15 ม.ค. เวลา 06:58 • กีฬา

เวียดนามแพ้ญี่ปุ่น แต่ได้รับคำชมทั่วเอเชีย มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่

สกอร์ที่หลายคนเซอร์ไพรส์ในเอเชียนคัพ จนถึงวันนี้ คือเกมที่ญี่ปุ่นชนะเวียดนาม 4-2
5
ก่อนหน้านี้ ญี่ปุ่นไล่ขยี้คู่แข่ง นัดละ 5 ลูก 6 ลูก ชนะแบบสบายๆ เอาต์คลาส เมื่อมาเจอเวียดนาม ใครๆ ก็คิดว่า "อัดเละแน่" แต่พอเอาเข้าจริงๆ เวียดนามเล่นได้ดีเกินคาด และแพ้แค่สองลูก
1
พวกเขากล้าต่อบอลสู้กับญี่ปุ่น โดยเปอร์เซ็นต์การครองบอลหลังจบเกม ญี่ปุ่น 58.4% เวียดนาม 41.6% เป็นตัวเลขที่ใกล้เคียงกันจนน่าแปลกใจ
นอกจากนั้นยังมีช่วงเวลาสั้นๆ ที่เวียดนามทะยานขึ้นนำญี่ปุ่นได้ด้วย แม้สุดท้ายจะโดนรัวแซงแพ้ไป แต่ก็ถือว่าน่าประทับใจมากแล้ว
ในกลุ่ม D มีญี่ปุ่น, อินโดนีเซีย, อิรัก และ เวียดนาม การที่เวียดนามแพ้ญี่ปุ่นแค่ 2 ลูก อาจมีความหมายมากๆ ต่อการเข้ารอบน็อกเอาต์ก็เป็นได้ เพราะอีกสองเกมที่เหลือ ญี่ปุ่นอาจถล่มคู่แข่งเละเทะเลยก็ได้
ก่อนที่จะไปพูดถึงเรื่องเวียดนาม ผมไม่อยากให้เอาผลการแข่งขันครั้งนี้ มาแอบโจมตีทีมชาติไทยเลยครับ ว่าแบบ โอ๊ย ไทยแพ้ 5-0 เวียดนามแพ้ 4-2 แบบนี้ เวียดนามก็เก่งกว่าไทยสิ
ในฟุตบอลมันจะเทียบกัน แบบบัญญัติไตรยางค์แบบนั้นไม่ได้หรอกครับ คิดดูนะว่า ญี่ปุ่นเอาชนะเยอรมัน 4-1 แต่ชนะเวียดนาม 4-2 งั้นแปลว่า เวียดนามที่แพ้ญี่ปุ่นน้อยกว่า เป็นทีมที่เก่งกว่าเยอรมันงั้นหรือ? ก็คงไม่ใช่ จริงไหมครับ
ดังนั้นในเรื่องนี้ เราไม่ต้องเทียบว่าไทย-เวียดนาม ใครเก่งกว่า เพราะมันเทียบไม่ได้
แต่อย่างน้อย เราสามารถไปดูวิธีการของพวกเขาได้ครับ ว่าทำอย่างไร ถึงเล่นกับญี่ปุ่นได้ดีขนาดนั้น แล้วเราสามารถนำบางอย่าง มาประยุกต์ใช้กับเราได้หรือไม่
ปฏิเสธไม่ได้ว่าเวียดนามยุค ปาร์ก ฮัง-ซอ ได้ยกระดับตัวเองจากทีมที่ประสบความสำเร็จน้อยมาก ให้กลายเป็นทีมระดับท็อปของอาเซียนได้สำเร็จ
โค้ชปาร์ก พาเวียดนามได้แชมป์ AFF 1 สมัย และเข้ารอบ 12 ทีมสุดท้ายในฟุตบอลโลก มีพัฒนาการอย่างเห็นได้ชัด แต่ปัญหาที่ทุกคนเห็นกันคือ บอลเวียดนามยุคสมัยของปาร์ก ไปต่อไม่ได้แล้ว
พอได้แชมป์ AFF ในปี 2018 จากนั้นก็ไม่สามารถรักษาแชมป์เอาไว้ได้ แพ้ไทย 2 ทัวร์นาเมนต์ติดๆ กัน ทั้ง AFF 2020 และ AFF 2022
ในระดับเอเชียยิ่งแล้วใหญ่ พอไปเจอพวกซาอุฯ, ญี่ปุ่น, ออสเตรเลีย, ยูเออี ทีมระดับท็อปในทวีป พวกเขาแพ้รวด 7 เกมแรก จนตกรอบ 12 ทีมสุดท้ายฟุตบอลโลกโซนเอเชียอย่างว่องไว
แน่นอน โค้ชปาร์กเป็นผู้จัดการทีมที่เหมาะสมในช่วงหนึ่ง แต่เวียดนามต้องการไปต่อให้ไกลกว่านี้ โค้ชที่มาคุมต้องมีแท็กติกดีกว่านี้ นั่นคือเหตุผล ที่พวกเขาจ้างโค้ชคนใหม่ ได้แก่ "พ่อมดขาว" ฟิลิปป์ ทรุสซิเยร์ มาคุมทีมแทน ด้วยค่าจ้างเดือนละ 60,000 ดอลลาร์ (2.1 ล้านบาท) ในสัญญา 3 ปี
ทรุสซิเยร์ ปัจจุบันอายุ 68 ปี มีประสบการณ์มาแล้วนับไม่ถ้วน คุมทีมชาติมาแล้ว 6 ประเทศ ผลงานดีที่สุดของเขา คือพาญี่ปุ่น เข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย ในฟุตบอลโลก 2002 ถือว่ามีประสบการณ์เชี่ยวกราก และเวียดนามก็หวังจะเอาความรู้ตรงนี้ ยกระดับทีมให้ไปไกลกว่ายุคปาร์ก ฮัง-ซอ
1
นอกจากประสบการณ์แล้ว ทรุสซิเยร์ รู้จักฟุตบอลเวียดนามประมาณหนึ่ง เพราะเคยคุมทีม เวียดนาม u-19 ในช่วงสั้นๆ (2019-2021) คือก็พอรู้ว่าวงการฟุตบอลเวียดนามเป็นอย่างไร
ตอนนี้ ทรุสซิเยร์ คุมทีมมาแล้ว 9 เดือน มีบางอย่างที่ฟุตบอลเวียดนามเปลี่ยนแปลงไปเหมือนกัน
อย่างแรก คือเรื่องวิธีการเล่น เวียดนามในยุคปาร์ก จะเน้นกองหลังรับแน่น ส่วนแนวรุกเน้นจังหวะโต้กลับเร็ว
ดังนั้น กองหลังต้องประสบการณ์เยอะ เข้าบอลหนัก เล่นเด็ดขาด เน้นเกมรับเป็นอันดับหนึ่ง ส่วนกองหน้าต้องวิ่งเร็วมาก เพื่อที่เวลาเคาเตอร์ แอทแท็กจะได้เห็นผลชัดๆ
แต่ในมุมของทรุสซิเยร์นั้น เขามองว่าการสวนกลับเป็นสิ่งดี แต่คุณจะยึดวิธีแบบนั้นตลอดไปไม่ได้ ระหว่างเกม มันต้องเล่นฟุตบอลแบบ Possession Game มากขึ้น ในจังหวะที่เซ็ตเกมบุกนั้น คุณต้องกล้าต่อบอลมาจากแดนหลัง นักเตะต้องเคลื่อนที่ เพื่อช่วยกันตลอด
ที่ผ่านมายุคปาร์ก ในฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก เวียดนามเจอซาอุฯ ครองบอลได้ 27%, เจอออสเตรเลีย 29% และ เจอญี่ปุ่นครองบอลได้ 27% ซึ่งมันน้อยเกินไป ถ้าจะขึ้นไปสู่ระดับเอเชีย อย่างน้อยเปอร์เซ็นต์การครองบอลก็ต้องเพิ่มขึ้นกว่านี้ จะตีหัวเข้าบ้านทุกนัด มันเป็นไปไม่ได้
ทรุสซิเยร์ เริ่มคุมทีมเวียดนาม ในเดือนมีนาคม 2023 และทำการทดลองแผนการเล่นหลายรูปแบบ 3-4-3 และ 3-5-2 ผลการแข่ง คือแพ้ มากกว่าชนะ
ในช่วงแรกแฟนบอลเวียดนามไม่พอใจมาก ด่าสาดเสียเทเสีย ถ้าเทียบกับปาร์ก ฮัง-ซอ ประสบความสำเร็จเร็วทันทีตั้งแต่ปีแรก แฟนบอลก็เลยคาดหวังว่าทรุสซิเยร์ จะทำได้แบบนั้นบ้าง
ถามว่าก่อนทัวร์นาเมนต์ เอเชียนคัพเริ่ม แฟนบอลเวียดนามตั้งเป้าอย่างไร คำตอบคือ "ไม่คาดหวัง" พวกเขาอยู่สายเดียวกับญี่ปุ่น, อิรัก และ อินโดนีเซีย ดังนั้นถ้าผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายได้ ก็ถือว่าทำได้โอเคแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้น ก่อนทัวร์นาเมนต์ เวียดนาม เจอวิกฤติหนัก เพราะตัวหลัก 5 คน ได้รับบาดเจ็บพร้อมกัน คือ เหงียน กวาง ไห่ (ที่เคยเล่นในลีกเดอร์ กับ พัว เอฟซี),ดวน วาน เฮา (ที่เคยเล่นกับฮีเรนวีน), ดัง วาน ลัม (อดีตโกล์เมืองทอง), เหงียน เทียน ลินห์ (ดาวซัลโวเอเอฟเอฟ ปีล่าสุด) และ เค ง็อก ไห่ (นักเตะเบอร์ 3 ที่เคยมีเรื่องกับธีราทร)
เมื่อเจอปัญหาตัวเจ็บเยอะขนาดนี้ ทรุสซิเยร์ มีทางเลือก 2 ทาง ทางแรกคือ ไปเรียกตัวเก๋าๆ ในยุคปาร์ก ฮัง-ซอ มาติดทีมแทน เช่น เหงียน คอง เฟือง ที่เล่นอยู่กับโยโกฮาม่า เอฟซี ที่ญี่ปุ่น กับอีกทางคือ ดันเอาดาวรุ่งขึ้นมาเลย
1
สุดท้าย ทรุสซิเยร์ตัดสินใจใช้งานดาวรุ่งเกือบครึ่งทีม
26 ขุนพลทีมชาติเวียดนามในเอเชียนคัพครั้งนี้ มีนักเตะเอาต์ฟิลด์แค่คนเดียวที่อายุเกิน 30 ปี นั่นคือ โด ฮุง ดุง (กัปตันทีม) แต่คนที่เหลือ อายุน้อยหมด
ใน 26 คนนี้ มีนักเตะระดับ u-23 มากถึง "11 คน" โดยคนอายุน้อยสุดคือ 19 ปีเท่านั้น ถ้าเทียบกับของไทย เรามีนักเตะในระดับ u-23 แค่ "3 คน" เท่านั้นคือ ชาญณรงค์ พรมศรีแก้ว, ศุภณัฐฏ์ เหมือนตา และ ธีรศักดิ์ เผยพิมาย
2
จะเห็นได้ว่า ความเชื่อใจวัยรุ่น และความกล้าในการดันดาวรุ่ง ไทยเรายังไม่กล้าพอที่จะทำแบบนั้น
สำหรับวิธีการเล่นของทรุสซิเยร์ ที่เล่น Possession Game แปล่วานักเตะต้องวิ่งเยอะมากทุกตำแหน่ง กองหลังจะมาเตะโหดอย่างเดียวไม่ได้ เวลาเล่นเกมรุก กองหลังต้องเคลื่อนที่ตลอดเพื่อช่วยเพื่อน ดังนั้นนักเตะตัวเก๋า ที่วิ่งน้อยๆ แบบนี้ทรุสซิเยร์ไม่ต้องการ เขาต้องการคนที่พร้อมวิ่งตลอดเกม คนที่เป็นมดงาน แสดงความใจสู้เพื่อทีม
3
ประเด็นคือนิสัยของนักเตะอายุเยอะๆ มันเปลี่ยนกันไม่ได้แล้ว คนที่ไม่เคยวิ่งเยอะ จะมาขอให้วิ่งเยอะ มันแก้กันยาก แต่ของดาวรุ่ง มันเปลี่ยนกันได้ ดังั้นแทนที่จะไปบอกให้นักเตะซีเนียร์แก้นิสัย สู้ปั้นเด็กกันเลยดีกว่า
กองหน้าตัวจริงของทีมชาติเวียดนาม คนปัจจุบันชื่อ เหงียน ดินห์ บัค เขาอายุ 19 ปี ได้เล่นลีกสูงสุดแค่ฤดูกาลเดียว แต่เมื่อทรุสซิเยร์เห็นแววแล้วว่า เด็กมันมีของ ก็เอาไปเอเชียนคัพด้วยเลย จะรออะไรล่ะ
1
หลังจากอุ่นเครื่องมาหลายนัด ในที่สุด เวียดนามก็มาเจอกับญี่ปุ่น ในเกมแรกของเอเชียนคัพ รอบแบ่งกลุ่ม
ราคาต่อรองก่อนเกม ญี่ปุ่นต่อ สามลูกครึ่ง ซึ่งก็ไม่แปลก ถ้าดูจากฟอร์มที่อัดไทย 5-0, อัดซีเรีย 5-0 และ อัดจอร์แดน 6-1 ในสามนัดหลังสุด คือแน่นอน ไม่มีใครคิดว่าเวียดนามจะมีแต้ม อย่าว่าแต่มีแต้มเลย ทุกคนคิดว่าแพ้เละแน่
1
การจัด 11 ตัวจริงของทรุสซิเยร์ น่าทึ่งตรงที่ ค่าเฉลี่ยของนักเตะทั้งทีม อยู่ที่ 24.8 ปี! น้อยกว่าญี่ปุ่นเสียอีก (26.1 ปี)
และถ้าเจาะจงไปดูที่กองหลังอย่างเดียว ในระบบ 3 เซ็นเตอร์แบ็ก กองหลังทั้ง 3 คน ของเวียดนาม ไม่มีใครอายุเกิน 25 (เลอ ง็อก เบา - 25 ปี, เหงียน ทานห์ บิน - 23 ปี, โว มินห์ ทรอง - 22 ปี)
ก็สมเหตุสมผลดี ถ้าคุณจะต้านทานคู่ต่อสู้ที่เคลื่อนที่ได้เร็วอย่างญี่ปุ่น กองหลังก็ต้องมีพลัง มีความสด และวิ่งเร็วด้วย
อันนี้จะเห็นว่าเป็นคนละแนวคิดกับของไทย เซ็นเตอร์แบ็กของไทย ไม่มีใครอายุต่ำกว่า 29 ปี (พรรษา - 33, เอเลียส - 30, จักพัน - 29, สุพรรณ -29) คือหลายๆ ประเทศ เชื่อว่าต้องมีเซ็นเตอร์แบ็กดาวรุ่งติดทีมกันมาบ้าง แต่ของไทย เราก็มี เช่น โจนาธาร เข็มดี อายุ 21 ปี แต่ทีมชาติเราคือไม่เอาเลย
1
เช่นเดียวกับ มิดฟิลด์ตัวกลาง เวียดนามเลือกใช้ เหงียน ไท ซอน (20 ปี) กับ เหงียน ตวน อันห์ (28 ปี) ก็ถือว่ามีพลังขับเคลื่อนดี แต่ของไทย สองคนที่อาจจะได้ลงตัวจริงในเกมเจอคีร์กีซสถาน คือ สารัช -31 ปี, พีรดลย์ - 31 ปี หรือถ้าดันธีราทรขึ้นมาเล่น นั่นก็ 33 ปีแล้ว
สกิลเวียดนามเป็นรองนักเตะญี่ปุ่นจริง แต่ด้วยพลังเคลื่อนที่ ที่ทัดเทียมกัน ความฟิตสู้ได้ ทำให้เวียดนามสามารถ "อยู่ในเกม" ได้ ไม่โดนเอาต์คลาส
1
ญี่ปุ่นนำ 1-0 จากทาคุมิ มินามิโนะ แต่เวียดนามตีเสมอได้ 1-1 จากเหงียน ดินห์ บัค กองหน้าวัย 19 ปี โหม่งลูกเตะมุมเข้าประตูไป
เหงียน ดินห์ บัค ทำสถิติ ยิงในลีกสูงสุดวีลีก เท่ากับ ยิงให้ทีมชาติ (2 ลูก) ถ้าหากในทัวร์นาเมนต์นี้ เขายิงได้เพิ่มอีกลูก ก็จะกลายเป็นนักเตะเวียดนามคนแรกที่ยิงให้ทีมชาติได้มากกว่ายิงในลีกสูงสุดทันที
1
จากนั้นเวียดนามนำ 2-1 จากลูกเซ็ตพีซ อีกครั้ง เป็นแผนที่ซักซ้อมกันมาเป็นอย่างดี เปิดฟรีคิกลึกไปถึงเสาสอง โหม่งย้อนคืนกลับมา นายทวารไซออน ซูซูกิ ปัดไม่ขาด บอลเด้งเข้าทาง พาม ตวน ไห่ ซ้ำจ่อๆ เข้าไป
1
ใครจะเชื่อว่าเวียดนามจะขึ้นนำญี่ปุ่นได้ แต่มันก็เกิดขึ้นแล้ว หนทางของทีมที่ศักยภาพเป็นรอง ก็ต้องฉกฉวยจากลูกเซ็ตพีซแบบนี้นั่นล่ะ
เวียดนามทำได้ดี พวกเขาครองบอลได้เยอะกว่าที่คิด นั่นคือ 41.6% นักเตะเก็บบอลได้ กล้าเล่น คือพวกวัยรุ่น เมื่อได้ลงสนามก็จัดเต็ม ไม่ต้องมานั่งเกรงกลัวศักดิ์ศรีของญี่ปุ่น ราคาต่อรอง 3 ลูกครึ่ง ดูโอเวอร์ไปเลย เมื่อเวียดนามเล่นได้ขนาดนี้
ตอนที่ไทยแพ้ญี่ปุ่น 5-0 เราได้ครองบอล 37% น้อยกว่าเวียดนามทำได้เมื่อวานนี้
นอกจากนั้น เวียดนาม จ่ายบอลเข้าเป้า 530 ครั้ง (ญี่ปุ่นทำได้ 739 ครั้ง) ห่างกันไม่ถึง 200 หน โดยใน 530 ครั้ง เป็นการจ่ายบอลสั้นถึง 85% คือเวียดนามไม่ได้มาสาดบอลทิ้งไร้สาระ แต่ค่อยๆ ขึ้นเกมแบบมีสติ
1
แต่ความแตกต่างของสองทีมนี้ สุดท้ายคือเรื่องความสามารถเฉพาะตัว นักเตะญี่ปุ่น มีอาวุธหนักเยอะเกินไป สามารถเข้าทำได้หลากหลายทาง ทาคุมิ มินามิโนะ เป็นได้ทั้งตัวยิง และตัวจ่าย ตรงกลางวาตารุ เอ็นโด ยิ่งเล่นไปนานๆ ก็ยิ่งเอาชนะในแผงมิดฟิลด์ได้
เวียดนามทำได้ดีที่สุดแล้ว แต่ก็โดนเม็ด 2 3 4 ญี่ปุ่นพลิกแซงชนะ 4-2 แต่เอาจริงๆ ก็เป็นสกอร์ที่ต่ำกว่าที่สื่อคาดการณ์เอาไว้มาก แพ้สองลูก กับทีมเบอร์หนึ่งของเอเชีย ถือว่าเวียดนามทำได้ดีมากแล้ว
2
แน่นอน จุดอ่อนของการส่งดาวรุ่งเยอะ ก็มีให้เห็นเช่น ความไม่นิ่งพอ อย่างตอนทดเจ็บครึ่งแรกมาแล้ว 4 นาที ถ้าเวียดนามค่อยๆ เล่น เคาะไปเรื่อยๆ จนหมดเวลา ก็อาจไม่โดนยิง แต่พวกเขาร้อนรนมากเกินไป สุดท้ายเลยเสียประตู 3-2 พอกลับมาครึ่งหลังก็เลยเล่นยากกว่าเดิมเยอะ นี่เป็นปัญหาที่พวกเขาต้องแก้กันต่อไป
เกมต่อไปของเวียดนามคือการเจออินโดนีเซีย วันที่ 19 มกราคมนี้ สิ่งที่เห็นชัดๆ ตอนนี้คือบรรยากาศในแคมป์ และ ในประเทศ ดูดีขึ้น การสู้กับญี่ปุ่นได้ขนาดนี้ แถมแพ้ 2 ลูก เป็นนิมิตหมายอันดีมาก
แฟนๆ เวียดนามในโลกออนไลน์ กล่าวคำขอโทษทรุสซิเยร์ หลังจากด่าไปเยอะก่อนทัวร์นาเมนต์ คือพอมันเห็นความหวัง มันก็ได้ลุ้นที่จะเชียร์ต่อไป
1
ส่วนตัวผมแล้ว ผลการแข่งในนัดนี้ ไม่คิดว่าเวียดนามเก่งกว่าไทยหรอกครับ ถ้าเจอกันตรงๆ เราก็ยังชนะได้ นัดล่าสุดที่เจอกันเราก็ชนะ
1
แล้วเอาจริงๆ เวียดนาม ก็ยังไม่ได้การันตีว่าจะเข้ารอบ อีกสองนัดกับอินโด และ อิรัก อาจจะแพ้รวด ตกรอบเลยก็ได้
1
อย่างไรก็ตาม มีบางอย่างที่เราสามารถเรียนรู้ได้จากเวียดนาม โดยเฉพาะเรื่องความกล้าหาญ ที่จะให้โอกาสดาวรุ่งติดทีม และลงเล่นในทัวร์นาเมนต์สำคัญ
1
ประเทศไทย ไม่มีการ "เปลี่ยนผ่าน" จากเจเนเรชั่น สู่เจเนเรชั่นเลย นักเตะอายุน้อยๆ ที่สอดแทรกเข้ามาในทีมชาติมีน้อยมาก คืออย่างน้อย กองหน้า กองกลาง กองหลัง ก็ควรมีเด็กๆ อายุต่ำกว่า 23 ปี ติดทีมในทุกๆ ส่วน ให้เด็กได้เรียนรู้ประสบการณ์ในทัวร์นาเมนต์ใหญ่
แต่ของไทย โกล์ไม่มี นักเตะต่ำกว่า 23, กองหลังไม่มีนักเตะอายุต่ำกว่า 23, กองกลางมีชาญณรงค์คนเดียว แบบนี้ในทัวร์นาเมนต์ต่อๆ ไป เราจะทำยังไง คิดดู
อย่าว่าแต่เอเชียนคัพเลย ไทยเราไม่ค่อยใช้ดาวรุ่งแต่ไหนแต่ไรแล้ว AFF ที่ได้แชมป์ล่าสุด ทั้งๆ ที่เป็นทัวร์นาเมนต์ระดับอาเซียน แต่ก็มีดาวรุ่งติดทีมน้อยมาก (ติดทีม 4 คน บางคนได้ลง 0 นาที) เหมือนเราไม่ค่อยกล้า ที่จะดันเด็กขึ้นมา ทั้งๆ ที่โลกฟุตบอลมันต้องหมุนไปตลอด
เลอ คอง วินห์ อดีตกองหน้าทีมชาติเวียดนาม ให้สัมภาษณ์หลังเกมว่า นัดนี้ "แพ้แต่กำไร" ความหมายคือ มันสร้างความมั่นใจให้นักเตะรุ่นใหม่ ว่าขนาดเจอญี่ปุ่น พวกเรายังสู้ได้เลยว่ะ แล้วจากนี้ไป จะไปกลัวอะไรเวลาเจอกับชาติในระดับใกล้ๆ กัน
1
เด็ก u-23 ของเวียดนาม จำนวน 7 คน ได้ลงเล่นในเกมเมื่อวานนี้ (ตัวจริง 5 สำรอง 2) แล้วตอนไทยเจอญี่ปุ่นที่โตเกียว วันที่ 1 มกราคม มีนักเตะอายุต่ำกว่า 23 คนได้ลงสนามกี่คน เดาได้ไหมครับ?
1
คำตอบคือ 1 คน (ธีรศักดิ์ เผยพิมาย) เป็นตัวเลขที่น้อยน่าดูเลยทีเดียว คำถามคือเด็กเรามันไม่เก่งพอที่จะติดทีมชาติชุดใหญ่สักคน หรือ ไม่ได้รับโอกาสที่สมควรได้กันแน่
อีกเรื่องที่เราได้เรียนรู้จากเวียดนาม คือการวางกลยุทธ์ที่ดี ทำให้ผลการแข่งขัน มันพอจะสูสีกันอยู่
กล้าเล่น กล้าเลี่ยง และเมื่อได้ลูกนิ่งก็โจมตีให้ได้ผล
มีจังหวะหนึ่งในเกมที่ผมชอบ คือตอนเวียดนามได้บอล ต่อให้มีนักเตะญี่ปุ่นรุมเพรสซิ่งสองตัว พวกเขาก็กล้าเล่น จนเอาตัวรอดไปได้ แต่ถ้าใครจำได้ ตอนไทยแพ้ 5-0 พอบอลมาถึงกลัว นักเตะก็หวาดระแวง รีบแปะบอลคืน ทั้งๆ ที่เพื่อนยังไม่พร้อมเล่นเลยด้วยซ้ำ
พอล วัตสัน พอดแคสเตอร์ชาวอังกฤษ ได้กล่าวชมเวียดนามว่า "ในอดีตเวียดนามจะปล่อยให้คู่แข่งครองบอล แล้วรอฉกฉวยความผิดพลาด แต่ยุคของทรุสซิเยร์ เลือกจะครองบอลเองมากกว่า วิธีการนี้ ทำให้กองหลังลดความกดดันลง กองหน้าได้โอกาสปล่อยของมากขึ้น และในระยะยาว การเล่นแบบนี้จะทำให้เกมฟุตบอลพัฒนาขึ้น"
2
เช่นเดียวกับทาคุมิ มินามิโนะ จบเกมก็กล่าวว่า "ผมไม่คาดคิดว่าเวียดนามจะเล่นดีขนาดนี้ เราไม่ใช่แค่ต้องหาช่องเจาะเกมรับเท่านั้น แต่ต้องระวังเกมรุกของพวกเขาด้วย"
โดยสรุปแล้ว ผมไม่ได้คิดว่าเวียดนามจะก้าวล้ำไทยอะไรหรอกครับ แต่พวกเขาก็เล่นได้ดี เลือกตัวผู้เล่นถูกต้อง แผนการเล่นก็ถูกต้อง ดังนั้นในฐานะเพื่อนร่วมอาเซียน การให้กำลังใจกัน ก็ไม่ใช่เรื่องผิดอะไรนะ
สำหรับทีมชาติไทย เราจะแข่งนัดแรกวันอังคารนี้ มารอให้กำลังใจกันดีกว่า ให้เราเอาชนะคีร์กีซสถานให้ได้ก่อน
พอผ่านทัวร์นาเมนต์นี้ไปแล้ว ผมเชื่อว่า มาซาทาดะ อิชิอิ คงเข้าสู่การถ่ายเลือดอย่างจริงจังแล้ว
อนาคตข้างหน้า เราคงได้เห็นเด็กไทยเจเนเรชั่นใหม่ เข้าสู่ทีมชาติชุดใหญ่มากขึ้น ได้เล่นเกมสำคัญมากขึ้น ไม่ได้มีแต่ซีเนียร์เต็มทีม ยึดครองทุกพื้นที่ แบบในยุคปัจจุบันครับ
โฆษณา