23 ม.ค. เวลา 07:38 • นิยาย เรื่องสั้น

ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป

กว่าจะเริ่มต้นได้ก็ใช้เวลานานหลายวัน อะไรๆก็วุ่นวายไปหมด วุ่นวายจริงๆ กว่าจะได้กล่าวคำว่าสวัสดีปีใหม่ก็นานหลายวัน เกินจะให้อภัยกัน คนที่รักจริงถึงจะเข้าใจนะว่าเวลามันจะยุ่งยาก จะมีมาตอนที่เราอยากจะตามหาคนที่อยู่กับเรา อยู่ในใจเรา เหนื่อยไหมคะกว่าจะผ่านพ้นปี 2566 มาได้ ท้อแท้ท้อถอยมากแค่ไหนคะ กว่าจะฟันฝ่าอุปสรรคทั้งหลายทั้งปวงมาได้ เบื่อไหมคะกับความลำบากและปัญหาที่ต้อง
1
ตามแก้ไขแอบร้องไห้อยู่คนเดียว มีไหมคะแอบเช็ดน้ำตาและกล้ำกลืนความทุกข์ไว้ในใจ มีไหมคะได้ยินเสียงหัวเราะของตัวเองหรือยังคะ ทั้งหมดผ่านมาแล้วจากความยากลำบากในปี 2566 จะผ่านไปอีกนานหลายเดือน จะเจอปัญหาอีกสักเท่าไหร่ก็ไม่อาจรู้ล่วงหน้าได้ บางครั้งนั่งอยู่ในห้องคนเดียว
ทบทวนเรื่องราวต่างๆ ก็ดีเหมือนกัน ไม่จำเป็นต้องให้ใครมาปลอบโยนหรอกนะเพราะมันจะอ่อนแอเกินไป สู้ทนพิจารณาอยู่คนเดียวในปัญหาต่างๆอย่างมีสติจะดีกว่า เพราะเราสามารถต่อว่าตัวเองได้โดยไม่ต้องลังเลและเกรงใจใคร เพราะมันคือเราเองเราขาดความไว้วางใจคนอื่นเพราะเคยโดนมาแล้ว
คนหวังดีประสงค์ร้ายมีมาไม่ซ้ำรูปแบบ อยากเล่าให้ฟังสักเรื่องโดยไม่ต้องเชื่อนะ แต่ฟังไว้ดีกว่าเพราะมันเป็นเรื่องที่อาจเกิดขึ้นได้ สายของวันหนึ่งตรงกับวันพฤหัสบดีในหมู่บ้านเงียบเหงา เพราะคนไปทำงานเด็กไปโรงเรียน อยู่บ้านก็แต่คนป่วยและคนสูงอายุและแม่บ้านที่ทำงานที่บ้าน อากาศวันนั้นเย็นสบายใกล้จะเข้าหน้าหนาวแล้ว ฝนก็ไม่ตก ท้องฟ้าโปร่งใสตัวเราเองก็ตื่น
ขึ้นเตรียมอาหารเช้าไว้ตักบาตร เพราะทำอยู่เป็นประจำและทำอาหารสำหรับตัวเองพอเลยช่วงสายก็มีงานต้องทำตามปกติของคนที่อยู่บ้าน จนลืมไปว่าหน้าบ้านลืมล็อคกุญแจปิดประตูเหมือนวันอื่นๆ เป็นเวลานานที่จะเก็บข้าวของดูแลหลังบ้านเก็บกวาดเช็ดถูและได้เวลาก็ออกมาดูหน้าบ้านดูแลต้นไม้ที่ปลูกในกระถางกำลังเขียวสวยงามสดชื่นเพื่อแก้เหงา
พูดกับต้นไม้ที่ปลูกไว้ราวกับมีชีวิตหลายๆชีวิตกำลังอยู่เป็นเพื่อนเรา ต้องตกใจเมื่อเดินออกมาหน้าบ้านประตูบ้านปิดเรียบร้อยเป็นปกติ แต่ที่โต๊ะหน้าบ้านตัวโต๊ะและเก้าอี้มีแขกมิได้รับเชิญเข้ามานั่งหน้าตาเฉย วางอุปกรณ์เครื่องมือทำสวนทำครัวเตรียมไว้เป็นระเบียบเป็นแถวเป็นแนวอย่างดีเจ้าของพวกนั้น
นั่งที่เก้าอี้อย่างสบายใจอะไรกันนี่ใครกันเข้ามาในบ้านเราเอาสินค้ามาแสดงอาวุธทั้งนั้น หน้าตาผู้ชายวัยกลางคนอายุประมาณ 50 กว่าๆรูปร่างสูงแข็งแรงดวงตาเป็นประกายข้างหลังสะพายเป้ ลุกขึ้นต้อนรับเจ้าของบ้านสวัสดีครับ กระผมนำสินค้ามาจำหน่ายมีให้เลือกหลายชนิด
พูดภาษากลางชัดเจน เราเองกำลังหัวใจจะวายสุดๆ สวดมนต์ พุทโธธัมโมสังโฆ อยู่ในใจบ่อยๆถี่ๆรัวๆใจดีสู้เสือ ตายแน่วันนี้เราคิดและกล่าวขึ้นว่าสวัสดีค่ะ มาไม่ให้สุ้มให้เสียงนะ แต่ไม่เป็นไรคนค้าขายก็ต้องขยันฉันยินดีที่จะช่วยคุณ พูดด้วยความกล้าๆ กลัว ๆ พลางถอยห่างออกไปยืนรอสักครู่
ฉันตะโกนไปว่า พี่ที่อยู่ในห้องและลูกชาย ช่วยกันออกมาดูเครื่องมือ คือให้รีบออกมาเลือกสินค้าหน่อยสิ พ่อค้าเอาของมาขาย ฉันตะโกนดังๆตามประสาผู้หญิง เร็วเข้าถ้ามีปืนก็เอามาด้วยมาเปรียบเทียบดูว่าสินค้าอะไรจะดีกว่ากัน สิ้นเสียงที่ฉันตะโกนไป 2 ครั้งผู้ชายคนนั้นก็รีบเก็บอาวุธมีดและของที่วางไว้จะขาย
ลงในถุงใบใหญ่แล้วก็รีบสะพายออกนอกบ้านไป ไม่นะฉันยังตะโกนให้คนในบ้านไม่หยุดให้รีบออกมาดูสินค้า เพราะพ่อค้ากำลังจะออกไป ตะโกนอย่างตื่นเต้นจนในที่สุดตัวเราเองก็ได้แต่นั่งลงด้วยความกลัวอย่างใจสั่น ครั้งนี้พุทโธธัมโมสังโฆ ช่วยให้ฉันมีสติใจดีสู้กับภัยที่กำลังจะเกิดขึ้น
ใครที่ไหนจะมาช่วยเราได้ ในเมื่อไม่มีใครเลยสักคนเดียวที่อยู่แถวๆบ้าน เหลือแต่ความว่างเปล่า นั่งลงบนเก้าอี้รีบวิ่งไปเอากุญแจมาล็อคบ้านให้เรียบร้อย สักพักหนึ่งก็ยกมือขึ้นไหว้พระกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ช่วยให้พ่อค้าคนนั้นกลัวและรีบหนีออกไป เจ้ากรรมน้ำตาไหลเป็นทางโดยไม่รู้ตัว ร้องไห้คนเดียวแท้ๆ
โฆษณา