26 ม.ค. เวลา 10:39 • กีฬา

บทสรุปรอบแบ่งกลุ่มเอเชียนคัพ ไทยไร้พ่าย ไม่เสียประตู แสงสว่างช้างศึก

ไม่มีใครเชื่อ ว่าทีมชาติไทย เต็ง 17 ของรายการ จะไร้พ่ายในเอเชียนคัพรอบแบ่งกลุ่ม แถมยังเก็บคลีนชีทครบทุกนัด แต่มันก็เกิดขึ้นแล้ว จ
1
ซาอุดิอาระเบีย ทีมที่โค่นอาร์เจนติน่ามาแล้ว ในวันนี้มาเจอไทย พวกเขาไม่สามารถเจาะได้ ไม่รู้ต้องให้เครดิตนักเตะไทยเท่าไหร่ถึงจะพอ
1
ก่อนเกมจะเริ่ม มีบางคนบอกว่า ทีมชาติไทยควรทิ้งเกมนี้ เล่นให้แพ้ไปเลย เพื่อจบอันดับ 3 ของกลุ่ม จะได้หนีเกาหลีใต้ หนีอุซเบกิสถาน ไปเจออิรัก ที่อยู่สายบน และน่าจะเป็นงานที่เบากว่า
แต่นั่นคือความคิดของ Loser และดูถูกความเป็นมืออาชีพของนักกีฬามากเกินไป ประเทศอื่นจะยังไงไม่รู้ แต่นักกีฬาไทยไม่ทำแบบนั้นครับ
1
มาซาทาดะ อิชิอิ มีความเป็นมืออาชีพมากพอ เขาไม่มาโยนเกมทิ้งแน่นอน ส่วนนักเตะไทยที่ลงนัดนี้ ใช่ พวกเขาไม่ใช่ชุดหลัก แต่นั่นแหละ ยิ่งทำให้ทั้ง 11 คนมีความตั้งใจมากขึ้นอีก ทุกคนย่อมต้องการพิสูจน์ตัวเองให้โค้ชเห็นว่าตัวเองดีพอ
1
เมื่อใส่เสื้อทีมชาติ เมื่อเป็นตัวแทนของ 70 ล้านคน ไม่มีใครเล่นแบบไม่ตั้งใจหรอกครับ
ยิ่งไปกว่านั้น ต่อให้เราแพ้ซาอุฯ ใช่ว่าอีกสนามโอมานจะชนะคีร์กีซสถาน คือต่อให้แพ้ไป ก็ไม่ได้แปลว่าจะจบอันดับ 3 อยู่ดี สู้เล่นเต็มที่ให้สมศักดิ์ศรีดีกว่า
เมื่อเราพูดถึงการจัดไลน์อัพนั้น การโรเทชั่นเปลี่ยน "ทั้งทีม" ของอิชิอิ เป็นการกระทำที่สมเหตุสมผลมาก
ข้อแรก เป็นการพักผู้เล่นให้สดที่สุดในรอบ 16 ทีมสุดท้าย คือเราจะเจอใครไม่สำคัญ แต่อย่างน้อย ต้องการให้ผู้เล่นตัวจริง มีความฟิตสูงสุด สามารถเล่นเกมเพรสซิ่งสู้กับคู่ต่อสู้ได้
ข้อสอง มาซาทาดะ อิชิอิ ไม่มีเกมไหน สามารถลองตัวผู้เล่นได้เลย เพราะทุกนัดจากนี้ไป เป็นเกมที่มีความหมายชี้เป็นชี้ตายทั้งหมด มีเพียงแค่นัดนี้กับซาอุฯ เท่านั้น พี่พอจะลองตัว ลองแผนได้ เพราะต่อให้เราแพ้ 10-0 ก็ยังผ่านเข้ารอบต่อไปอยู่ดี
1
เกมเริ่มต้นขึ้น สิ่งที่เราเห็นคือแนวรับของไทยมีปัญหามากในช่วงแรก โดยเฉพาะแบ็กโฟร์ที่ดูสับสนกันหนักทีเดียว
สุพรรณ ทองสงค์ ขาดสมาธิอย่างชัดเจน จนทำทีมเสียจุดโทษ ขณะที่สันติภาพ จันทร์หง่อมที่ปกติเล่นแบ็กขวา พอต้องโยกไปยืนแบ็กซ้ายเฉพาะกิจ ก็ดูมีปัญหาหนักทีเดียว กว่าที่ทั้งคู่จะตั้งสติได้ ก็ต้องใช้เวลาพักหนึ่ง
ส่วนกองกลาง คู่สารัช อยู่เย็น กับ กฤษฎา กาแมน ดูไม่ค่อยเข้ากัน สารัชยังพอเห็นบ้าง มีตัดบอลสวยๆ 2-3 หน แต่กฤษฎาหายไปจากเกม ต่างจากคู่วีระเทพ-พีรดนย์ ที่แบ่งกันเด่น แบ่งกันโชว์
1
แต่มีแย่ ก็มีข้อดีให้เห็น นั่นคือเรื่องการวางแท็กติกอันแยบยลของอิชิอิ ถ้าเป็นจังหวะบุก จะใช้ 4-2-3-1 แต่พอเล่นเกมรับปั๊บ จะปรับแผนมาเล่น 5-4-1 โดยถอยเอาเจริญศักดิ์ วงษกรณ์ที่เป็นปีกขวา ถอยมาเล่นแบ็กขวา แล้วดันศุภนันท์ เข้าไปเป็นเซ็นเตอร์
นี่เป็นกลยุทธ์ที่ดี เพราะทำให้เกมรับเรามีตัวผู้เล่นมากขึ้น คอยขวางซาอุฯ แต่แผนนี้ ต้องแลกมากับการวิ่งขึ้นลงทั้งเกมของเจริญศักดิ์ ที่ต้องเหนื่อยสาหัสมาก เล่นทั้งรุกและรับ เรารู้เลยว่าอิชิอิ เชื่อใจเจริญศักดิ์มาก ถึงให้รับบทบาทที่สำคัญขนาดนี้
1
อีกเรื่องที่ถือว่าทำได้ดี คือจังหวะจบสกอร์ของไทย เรายิงเข้าประตูไป 2 ลูก แม้จะโดนริบเพราะล้ำหน้าทั้ง 2 ลูก แต่ก็ทำให้เห็นไอเดีย ว่าเราต่อบอลโป้ง 1 2 3 แล้วจบ เราก็สามารถทำได้เหมือนกัน
คือการเข้าทำสวยแล้ว จินตนาการดี แต่แค่ล้ำหน้าไปนิดเดียวเท่านั้น
เข้าครึ่งหลัง ซาอุฯ ตั้งใจมาเอาชนะแล้ว จะไปเจอเกาหลีใต้รอบต่อไปก็ไม่สน เหมือนอย่างที่โรแบร์โต้ มันชินี่ เฮดโค้ชซาอุฯ ประกาศตอนแถลงข่าวว่าต้องการเอาชนะทุกนัด
วิธีการคือ เปลี่ยนมาใช้การบอมบ์ ซ้าย-ขวา เพื่อโจมตีไทย
เมื่อดูส่วนสูงของเซ็นเตอร์แบ็กไทย สุพรรณ ทองสงค์ (182 ซม.) กับ จักพัน ไพรสุวรรณ (179 ซม.) ก็ไม่แปลกที่จะเล่นอย่างนั้น
แต่ซาอุฯ ไม่ใช่แค่บอมบ์ ยังใช้ความสามารถเฉพาะตัวของ กัปตันทีม ซาเล็ม อัล-ดอว์ซารี่ ในการทะลวงไทย คือเราได้เห็นทักษะของทีมระดับเอเชีย ว่ามีวิธีเข้าทำหลายอย่างจริงๆ
แต่ไทยก็ยังไม่ยอมแพ้ ตั้งรับอย่างอดทนสุดชีวิต และในที่สุด ก็ยันเสมอได้สำเร็จด้วยสกอร์ 0-0 เราทำได้จริงๆ
เกมนี้ มีสิ่งที่ผมชอบหลายอย่างครับ
ข้อแรก แน่นอน สรานนท์ อนุอินทร์ ต้องได้รับเครดิตเต็มๆ คุณเซฟจุดโทษได้ในช่วงต้นเกม และเล่นชัวร์ทุกลูก จังหวะยิงไกลของซาอุฯ เขารับเข้าซองไม่มีพลาดเลย ลูกโหม่งเน้นๆ ก็เข้ามือสวย ใครจะไปเชื่อว่านี่คือเกมทีมชาตินัดแรก
2
จากนี้ไป สรานนท์ (อายุ 29 สูง 187 ซม.) กับ ปฏิวัติ คำไหม (อายุ 29 สูง 186 ซม.) จะขับเคี่ยวแย่งตำแหน่งมือหนึ่งทีมชาติไปอีกนานหลายปีแน่นอน
การมีนายทวารที่แข็งแกร่งสองคนแบบนี้ ทีมชาติมีแต่กำไรครับ
ข้อสอง ผมชอบวินัยของนักเตะทุกคน คือ เล่น 4-2-3-1 เมื่อรุก และ 5-4-1 เมื่อเล่นเกมรับ เล่นแบบนี้ "ทั้งเกม" ไม่มีย่อหย่อน ไม่มีเหม่อลอย เล่นได้อย่างอดทนมาก ต้องนับถือใจทุกคน
1
ข้อสาม สารัช อยู่เย็น เล่นดีเหลือเกิน เขาทุ่มเททั้งชีวิต โดยเฉพาะตอนนาที 62 ที่ซาอุฯ สวนกลับมา เขาวิ่งหน้าตั้งร้อยเมตร มาสกัดบอลจากหน้าประตูออกหลังไปได้ ตามด้วยนาที 63 สกัดบอลโดนคู่แข่งออกหลังแบบเนียนๆ
สารัช เคยมีปมในใจ ในการเจอซาอุฯ เมื่อ 7 ปีก่อน เมื่อเขาทำเสียจุดโทษท้ายเกม ในฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก แบบไม่ควรโดน จนทีมแพ้ และเขาต้องร้องไห้คาสนาม
จากวันนั้นเป็นต้นมา สารัช ยังไม่เคยเจอซาอุฯ อีกเลย จนมาถึงเกมนี้ และด้วยฟอร์มยอดเยี่ยมขนาดนี้ เขาน่าจะปลดล็อกทุกความรู้สึกคั่งค้างในใจหมดสิ้นแล้ว
ส่วนตัวแล้วผมให้เครดิต 11 ผู้เล่นในเกมซาอุฯ ชุดนี้มากจริงๆ คืออย่างชุดชนะคีร์กีซสถาน, เสมอ โอมาน เราเห็นว่า มีนักเตะบุรีรัมย์ หรืออดีตบุรีรัมย์ เป็นแกนหลัก เมื่อผู้เล่นคุ้นเคยกันอยู่แล้ว แถมอิชิอิเคยใช้งาน การเล่นในทีมชาติก็เลยง่ายไปด้วย
แต่ 11 ตัวจริง ที่ลงเกมนี้กับซาอุฯ ไม่ได้มีพื้นฐานกันแบบนั้น อิชิอิ จับมารวมกัน หลายคนก็เพิ่งเล่นร่วมกันครั้งแรก แต่แม้จะไม่คุ้นกัน พวกเขายังเล่นได้ดี มีทีมเวิร์ก แค่นี้ถือว่าน่าประทับใจแล้ว
ถามว่า ทีมชุดเสมอซาอุฯ เล่นได้สมบูรณ์ขนาดนั้นไหม คำตอบคือก็ไม่ ปัญหาที่เห็นก็พวกความละเอียด จ่ายสั้น ส่งแรงเกิน บางครั้งตัดสินใจยิงแบบไม่มีเหตุผล เหมือนที่วรชิตหวดตูมช่วงปลายครึ่งแรก
1
รวมถึงบางตำแหน่ง เช่นปีกซ้าย ผมว่าปฐมพล ช่วยเกมรับดี แต่ยังไม่ดีพอในจังหวะรุก ถ้าเป็นสุภโชค หรือ บดินทร์ จะสร้างความอันตรายริมเส้นได้มากกว่านี้
1
แต่จุดเหล่านั้น มันเล็กน้อยเกินไปที่จะมาตำหนิกัน เมื่อผลการแข่งขันตอนจบ ไทยไม่แพ้ซาอุฯ ที่มีกองเชียร์เต็มสนาม นี่เป็นผลงานแบบซูเปอร์มาสเตอร์พีซแล้วครับ
การเสมอนัดนี้ ทีมชาติไทยได้ทุกอย่างที่ต้องการ
- เราได้พักตัวผู้เล่น "ยกแผง" คีย์แมนของเรา ร่างกายฟิตสมบูรณ์ที่สุด ก่อนจะเจอกับอุซเบกิสถาน ในวันที่ 30 มกราคม
- เราสร้างสถิติ "ไร้พ่าย" ในเอเชียนคัพ รอบแบ่งกลุ่ม จากที่เคยโดนใครๆ แซวว่าอาจแพ้รวด ไร้แต้ม กลายมาเป็นไร้พ่าย อะไรจะขนาดนั้น
1
- ทีมชาติไทย คลีนชีทครบทั้ง 3 เกม มีแค่เจ้าภาพกาตาร์ทีมเดียวที่ทำได้ ใครจะไปเชื่อ
- ทีมชาติไทย ได้ฟีฟ่าแรงค์กิ้ง "เป็นบวก" ทั้ง 3 นัดเต็มๆ แต้มพุ่งทะยานติดท็อปร้อยของโลกแน่ๆ ถือเป็นการมาเอเชียนคัพที่กำไรเต็มๆ
- นักเตะไทยได้ลงสนามแทบทั้ง Squad แล้ว เหลือแค่ 2 คนที่ไม่ได้ลงคือพิชา อุทรา (ถูกเรียกมาแทนเอกนิษฐ์) และ ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน (โกล์มือสาม) คืออิชิอิ ใช้ผู้เล่นแบบหมดมือไม่กั๊ก ให้โอกาสทั้งทีมมีส่วนร่วมจริงๆ
1
- บรรยากาศในแคมป์ตอนนี้ ต้องสุดยอดแน่ๆ ความมั่นใจหลั่งไหล และยิ่งเรียกศรัทธาให้แฟนบอลได้มากขึ้นอีก
ทีมชาติไทย เข้ารอบต่อไป เจอกับอุซเบกิสถาน ทีมที่ไทยก็ไม่ค่อยถูกโรคเท่าไหร่ แต่นาทีนี้ ไม่ต้องมากลัวอะไรกันแล้ว
เราเสมอโอมาน เสมอซาอุฯ มาได้ แสดงว่าเราต้องมีดีอะไรสักอย่างสิ
ขอบคุณนักเตะทุกคน และโค้ช ที่ทำให้การดูฟุตบอลทีมชาติ กลับมามีความหมายมากๆ แบบนี้อีกครั้ง
1
ในประวัติศาสตร์ประเทศไทย เราเคยไปไกลสุดแค่รอบ 16 ทีมสุดท้าย บางที ถ้าหากทุกอย่างลงล็อกในวันที่ 30 มกราคมนี้ ไม่แน่นะ เราอาจทำลายกำแพงนี้ แล้วไปได้ไกลกว่านั้นก็ได้
2
โฆษณา