Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Jakkrapat's
•
ติดตาม
25 ม.ค. 2024 เวลา 00:30 • ธุรกิจ
กฎเหล็ก 5 ข้อจากหนังสือ Scientific Advertising
เมื่อ 3 ปีที่แล้วผมเคยซื้อหนังสือเล่มนึงชื่อว่า Scientific Advertising ด้วยพาดหัวของ David Ogilvy (เจ้าพ่อแห่งวงการโฆษณา) ว่า "ใครที่ยังอ่านหนังสือเล่มนี้ไม่ครบ 7 รอบ ไม่ควรยุ่งเกี่ยวกับการทำโฆษณา" จำได้ว่าหนังสือค่อนข้างแพงเลยเล่มละเกือบ 400 บาท ตอนนั้นซื้อมาอ่านจนจบจำได้ว่าสนุกดี
มาอังกฤษไม่ได้หยิบติดมาด้วยแต่เมื่อ Black Friday ที่แล้วเจอเล่มนี้ลดราคาอยู่ใน Amazon Kindle ได้มาในราคาแค่ 40 บาทเอง เลยกดซื้อมาแบบไม่ได้คิดเลยฮ่าๆ เพิ่งอ่านจบรอบสองครับ รอบนี้เลยตัดสินใจว่าเขียนโน๊ตสรุปออกมาดีกว่าเพราะรอบแรกอ่านแล้วไม่ได้ใช้ก็ลืม ถ้าลืมก็เหมือนกับไม่ได้อ่าน
และถ้าหากว่าคุณแพลนจะขายอะไรซักอย่างอยู่นี่คือกฎเหล็ก 5 ข้อจาก Scientific Advertising ที่คุณต้องรู้ครับ
1. ทดสอบโฆษณา
- Hopkins บอกว่าคุณจะไม่รู้อะไรเลยจนกว่าคุณจะทดสอบ หมายความว่าถ้าวันนี้เราเปิดร้านอะไรซักอย่างแล้วพยายามยิงโฆษณาทาง facebook ผ่านไปสองวันโฆษณาตัวนั้นไม่ได้ให้ผลแบบที่เราต้องการ เราเลยคิดว่าเรายิงโฆษณาไม่เป็นแน่เลย
- แต่เชื่อไหมครับว่าบริษัทโฆษณาหลายๆ เจ้า กว่าที่เขาจะได้โฆษณาที่ปังๆ ซักตัว เขาเทสกันมากกว่า 40-50 ครั้ง เปลี่ยนหัวข้อ เปลี่ยนชื่อ เปลี่ยนข้อความ ฉะนั้นสิ่งเดียวที่สามารถให้คำตอบเราได้ว่าสินค้าเราเวิร์คไหมคือการทดสอบครั้งแล้วครั้งเล่า
2. โฆษณาของคุณ = พนักงานขาย
- โฆษณาทุกอย่างของเราเปรียบเหมือนกับพนักงานขายที่จะทำหน้าที่ขายสินค้าแทนเรา ฉะนั้นเราต้องรู้ว่าเราอยากจะคุยกับ "ใคร" (ผมเคยเขียนไว้ในโพสนี้ครับ) และเราควรจะคุยกับคนคนนั้นแบบไหน
- "เมื่อคุณเขียนโฆษณาให้นึกภาพคนที่คุณต้องการจะคุยด้วยตรงหน้าคุณ ถ้าพนักงานขายที่ดีจะไม่มีวันพูดถึงเรื่องไหน คุณก็ไม่ต้องใส่ไปในโฆษณาของคุณ" - Claude Hopkins
3. ใช้คำแบบเจาะจง
- นักโฆษณาที่สติดีควรจะหลีกเลี่ยงการใช้คำอวดโอ้ที่ความหมายคลุมเครือในทุกกรณี เช่น ดีที่สุด อร่อยดีสุด เร็วที่สุด และอื่นๆ ในหลักการคล้ายกัน
- แต่ควรเปลี่ยนมาเป็นคำเจาะจง เช่น "โกนหนวดได้เร็วที่สุด" เป็น "โกนเสร็จไวภายใน 78 วินาที" หรือจาก "ส่งเร็วที่สุด" เป็น "ส่งถึงมือภายใน 30 นาที"
4. ใช้ประโยชน์จากการแจกฟรี
- Hopkins บอกว่าการแจกของฟรีเหมือนกับเป็นการ "ให้" ลูกค้าก่อน ซึ่งนั่นจะส่งผลให้เรามีโอกาสได้พูดคุยกับลูกค้า เหมือนเป็นการยกสิ่งกีดขวางระหว่างคนไม่รู้จักกันออก
- สิ่งที่เราจะแจกฟรี ให้แจกเฉพาะคนที่ดูมีท่าทีสนใจในสินค้าหรือบริการของเราเท่านั้น ไม่งั้นจะเป็นการเปลืองงบโดยใช่เหตุ
5. ยิ่งอธิบาย ยิ่งขายได้เยอะ
- "ยิ่งเขียนยาว ยิ่งขายง่าย" สิ่งนี้อาจจะขัดกับความเชื่อของหลายๆ คน เพราะถูกสอนมาว่าโฆษณาต้องสั้นที่สุด ต้องกระชับเพราะคนไม่อ่านอะไรยาวๆ แม้แต่ที่ทำงานเก่าผมเอง ผมยังเคยโดนหัวหน้าว่าเพราะเขียนยาวเกินไป
- Hopkins แย้งด้วยผลจากการทดสอบโฆษณามามากกว่า 1000+ ชุดว่าถ้าคนที่กำลังอ่านโฆษณาสนใจสินค้าหรือบริการจริงๆ พวกเขามักจะอยากได้ข้อมูลที่ครบถ้วนที่สุด ไม่ใช่ข้อมูลที่สั้นที่สุด
ปิดท้ายด้วย Quote เท่ๆ จาก Hopkins
"People want bargains, not cheapness" - Claude Hopkins
"ผู้คนอยากได้ข้อเสนอที่ดี ไม่ใช่ราคาที่ถูกที่สุด"
หนังสือเล่มนี้ถูกเขียนครั้งแรกเมื่อปี 1923 (นานม้ากก) ทฤษฎีหลายๆ อย่างก็ถูกทดสอบผ่านกาลเวลาแล้วว่าได้ผล อาจจะมีบางข้อที่ผมคิดว่ามันต้องเอามาปรับบ้างหากว่าจะใช้ในปัจจุบัน แต่โดยรวมถือว่าดีครับ
ปล. ผมขอตัวไปอ่านอีก 6 รอบก่อนนะ จะได้ครบ 7 รอบตามที่ David Ogilvy บอก เผื่อลองเปิดร้านออนไลน์ขายอะไรบ้าง xD (รอบแรกไม่นับเพราะลืมแล้ว)
ติดตาม Blog ผมเพิ่มเติมได้ที่
https://www.jakkrapat.com
บันทึก
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย