3 ก.พ. 2024 เวลา 09:33 • การตลาด

สงครามน้ำดำของ "ซาสี่" เครื่องดื่มที่หลายคนคิดถึง

ตลาดเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ โดยเฉพาะน้ำอัดลม ย้อนกลับไปราวๆ 30 กว่าปีที่แล้วเรียกได้ว่าดุเดือดเป็นอย่างยิ่ง นอกจากจะมีหลายยี่ห้อให้เลือกแล้วยังแบ่ง Segment ในการวางจำหน่ายชัดเจน
เหมือนตลาดเครื่องดื่มชูกำลังปัจจุบัน ที่เข้าถึงตั้งแต่ร้านโชห่วยไปจนตู้กดน้ำในห้างสรรพสินค้า
ซึ่งน้ำอัดลมบางยี่ห้อแม้จะหายไปจากตลาดบ้านเรานานแล้ว แต่รสชาติยังติดตรึงอยู่ในความทรงจำของใครหลายคนไม่ลางเลือน
วันนี้จะขอกล่าวถึง “ซาสี่” (Sarsi) ที่มาพร้อมกับสโลแกน “เลี้ยวขวา…เจอซาสี่”
เป็นที่ทราบกันดีว่าเครื่องดื่มน้ำอัดลมบนโลกนี้มีเจ้าใหญ่อยู่เพียง 2 รายเท่านั้นคือ โคคา-โคลา กับ เป๊ปซี่
เหตุผลง่ายๆคือ เพราะรสชาติของ เครื่องดื่ม “น้ำดำ” ถูกจริตกับคนส่วนใหญ่
ตั้งแต่เครื่องดื่มน้ำดำถือกำเนิดขึ้นมายังไม่มีน้ำอัดลมยี่ห้อไหน รสอะไร สามารถทำยอดขายได้มากกว่าจวบจนกระทั่งปัจจุบัน
ซาสี่จึงเป็นเครื่องดื่มน้ำอัดลมประเภทน้ำดำที่ออกมาท้าทายให้ผู้บริโภคลิ้มลองโดยมีรสชาติที่ทำการโฆษณาว่า “รูทเบียร์”
แน่นอน กลิ่น-รสของซาสี่แตกต่างจาก โค้กและเป๊ปซี่อย่างสิ้นเชิง โดยเริ่มบุกตลาดภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ไต้หวันและฟิลิปปินส์ ก่อนจะเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยประมาณปี ค.ศ.1983 โดยบริษัท กรีนสปอต จำกัด
นั่นทำให้ตลาดเครื่องดื่มน้ำอัดลมขณะนั้นมี โคคา-โคลา ,เป๊ปซี่ ,ซาสี่ ,มิรินด้า ,ซันเดรสท์ , เฟรเซอร์ ,ทีม ,ไบเล่ย์ ,เมาเท่นดิว ,แฟนต้า ,คิกคาปู้ และ เซเว่นอัพ ขับเคี่ยวกันอย่างดุเดือด
ตลอดระยะเวลา 17 ปีที่ซาสี่วางขายสู้กับเจ้าตลาดอย่างโคคา-โคลา และ เป๊ปซี่ บทสรุปคือต้องยุติการทำตลาดลงในปี ค.ศ.2000 (พ.ศ.2543) ตั้งแต่นั้นน้ำอัดลมยี่ห้อซาสี่ก็หายไป
ซึ่งนั่นไม่ได้ทำให้แบรนด์ซาสี่สูญหายไปตามเวลาเพราะมีคนจำนวนไม่น้อยชื่นชอบรสชาติและกลิ่นที่ไม่ซ้ำจำเจกับราชาน้ำดำทั้ง 2 ยี่ห้อ
ซาสี่จึงยังอยู่ในใจใครหลายคนที่นึกถึงเมื่อไหร่ก็อยากมีโอกาสได้กลับไปดื่มให้ชื่นใจอีกสักครั้ง
แม้จะไม่ได้นำน้ำอัดลมยี่ห้อซาสี่มาจัดจำหน่ายแล้ว แต่บริษัท กรีนสปอต จำกัด ยังคงดำเนินกิจการมาจนทุกวันนี้
ข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ระบุว่า บริษัท กรีนสปอต จำกัด จดทะเบียนตั้งบริษัทเมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2496 ประเภทธุรกิจผลิตเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ ปัจจุบันทุนจดทะเบียน 48 ล้านบาท
กรรมการบริษัท ทั้งหมด 10 คน ได้แก่ 1. นายโชติ โสภณพนิช 2. นายชัย โสภณพนิช 3. นายยงยุทธ ทวีกุลวัฒน์ 4. นายโชติวิทย์ ชยวัฒนางกูร 5. นายอนันต์ ตังทัตสวัสดิ์ 6. นายศุภศักดิ์ จิรเสวีนุประพันธ์ 7. นางประไพวรรณ ลิมทรง 8. นายสวนิต คงสิริ 9. นางกิติยา โสภณพนิช และ10. นางกุลธิดา ศิวยาธร
ตลอด 70 ปีที่ดำเนินกิจการมา ทำให้มูลค่าบริษัทมากกว่า 5.5 พันล้านบาท
ผลประกอบการปี 2565 ระบุว่ามีรายได้รวม 6,777,247,889 บาท กำไร (ขาดทุน) กว่า 320 ล้านบาท
กระทั่งช่วงกลางปี 2561 มีกระแสข่าวออกมาว่าบริษัท ไทยดริ้งค์ จำกัด ในเครือไทยเบฟฯ จะนำซาสี่กลับมาวางจำหน่ายอีกครั้ง เนื่องจากมูลค่าตลาดน้ำอัดลมในไทยสูงถึง 5 หมื่นล้านบาท ซึ่งปี 2560 ตลาดติดลบประมาณ 2.4% แต่ตลาดเครื่องดื่มรูทเบียร์กลับเติบโตต่อเนื่องที่ 16 %
เฉพาะช่องทางจำหน่ายในร้านสะดวกซื้อ น้ำอัดลมรูทเบียร์เติบโตมากถึง 24%
กล่าวคือ แม้ไม่มีซาสี่ แต่ในตลาดยังมีเครื่องดื่มรูทเบียร์ยี่ห้อ A&W ของบริษัท ไทยน้ำทิพย์ จำกัด (มหาชน) ครองส่วนแบ่งเค้กก้อนใหญ่อยู่
บริษัท ไทยดริ้งค์ จำกัด มีการวางแผนการตลาดที่จะนำซาสี่กลับมาอีกครั้งจัดจำหน่ายโดย FN ใช้ผลิตภัณฑ์เป็นบรรจุภัณฑ์ขวดแก้วแบบไม่คืนขวด 250 มล. ราคา 12 บาท วางขายชนกับ A&W ที่ร้านสะดวกซื้อทุกสาขาทั่วประเทศ พร้อมกับจัดโปรโมชั่นให้คนยุคใหม่ได้ทดลองดื่ม ในราคา 10 บาท ตั้งแต่วันที่ 24 สิงหาคม –  23 กันยายน 2561
นอกจากนั้นยังเปลี่ยนสโลแกนจาก “เลี้ยวขวา…เจอซาสี่” เป็น “กล้าซ่า…ให้แตกต่าง” เพื่อดึงวัยรุ่นวัยทำงานคนรุ่นใหม่ให้หันมาลองดื่ม
อย่างไรก็ตาม การนำซาสี่กลับมาจำหน่ายครั้งนี้เป็นช่วงเวลาที่ตรงกับการระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้หลังจากผ่านสถานการณ์วิกฤตการประชาสัมพันธ์เครื่องดื่มซาสี่จึงเข้าสู่ภาวะเงียบเหงาอีกครั้ง
บรรดาน้ำอัดลมหลายๆยี่ห้อที่เคยจำหน่ายในอดีต “ซาสี่” เป็นหนึ่งในเครื่องดื่มที่อยากให้กลับมา Come back มากที่สุด
โฆษณา