Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
วินทร์ เลียววาริณ
ยืนยันแล้ว
•
ติดตาม
26 ม.ค. 2024 เวลา 00:00 • หนังสือ
บางทีมันคงมีเหตุผลว่า...
เมื่อวานนี้เขียนถึงโพลสำรวจของมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ ที่พบว่านักศึกษาสามในสี่เชื่อเรื่องไสยศาสตร์ หรือสายมู ฟังดูเป็นเรื่องย้อนแย้ง เพราะนักศึกษาคือคนที่สามารถวิเคราะห์และศึกษาเรื่องที่ไม่รู้ก่อนปักใจเชื่ออะไร
และเรื่องสายมูก็เป็นสิ่งที่ศึกษาได้ ทั้งทางวิทยาศาสตร์ ประวัติศาสตร์ ฯลฯ
ผมเขียนแย้งเรื่องสายมูเป็นเรื่องเป็นราวครั้งแรกในหนังสือชื่อ ปลาที่ว่ายในสนามฟุตบอล ก็ 20 ปีแล้ว ล่าสุดก็คือ หลับถึงชาติหน้า
เวลาผมแย้งเรื่องนี้ ผมแย้งด้วยหลักฐานและข้อเท็จจริง ไม่ได้ต่อต้านเพราะนึกอยากต่อต้าน ต่างจากคนที่เชื่อสายมู ไม่สามารถอ้างหลักฐานใดๆ พูดได้แค่ประโยคคลาสสิค "เรื่องบางเรื่องเกินความสามารถของมนุษย์ที่จะเข้าใจ" และ "ศาสตร์นี้กำเนิดมาหลายพันปีแล้ว" นี่ไม่่ใช่หลักฐาน นี่เป็นแค่ตรรกะวิบัติ
งั้นแสดงหลักฐานให้ดูหน่อยซิ
1
ก็ขอยกตัวอย่างความเชื่อเรื่องสีของวัน มันมาจากไหน
เรื่องนี้ง่ายมาก เพราะศึกษาประวัติศาสตร์ก็รู้
ชื่อวันตั้งชื่อตามดาวและดาวเคราะห์ที่ชาวโรมันรู้จักในเวลานั้น และมองเห็นด้วยตาเปล่า คือพระอาทิตย์ ดวงจันทร์ ดาวอังคาร ดาวพุธ ดาวพฤหัส ดาวศุกร์ ดาวเสาร์
แล้วมันเริ่มต้นอย่างไร? ทำไมจึงเริ่มต้นระบบเจ็ดวันในวันนั้น? มีเหตุการณ์พิเศษอะไรหรือเปล่า? คำตอบคือเปล่าทั้งสิ้น มันเร่ิมต้นในวันธรรมดาวันหนึ่ง ผู้นำโรมันบอกข้าราชการทั้งหลายว่า “ท่านโหรบอกว่าเราน่าจะแบ่งหนึ่งเดือนเป็นสี่สัปดาห์ สัปดาห์ละเจ็ดวัน ใครมีความเห็นว่ายังไง?”
ข้าราชการคนหนึ่งว่า “สุดยอดครับท่าน คิดได้ไง! แล้วจะเรียงวันยังไง?”
“ท่านโหรเสนอว่าใช้ชื่อวันตามชื่อดาว ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ ดาวอังคาร...”
“แล้วจะเริ่มด้วยเทพองค์ไหน?”
ผู้นำโรมันมองซ้ายมองขวาแล้วกล่าวว่า “Saturn ก็แล้วกัน”
เวลานั้นในโลกของโรมัน เสาร์ (Saturn) เป็นเทพแห่งเวลา เชื่อมกับตำนานเทพโครนัส (Cronus) ของกรีก กลายเป็นเทพแห่งกาล เป็นสัญลักษณ์ของกาลเวลาฤดูกาล และปฏิทิน
นี่น่าจะเป็นเหตุผลที่เมื่อโรมันเริ่มใช้ระบบวัน ก็เริ่มด้วยวันเสาร์ แล้วเราก็นับกันมาเรื่อย ๆ จากวันนั้นจนถึงวันนี้
มันไม่มีหลักอะไร เพราะถ้าพวกเขาประชุมเรื่องนี้เร็วขึ้นหรือช้าลงสองสามวัน วันจันทร์ อังคาร พุธ ฯลฯ ของเราตอนนี้ก็ขยับเคลื่อนไปจากเดิมแล้ว
สมมุติว่าในวันประชุม ผู้นำโรมไม่อยากได้ระบบสัปดาห์ละเจ็ดวัน ก็อาจกำหนดสัปดาห์ละสิบวัน แค่หาชื่อเทพเจ้ามาอีกสามองค์ก็ครบสิบ รวมกันเป็น อาทิตย์ จันทร์ อังคาร พุธ พฤหัส ศุกร์ เสาร์ ยูโรปา ไทตัน เนปจูน ก็ทำได้เช่นกัน
ถ้าเลือกโมเดลนั้น วันเกิดของคุณตอนนี้อาจเปลี่ยนเป็นวันเนปจูนหรือวันยูโรปา ชะตาชีวิตคุณก็เปลี่ยนไปตามกติกาที่หมอดูกำหนด
2
สมมุติว่าคุณเกิดในวันเนปจูนตามตำนานกรีก เทพประจำเนปจูนคือโพไซดอน ก็ย่อมมีหมอดูโยงนิสัยของคนเกิดวันนี้เข้ากับเทพโพไซดอนจนได้ สีมงคลประจำวันก็คงเป็นสีน้ำเงิน สีทะเลที่เกี่ยวกับเทพโพไซดอน และเป็นสีดาวเคราะห์ด้วย
คนที่เกิดวันเนปจูนก็จะต้องบูชาเทพโพไซดอน สวมเสื้อมงคลสีน้ำทะเล อัญมณีประจำวันเกิดก็คือ aquamarine (aqua แปลว่าน้ำ marine แปลว่าทะเลหรือมหาสมุทร) ตำนานลงตัวพอดี!
ผู้นำโรมเพียงแต่ไม่รู้ว่า ผ่านไปพันสองพันปี ชาวโลกสามารถคิดค้นเรื่องมาเสียบและใช้ทำนายชะตาชีวิต และคนไทยประดิษฐ์อักษรมงคล-กาลกิณีโยงเข้ากับวันอีกชั้นหนึ่ง
แล้วเราก็ใช้เรื่องที่เราแต่งขึ้นมาเชื่อและบูชา
ทุกวันคนไทยจำนวนมากได้รับรูปภาพที่กลุ่มเพื่อนส่งมาทางไลน์ วันจันทร์เป็นรูปท้องทุ่งทานตะวันสีเหลือง วันอังคารส่งรูปดอกไม้สีชมพู วันพุธเป็นรูปป่าเขียวขจี... เคยสงสัยไหมว่าสีประจำวันมีที่มาอย่างไร?
เช่นกัน เรื่องนี้ง่ายมาก เพราะศึกษาประวัติศาสตร์ก็รู้
สีประจำวันเป็นความเชื่อที่เรารับมาจากตำนานฮินดู แต่ละสีมาจากสีกายของเทพประจำวันนั้น เช่น พระจันทร์ พระอิศวรเสกนางฟ้าสิบห้านางเป็นผง ห่อด้วยผ้าสีเหลืองอ่อน ประพรมด้วยน้ำอมฤต บังเกิดเป็นเทวดาพระจันทร์ กายสีเหลืองนวล ฯลฯ
1
ชื่อเทวดาใช้เป็นชื่อวัน สีประจำวันก็คือสีกายของเทวดา
สีเหล่านี้กลายเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรม มันไม่ได้สร้างปัญหาอะไรให้สังคม จนกระทั่งเราโยงมันเป็นเรื่องไสยศาสตร์ และงมงายจะเป็นจะตายกับมัน
คนเกิดวันจันทร์ขับรถสีนั้นจะเจริญ ใส่เสื้อผ้าสีนั้นสีนี้แล้วจะเสริมดวง ฯลฯ
กลายเป็นความเชื่อแบบงมงายที่ทำร้ายสังคม บ่มเพาะความขี้เกียจ คิดหาแต่ทางลัด สนใจแต่เรื่องความรวย
หากเรารู้ที่มาของกำเนิดวันและสีของวัน เราก็จะเข้าใจว่าจำนวนวันและสีวันเป็นเพียงการสมมุติ มันเกิดขึ้นมาในโลกเพราะมนุษย์ประดิษฐ์ขึ้น เช่นเดียวกับราศี อักษรมงคล อักษรกาลกิณี ฯลฯ
ศึกษาแล้วก็รู้ รู้แล้วก็จะไม่งมงาย นี่ก็คือหนทางของคนใช้ปัญญานำทางชีวิต
ชาวบ้านจำนวนมากมายเข้าไม่ถึงการหาความรู้ จึงเชื่อเรื่องงมงาย นี่เป็นเรื่องเข้าใจได้ แต่นักศึกษาอยู่ในจุดที่เข้าถึงแหล่งความรู้ จึงไม่มีเหตุผลที่จะงมงาย ถ้าเห็นคนอื่นเชื่ออะไร ก็เชื่อตามโดยไม่ศึกษา ชาตินี้ทั้งชาติก็จะเป็นโคควายให้เขาสนตะพาย จูงไปไหนมาไหน
1
บางทีมันคงมีเหตุผลว่า ทำไมโคควายฝรั่งร้องเสียง "มู" (moo)
1
ป.ล. วันนี้ทำตัวเป็นอาจารย์เซน สอนศิษย์ด้วยการใช้ไม้เคาะหัวแรงๆ คงต้องเคาะกันอีกหลายที อดทนหน่อย อีกไม่นานผมก็ตายแล้ว จะไม่มีใครมาเคาะหัวให้รำคาญใจอีก
1
4 บันทึก
50
2
16
4
50
2
16
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย