-นี่อาจจะไม่ใช่แค่การระบายความอัดอั้น แต่เป็นการประกาศให้โลกรู้ว่า พวกเขาพร้อมแล้วที่จะมาสร้างความแตกต่างในซอกหลืบของวงการเพลงไทยที่เพลงรักๆเจ็บๆผุดเป็นดอกเห็ดไม่ต่างจากคอนโดในกรุงเทพ การได้มาเป็นศิลปินภายใต้สังกัด Sony Music Thailand ยิ่งการันตีถึงความพร้อมในแง่ของทุนทรัพย์และการติดปีกพีอาร์ให้เป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้น
-ทั้งนี้พวกเขายังคงมาพร้อมกับ “ความคาดเดาไม่ได้” อันเป็นลายเซ็นต์ที่แหล่มชัดเสมอมา จะเห็นได้ว่าพวกเขามีเพลงหลากหลายอารมณ์ ทั้งประชดประชันแบบ From Bangkok to Betong ครุ่นคิดแบบ Everybody Wants To Hit The Road, But อยากกลับไปเล่นกับเพื่อนสมัยเรียน EXBESTFRIEND ล้วนแล้วแต่เป็นความไฮเปอร์ที่วูบวาบทางความคิดจนเดาทางไม่ถูก ซึ่งนับว่าดีตรงที่อย่างน้อยก็ไม่ได้ยึดติดที่เรื่องใดเรื่องนึงจนเกินไป
-นอกจากการระบายความอัดอั้นของการถูกตีกรอบค่านิยม โลกแห่งการทำงาน หรือแม้กระทั่งการเผชิญความตายจากคนใกล้ตัว ดูโอ้หน้ากากยังคงครุ่นคิดถึงการปรับตัวต่อโลกใบนี้และ thai music industry พอสมควร
-Nostalgia Is A Drug ก็ทำให้ผมนึกถึงบทสนทนาในชุมชนเพลงระหว่างแฟนเพลงกลุ่ม New School กับ Old School ขิงกันเรื่องความเก๋า ความเรียลในแนวเพลงต่างๆ ทั้งๆที่เทรนด์เพลงเปลี่ยนแปลงไปๆมาๆตลอดเวลา จนบางทีไอ้การยึดติดอดีตหรือความสำเร็จเก่าๆก็อาจจะไม่เกิดการพัฒนาได้เหมือนกัน (นี่เป็นมุมมองส่วนตัวของผมเท่านั้นนะครับ) ไม่ได้แปลว่าผมต่อต้าน old school แค่อยากเห็นวงการมีสีสัน มี new original เยอะๆ โดยที่ไม่หลงลืมความดั้งเดิมไปด้วย
การแซมเปิ้ลด้วย Everybody Wants To Hit The Road, But มีนัยยะที่น่าสนใจ เพราะซิงเกิ้ลดังกล่าวมันว่าด้วยความพยายามหนีจากความผิดหวังความเศร้าทั้งหลายแหล่ ออกไปในที่ๆใครไม่รู้จักเรา พอมาซึมอยู่ในเพลงนี้เหมือนตบความรู้สึกให้เข้ามาอยู่ในเลนวงกลมแห่งสังสารวัฏโดยอัตโนมัติ เป็นอันเข้าใจได้ว่า พวกเขายอมรับแรงปะทะแห่งความผิดหวังต่อไป โดยช่วง Outro จะลิ้งค์เข้ากับ Intro _RUK โดยอัตโนมัติ เป็นการออกแบบอัลบั้มให้มีฟังก์ชั่นฟังวนลูปตามที่ใจต้องการ