฎหมายก็แล้วกัน ส่วนจะผิดศีลผิดธรรมบ้าง มันก็เป็นเรื่องเฉพาะตัว มันบังคับกันให้มีศีลมีธรรมไม่ได้
.
เพราะโลกนี้มันเป็นโลกอนิจจัง ไม่มีอะไรเที่ยงแท้ถาวร และไม่มีใครจะฝืนกรรมของตัวเองได้ นอกจากจะฝืนด้วยการทำแต่กรรมดีในปัจจุบันนี้เท่านั้น คือ ละชั่ว ทำดี ทำใจให้ผ่องใสบริสุทธิ์ นี่! คือการแก้กรรมได้อย่างแท้จริง อย่างอื่นแก้กรรมไม่ได้เลย ให้พากันรู้ไว้
.
ดังนั้น เรื่องความเชื่อของคน ใครจะเชื่ออย่างไร ก็เอาตามอัธยาศัย อุปมาเหมือนหมู่หนอนมันย่อมพอใจจะแหวกว่ายอยู่ในกองมูตรกองคูถ ถ้าใครจะเอาหนอนไปแหวกว่ายในกองน้ำผึ้ง ก็เท่ากับฆ่ามันตายเท่านั้นเอง
.
คำสอนของพระพุทธศาสนาเป็นเรื่องของความจริงล้วน ๆ ไม่ใช่เรื่องของความเชื่อ ถ้าใครไปเอาความเชื่อมาลบล้างความจริง มาขัดแย้งกับความจริง ความหายนะย่อมเกิดแก่ผู้นั้นเอง ถ้าใครทำความเชื่อให้ตรงกับความจริงได้ เรียกว่า เป็นผู้มีสัมมาทิฏฐิ เห็นชอบ คือ รู้เห็นตามความเป็นจริงนั้นเอง
.
ผู้รู้ธรรมก็คือ ผู้รู้ความจริงที่เรียกว่า อริยสัจ ๔ เมื่อรู้แล้ว ก็นำความจริงออกมาพูด มาแสดงให้แก่บุคคลที่ควรพูด ควรแสดงโดยเหมาะแก่กาลเทศะ ไม่พูดพล่ามไปทั่วอย่างไม่เลือกกาล สถานที่ และบุคคล
.
การจะเปลี่ยนคนโง่ให้กลายเป็นคนฉลาด มันทำไม่ได้หรอก ผู้ฉลาดแท้ก็ไม่มีใครแม้แต่จะคิดทำกัน มีทางเดียวที่จะทำได้คือ คนโง่เขาต้องสำนึกผิดรู้ว่า ตัวเองยังโง่อยู่ แล้วพยายามปรับปรุงตัวเอง แก้ไขตัวเองด้วยการเข้าหานักปราชญ์บัณฑิตแท้ แล้วฟังคำสอนจากท่านนำมาปฏิบัติ มีทางเดียวนี้เท่านั้น
.
ธรรมท่านจึงสอนว่า “คนโง่ที่รู้จักว่า ตัวเองโง่ ยังพอจะนับว่าเป็นคนฉลาดได้บ้าง แต่คนโง่ที่สำคัญว่า ตัวเองฉลาด นั่นแหละ คือ คนโง่แท้ ๆ”
.
ฝึกตนเองดีแล้วจึงฝึกผู้อื่น ชื่อว่า ทำตามพระพุทธเจ้า ถ้าจะให้ดีจริง ทำตัวเอง ฝึกตัวเอง สอนตัวเองให้หายโง่ให้ได้ก่อน นั่นแหละ ดีแท้ อย่ามัวแต่จะไปพยายามสอนคนอื่นเลย
.
ถ้าตัวเองยังไม่ดีจริง ไปสอนใครก็ไม่มีใครเขาอยากฟังหรอก คงสอนได้แต่เฉพาะคนที่เขามีศรัทธาเคารพนับถือเท่านั้นแหละ
.
ดังนั้น ก่อนที่จะไปเอ่ยปากสอนใคร ต้องคิดให้ดีก่อนว่า เขาอยากฟังหรือเปล่า อย่าไปทำอะไรโดยที่เขาไม่ได้เชื้อเชิญ แม้พระจะให้ศีล จะแสดงธรรม ยังต้องให้อาราธนาศีล อาราธนาธรรมก่อนเลย
.
#ดอยแสงธรรม_๒๕๖๗_๐๑
โฆษณา