Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Wealthy Thai
•
ติดตาม
19 ม.ค. 2024 เวลา 04:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ
“กลุ่มซีพี” ปี 67 อู้ฟู่! กำลังจะฟันรายได้รวม 2.27 ล้านล้านบาท
กลุ่มซีพี เป็นหนึ่งในกลุ่มที่นักลงทุนให้ความสนใจอย่างมาก เนื่องจากเป็นหุ้นขนาดใหญ่ มีการดำเนินธุรกิจเกี่ยวข้องกับการอุปโภคบริโภคของประชาชน ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจอาหาร ร้านสะดวกซื้อ ค้าปลีกและค้าส่ง รวมถึงโทรคมนาคม ดังนั้น Wealthy Thai จึงได้รวบรวมทิศทางการเติบโตในปี 2567 ของหุ้นในกลุ่มซีพีอย่าง CPALL, CPAXT, CPF และ TRUE มาฝาก
จากการประเมินของนักวิเคราะห์ พบว่าในปี 2567 ทั้ง 4 บริษัท อาจมีรายได้รวมกันสูงถึง 2.27 ล้านล้านบาท โดย CPALL และ CPAXT คาดว่ากำไรสุทธิจะเติบโตเมื่อเทียบกับปี 2566 ขณะที่ CPF คาดว่าจะมีกำไร 1.03 หมื่นล้านบาท พลิกจากขาดทุนในปีก่อน ส่วน TRUE คาดยังมีผลขาดทุน แต่ลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อน
มาเริ่มกันที่ CPALL บทวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) ระบุว่า แม้จะมีมุมมองที่ระมัดระวังเกี่ยวกับการใช้จ่ายในกลุ่มผู้บริโภคที่มีรายได้ต่ำถึงปานกลาง แต่เชื่อว่าการเติบโตของยอดขายต่อสาขาเดิมและการเติบโตของกำไรในปี 2567 ของ CPALL มีความโดดเด่นในกลุ่มค้าปลีกสินค้าอุปโภคบริโภค
โดยคาดรายได้รวมปี 2567 อยู่ที่ 9.44 แสนล้านบาท เติบโต 5% และกำไรอยู่ที่ 2.11 หมื่นล้านบาท เติบโต 20% หนุนจากต้นทุนทางการเงินที่ลดลงของ CPAXT การฟื้นตัวของ Lotus’s การเติบโตของยอดขาย 7-Eleven ที่แข็งแกร่ง (มองการเติบโตของยอดขายต่อสาขาเดิมของ 7-Eleven อยู่ที่ 3% และมีสาขาใหม่เพิ่มขึ้น) และต้นทุนที่ลดลง (ต้นทุนค่าไฟต่อหน่วยลดลงจากปีก่อน และแม้ต้นทุนค่าแรงจะเพิ่มขึ้นแต่จะสามารถจัดการได้)
ให้คำแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมายสิ้นปี 2567 ที่ 68 บาท ปัจจุบันหุ้นซื้อขายบน PER ปี 2567 ที่ 23.1 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตที่ 31.2 เท่า นอกจากนี้สัดส่วนการถือหุ้นของต่างชาติในปัจจุบันอยู่ที่เพียง 39% (ระดับต่ำสุดในรอบ 7 ปี) ดังนั้นจึงเห็นความเสี่ยงต่อราคาหุ้นจากการไหลออกของเงินทุนต่างชาติที่จำกัด
ถัดมา CPAXT บทวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ระบุว่า บริษัทตั้งเป้ายอดขายโต 7-9% หลักๆ มาจากยอดขายผ่านช่องทางออนไลน์ ส่วนทางด้าน GPM คาดปรับตัวเพิ่มขึ้นจากการเน้นขายสินค้าที่มีอัตรากำไรขั้นต้นสูง เช่น เน้นไปที่สินค้า Ready to Eat&Cook มากขึ้น
รวมถึงเกิด Synergy ระหว่างกลุ่มมากขึ้น ทำให้ต้นทุนถูกลง นอกจากนี้ SG&A/Sales คาดลดลงเนื่องจากจำนวนเม็ดเงินที่ลงทุนในดิจิตอลเริ่มลดลงขณะที่ยอดขายเติบโตขึ้น
โดยคาดรายได้ปี 2567 จะอยู่ที่ 5.17 แสนล้านบาท โต 6% และกำไรจะอยู่ที่ 1.07 หมื่นล้านบาท โต 32% จากปีก่อนคงแนะนำ ซื้อ ที่ราคาเหมาะสม 32.50 บาท เนื่องจากไตรมาส 1/67 คาดเติบโตต่อเนื่องตามยอดขายที่เพิ่มขึ้นจากแรงหนุนของมาตรการ Easy e-Receipt และค่าใช้จ่ายลดลงจากการเริ่มเกิด Economy of Scale ในช่องทางการขายออนไลน์มากขึ้น รวมถึงต้นทุนค่าไฟและดอกเบี้ยจ่ายที่ลดลง
สำหรับ CPF บทวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุว่า ยังคงระมัดระวังกับธุรกิจของ CPF ในประเทศจีน เพราะภาวะเศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัวลงจะกระทบกับอุปสงค์การบริโภคและราคาเนื้อสัตว์ โดยมองว่าการที่ CPF ตัดสินใจขายบริษัทลูกที่มีผลขาดทุนออกไปจะส่งผลบวกต่อผลประกอบการของบริษัทในปี 2567 ทำให้ไม่ต้อง รับรู้ผลขาดทุนจาก 4 บริษัทนี้อีกต่อไป
นอกจากนี้ CPF จะได้รับเงินสด 2.15 พันล้านบาทจากธุรกรรมนี้ ซึ่งจะช่วยลดภาระหนี้และค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยของบริษัท โดยคาดว่าจะส่งผลดีต่อผลประกอบการของ CPF ในปี 2566 ราว 3.05 พันล้านบาท (รวมกำไรพิเศษจากการตัดผลขาดทุนสะสม) และปี 2567 ราว 1.4 พันล้านบาท
ซึ่งเมื่อรวมกับค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยที่ลดลงจากการออก perpetual bond จำนวน 1.19 หมื่นล้านบาท และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่ลดลง ทำให้ปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิในปี 2567 ขึ้นอีก 40% เป็น 1.03 หมื่นล้านบาท พลิกจากขาดทุนปีก่อน ขณะที่ภาพรวมรายได้ในปี 2567 คาดอยู่ที่ 6.01 แสนล้านบาท โต 3% จากปีก่อน โดยปรับลดคำแนะนำเป็น ถือ และลดราคาเป้าหมายเหลือ 19.90 บาท
และสุดท้าย TRUE บทวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ประมาณการรายได้ปี 2567 อยู่ที่ 2.15 แสนล้านบาท โต 3% และจะมีผลขาดทุน 3.8 พันล้านบาท ก่อนจะพลิกเป็นกำไร 86 ล้านบาท ในปี 2568
ทั้งนี้จากโครงสร้างตลาดเหลือผู้เล่นหลักเพียงสองราย TRUE จึงจะได้อานิสงส์จากการแข่งขันที่ลดลง ซึ่งจะช่วยหนุนผลประกอบการตั้งแต่ปี 2567 แพ็คเกจเดิมจะถูกแทนที่ด้วยแพ็คเกจที่มีมูลค่าสูงขึ้น
นอกจากนี้ยังมองว่างบลงทุนและค่าใช้จ่ายด้านการตลาดอาจจะลดลงช่วยหนุน ARPU และ free cash flow ในระยะยาวด้วย โดยมองว่าแนวโน้มผลประกอบการในไตรมาส 1/67 น่าจะดีจากไตรมาสก่อนหน้า ทั้งนี้ฝ่ายวิเคราะห์กังวลน้อยลงกับประเด็นการออกหุ้นกู้ใหม่ เพราะแรงกดดันผ่อนคลายลงไปจากเรตติ้งที่แข็งแกร่งขึ้น และวัฏจักรดอกเบี้ยขาขึ้นจบรอบแล้ว
จึงยังคงคำแนะนำ ซื้อ และประเมินราคาเป้าหมายปี 2567 ที่ 7.20 บาท โดยมองว่า TRUE เหมาะกับนักลงทุนที่ชอบความเสี่ยง (risk lovers) และวางเดิมพันกับการรับรู้มูลค่าของ synergy ซึ่งจะยังไม่เกิดขึ้นอย่างเป็นชิ้นเป็นอันจนกว่าจะถึงปี 2568
เศรษฐกิจ
หุ้น
การลงทุน
2 บันทึก
4
1
2
4
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย