Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
เด็กการเงิน DekFinance
•
ติดตาม
31 ม.ค. 2024 เวลา 13:31 • หุ้น & เศรษฐกิจ
รู้จัก SCBAM Fund Click & กองทุน e-class ค่าธรรมเนียมต่ำ สร้างโอกาสถึงล้านแรกไว
อัพเดทล่าสุดพร้อมคำแนะนำจัดพอร์ตจากเด็กการเงิน 🎉
กองทุน e-class ได้รับความสนใจจากนักลงทุนเป็นอย่างมาก เพราะเป็นการลงทุนที่ฟรีค่าธรรมเนียมการซื้อขาย ค่าธรรมเนียมบริหารต่ำ ลงทุนขั้นต่ำเพียง 1 บาทเท่านั้น และมีกองทุนให้เลือกหลากหลาย ครอบคลุมธีมการลงทุนเด็ดๆ อีกเพียบ ลงทุนง่ายๆ ผ่านแอป SCBAM Fund Click
วันนี้ #เด็กการเงิน จะมาพูดถึงกองทุน e-class มาอัพเดท พร้อมทั้งสอนจัดพอร์ตลงทุนด้วยกองทุน e-class ไม่ว่าจะเป็นมือใหม่ที่กำลังสนใจ หรือนักลงทุนเดิมที่มีบัญชีอยู่แล้ว ก็สามารถศึกษารายละเอียดจากโพสต์นี้ เข้าใจง่าย สไตล์เด็กการเงิน และนำไปปรับใช้ได้เลย
สำหรับนักลงทุนมือใหม่ที่อยากเริ่มลงทุน อยากเก็บเงินล้านแรก แต่ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นอย่างไร เราขอแนะนำให้เริ่มลงทุนในกองทุน e-class ครอบคลุมทุกประเภทสินทรัพย์ และทุกธีมการลงทุน ทั้ง Passive และ Active Fund เริ่มลงทุนขั้นต่ำเพียง 1 บาท นอกจากนี้ยังฟรีค่าธรรมเนียมการซื้อขายให้กับมูลค่าลงทุน 1 ล้านบาทแรก และสามารถใช้ฟังก์ชัน DCA เพื่อออมอย่างสม่ำเสมอได้ด้วย เป็นช่องทางที่คุ้มค่า เหมาะมากสำหรับนักลงทุนรายย่อย เพื่อโอกาสเก็บเงินล้านแรก
สิ่งที่จะได้จากบทความนี้
1. กลยุทธ์ 1 ล้านแรก กับกองทุน e-class
2. กองทุน e-class ไม่มีค่าธรรมเนียมขาย และค่าธรรมเนียมการจัดการ ดีอย่างไร?
3. จัดหมวดหมู่กองทุน e-class อัพเดทล่าสุด
4. รู้จักการจัดพอร์ตลงทุนแบบ Core-Satellite ใช้ได้กับทุกสภาวะตลาด
5. ตัวอย่าง 3 พอร์ตการลงทุนแบบ Core-Satellite โดยใช้กองทุน e-class
มาเริ่มกันเลย
1️. กลยุทธ์ 1 ล้านแรก กับกองทุน e-class
สำหรับนักลงทุนมือใหม่ หรือนักลงทุนที่มีเป้าหมายอยากเก็บเงินล้านแรก แต่ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นอย่างไร เรามีเทคนิคง่ายๆ มาฝากนั่นก็คือการทำ DCA
การลงทุนแบบ DCA คือการลงทุนสม่ำเสมอโดยไม่ต้องจับจังหวะ เป็นการลงทุนเพื่อเฉลี่ยต้นทุนและสะสมหน่วยลงทุนในระยะยาว เช่น ลงทุนทุกเดือน ทุกวันที่ 1 เป็นต้น โดย
หากตลาดหุ้นเป็นขาลง จำนวนเงินที่เท่ากัน จะได้หน่วยลงทุนมากขึ้น
หากตลาดหุ้นเป็นขาขึ้น จำนวนเงินที่เท่ากัน จะได้หน่วยลงทุนน้อยลง
ตัวอย่าง หากลงทุนแบบ DCA ในพอร์ตลงทุนที่เป็นกองทุนหุ้นเดือนละ 5,000 บาท ผลตอบแทนคาดหวังที่ 8% ต่อปี จะใช้เวลา 10.6 ปี เงินจะเติบโตเป็น 1 ล้านบาท
ถ้าหากเพิ่มเงินลงทุนเป็น 10,000 บาท ผลตอบแทนคาดหวังที่ 8% ต่อปี จะใช้เวลาเพียงแค่ 6.4 ปี เงินจะเติบโตเป็น 1 ล้านบาท
สรุปได้ว่า ยิ่งเริ่มต้นเร็ว ยิ่งลงทุนต่องวดมากขึ้น ยิ่งถึงล้านแรกได้เร็วขึ้น
2. กองทุน e-class ไม่มีค่าธรรมเนียมซื้อขาย ดีอย่างไร?
รู้หรือไม่ว่าค่าธรรมเนียมที่แตกต่างกันเพียงเล็กน้อย ก็สร้างความแตกต่างของการเติบโตของเงินลงทุนในระยะยาวค่อนข้างมาก มาดูตัวอย่างกัน
สมมติให้กองทุน X มีค่าธรรมเนียมขาย 0.5% ขณะที่กองทุน e-class ฟรีค่าธรรมเนียมขาย
และกองทุน X มีค่าธรรมเนียมการจัดการ 1% ขณะที่กองทุน e-class มีค่าธรรมเนียมบริหารรวมต่ำเพียง 0.1%
หากเราลงทุนเดือนละ 5,000 บาท ผลตอบแทนคาดหวังที่ 7% ต่อปี เงินลงทุนในกองทุน e-class ที่ฟรีค่าธรรมเนียมจะใช้เวลาเพียงแค่ 11 ปี 1 เดือน เงินจะเติบโตถึงล้านแรก แต่เงินลงทุนในกองทุน X ที่มีค่าธรรมเนียมขาย 0.5% และค่าธรรมเนียมการจัดการที่ 1% จะใช้เวลาถึง 12 ปี 3 เดือน เงินจึงจะเติบโตถึงล้านแรก
สรุปได้ว่า เงินลงทุนในกองทุน e-class ที่ฟรีค่าธรรมเนียม ถึงล้านแรกไวกว่าเป็นปี จากภาระค่าธรรมเนียมที่ต่ำนั่นเอง
แล้วถ้าเวลาผ่านไป 10, 20 และ 30 ปี เงินลงทุนกองทุน e-class ที่ฟรีค่าธรรมเนียมขายและการจัดการ vs. กองทุน X ที่มีค่าธรรมเนียมทั้งสอง เติบโตแตกต่างกันอย่างไร?
10 ปี: e-class 865,424 vs. 778,426
10 ปีผ่านไป เงินลงทุนกองทุน e-class ที่ฟรีค่าธรรมเนียม เติบโตได้มากกว่าถึง 86,998 บาท
20 ปี: e-class 2,604,633 vs. 2,194,694
20 ปีผ่านไป เงินลงทุนกองทุน e-class ที่ฟรีค่าธรรมเนียม เติบโตได้มากกว่าถึง 409,939 บาท
30 ปี: e-class 6,099,854 vs. 4,771,446
30 ปีผ่านไป เงินลงทุนกองทุน e-class ที่ฟรีค่าธรรมเนียม เติบโตได้มากกว่าถึง 1,328,408 บาท
3️. จัดหมวดหมู่กองทุน e-class อัพเดทล่าสุด
• กองทุน Index หุ้นต่างประเทศ
• กองทุนหุ้นต่างประเทศแบบ Factor Investing และ Active
• กองทุนหุ้นต่างประเทศแบบ Thematic
• กองทุนหุ้นไทย
• กองทุนหุ้นไทย Smart Beta
• กองทุน REIT and Infrastructure
• กองทุนทองคำ
• กองทุนตลาดเงิน
4️. รู้จักการจัดพอร์ตลงทุนแบบ Core-Satellite ใช้ได้กับทุกสภาวะตลาด
"Core-Satellite Portfolio" เป็นกลยุทธ์การลงทุนที่ใช้ได้กับทุกสภาวะตลาด เหมาะสำหรับนำมาใช้จัดพอร์ตลงทุนตั้งแต่ 5 ปีขึ้นไป โดยกลยุทธ์ Core-Satellite Portfolio จะแบ่งเงินลงทุนออกเป็นสองส่วนหลักคือ
(1) Core Portfolio ส่วนหลักเพื่อสะสมความมั่งคั่งในระยะยาว
• ลงทุนระยะยาวใน Passive Fund
• เพิ่มมูลค่าลงทุนในระยะยาว
• สัดส่วน 60-80%
• ความเสี่ยงและความผันผวนเท่ากับตลาด
• ซื้อขายแบบ DCA
(2) Satellite Portfolio ส่วนเสริมเพื่อหาผลตอบแทนส่วนเพิ่มระยะสั้น
• ลงทุนระยะสั้น-กลางใน Active Fund หรือ Thematic Fund
• เพิ่มโอกาสในการทำกำไรระยะสั้น-กลาง
• สัดส่วน 20-40%
• ความเสี่ยงและผันผวนมากกว่าตลาด
• ซื้อขายแบบ DCA หรือ Market Timing
ข้อควรรู้สำหรับการจัดพอร์ตแบบ Core-Satellite
• ถ้ามีสัดส่วน Core ที่สูง พอร์ตจะมีความมั่นคงมากขึ้น
• ถ้ามีสัดส่วน Satellite มาก พอร์ตจะมีความอ่อนไหวมากเพื่อหวังผลตอบแทนส่วนเพิ่ม
• การเลือกกองทุนใน Core Port ควรเป็นกองหุ้นในตลาด Developed Market (DM) ที่มีเสถียรภาพสูง เช่น สหรัฐฯ ยุโรป และญี่ปุ่น เป็นหลัก ตามด้วยตลาด Emerging Market (EM) เช่น จีน อินเดีย และไทย (ทั้งหมดเรียกรวมว่าเอเชีย ยกเว้นญี่ปุ่น ก็ได้เช่นกัน) โดยแนะนำสัดส่วนหุ้นจากประเทศใดหนึ่งไม่เกิน 30% หรือ 1 ใน 3 ของพอร์ต
• การเลือกกองทุนใน Satellite Port ควรเป็นกองทุนในตลาด EM หรือ กลุ่ม Thematic ที่เราสนใจ ติดตามเทรนด์ได้ง่าย แนะนำให้มีในสัดส่วนที่ไม่เกิน 15% ต่อหนึ่ง Theme และไม่น้อยกว่า 5% ต่อหนึ่ง Theme
• ตั้งการลงทุนแบบ DCA และติดตามผลตอบแทนของพอร์ต แต่ไม่บ่อยเกินไป เช่น อาทิตย์ละ 1 ครั้ง หรือ เดือนละ 2 ครั้ง ในส่วนของ Core Port มีการรีวิวปีละ 1 ครั้ง ส่วน Satellite มีการติดตามถี่กว่า เช่น ไตรมาสละครั้ง
• กองทุนในส่วน Satellite ที่มีการใช้ market timing เข้าช่วย (หรือไม่ได้ทำ DCA เป็นประจำ) เราแนะนำให้มีการกำหนดจุดตัดขาดทุน (cut loss) ในกองทุนกลุ่ม Thematic เช่น -10% ต่อกองทุน
5. ตัวอย่าง 3 พอร์ตการลงทุนแบบ Core-Satellite โดยใช้กองทุน e-class
เราขอใช้สัดส่วนการจัดพอร์ต Core:Satellite ที่ 60:40 เน้นส่วน Satellite มากหน่อยเพื่อหวังผลตอบแทนส่วนเพิ่มในระยะยาว โดยตั้งใจลงทุนมากกว่า 10 ปี
ในส่วน Core 60% มีการลงทุนหลักในสหรัฐฯ ยุโรป และเอเชีย
ในส่วน Satellite อีก 40% เราขอยกตัวอย่าง 3 แนวคิด Satellite ได้แก่
(1) ลงทุนระยะยาวในกลุ่มThematic เน้นการเติบโตในกลุ่มนวัตกรรมที่น่าสนใจทั่วโลก
(2) ลงทุนระยะยาว ผสมประเทศกลุ่มเติบโตสูง และ Thematic ที่น่าสนใจอย่างละครึ่ง
(3) เน้นลงทุนในประเทศที่มีการเติบโตที่น่าสนใจ
6. มูลค่าเงินลงทุน e-class เกิน 1 ล้านแล้วจะเป็นยังไง?
• บลจ.จะไม่มีการคิดค่าธรรมเนียมการจัดการกับเงินลงทุนทั้งหมดที่อยู่ใน e-class แม้ว่ามูลค่าเงินลงทุนจะเพิ่มขึ้นเกิน 1,000,000 แล้วก็ตาม ดังนั้นถ้าพอร์ตขยับขึ้นเป็น 1,500,000 บาท ก็ไม่มีการเก็บค่าธรรมเนียมการจัดการกับเงินลงทุน หรือมูลค่าใดๆ ก็ตามที่เงินลงทุนดังกล่าวจะเพิ่มขึ้นต่อไปอีกในอนาคต
• เมื่อลงทุนกองทุน e-class ครบ 1 ล้านแล้ว จะไม่สามารถลงทุนเพิ่มในกองทุน e-class ได้ แต่เรายังสามารถลงทุนในกองทุนปกติอื่นๆ ของบลจ. ได้
• สามารถสับเปลี่ยน e-class ไปยังชนิด e-class และที่ไม่ใช่ e-class (เช่น d-class หรือ r-class) ของกองทุนอื่นๆได้ทุกกอง หากลงทุนผ่าน SCBAM Fund Click
Facebook 👉
https://www.facebook.com/DekFinance101
FB Group 👉
https://www.facebook.com/groups/2881645572091138
Blockdit 👉
https://www.blockdit.com/dekfinance
LINETODAY 👉https://today.line.me/th/v2/publisher/10240
4 บันทึก
5
3
4
5
3
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย