5 ก.พ. 2024 เวลา 08:50 • กีฬา

เปิดประวัติ“เนย์มาร์” ศูนย์หน้าทีมชาติบราซิล

เนย์มาร์ เกิดเมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1992 ที่ โมกี ดาส ครูเซส เมืองเซาเปาลู ประเทศบราซิล โดยมีพ่อแม่ชื่อว่า เนย์มาร์ ซังตุส ซีเนียร์ อดีตนักฟุตบอล และ นาดิเน ดา ซิลวา ปัจจุบันพ่อของเขากลายเป็นที่ปรึกษาและผู้ดูแลเขาในเรื่องฟุตบอล(เอเย่นต์) ประกอบกับสมัยเด็กๆ เติบโตมากับการเล่นฟุตซอล และ สตรีทฟุตบอล ซึ่งเป็นที่นิยมมากในหมู่เด็กชาวอเมริกาใต้
เนย์มาร์ได้เข้าร่วมทีมเยาวชนของซังตุส ในปี ค.ศ. 2003 ก่อนที่จะได้เลื่อนชั้นขึ้นมาเล่นทีมชุดใหญ่ และประเดิมสนามเป็นครั้งแรกใน เกมที่ชนะ โอเอสเต้ 2001 เมื่อวันที่ 7 มีนาคม ค.ศ. 2009 ในขณะที่อายุได้เพียง 17 ปี
เขามีส่วนร่วมในการช่วยทีมต้นสังกัดคว้าแชมป์คัมเปโอนาโตเปาลิสตา 2 สมัยติดต่อกัน ได้รับการเสนอชื่อเป็นนักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปีของอเมริกาใต้ถึง 2 ครั้งในปี ค.ศ. 2011 และ 2012 ก่อนจะย้ายไปร่วมทีมบาร์เซโลนา ทีมยักษ์ใหญ่ในลีกประเทศสเปน โดยเป็นส่วนหนึ่งของสามประสานตัวหลักของทีมร่วมกับ ลีโอเนล เมสซี และหลุยส์ ซัวเรซ
คว้าแชมป์ทั้งลาลิกา, โกปาเดลเรย์ และ ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกได้ในฤดูกาล 2014–15 และได้อันดับ 3 ในการประกาศรางวัลบาลงดอร์ปี 2015 และคว้าแชมป์ลาลิกาได้อีกครั้งในปี 2016 ก่อนจะย้ายไปปารีแซ็ง-แฌร์แม็งในปี 2017 ด้วยมูลค่า 222 ล้านยูโร ทำให้เขากลายเป็นผู้เล่นที่มีค่าตัวแพงที่สุดในประวัติศาสตร์
เขาพาทีมคว้าแชมป์ลีกเอิง 3 สมัย, กุปเดอฟร็องส์ 3 สมัย และ กุปเดอลาลีก 2 สมัย และได้รับรางวัลผู้เล่นแห่งปีของลีกเอิงในฤดูกาลแรกของเขา และในฤดูกาล 2020–21 เนย์มาร์พาทีมคว้าแชมป์ได้ถึง 4 รายการ รวมทั้งผ่านเข้าชิงชนะเลิศยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกได้เป็นครั้งแรก ในปัจจุบัน เขายังครองสถิติในการเป็นผู้เล่นชาวบราซิลที่ทำประตูสูงสุดในการแข่งขันดังกล่าว ปี ค.ศ. 2023 เนย์มาร์ได้ไปย้ายร่วมทีมอัลฮิลาล สโมสรฟุตบอลในลีกประเทศซาอุดีอาระเบีย
เนย์มาร์ติดทีมชาติชุดใหญ่ครั้งแรกใน ค.ศ. 2010 ในวัย 18 ปี และในปัจจุบัน เขาเป็นเจ้าของสถิติผู้ทำประตูให้ทีมชาติบราซิลสูงสุดจำนวน 79 ประตูจากจำนวน 125 นัด ถ้วยรางวัลแรกในนามทีมชาติของเนย์มาร์คือ ฟุตบอลเยาวชนชิงแชมป์อเมริกาใต้ ใน ค.ศ. 2011 ซึ่งเขาได้รับรางวัลผู้ทำประตูสูงสุด
ต่อมา เขาพาบราซิลชนะเลิศรายการ ฟีฟ่าคอนเฟเดอเรชันส์คัพ ในปี 2013 และได้รับรางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำการแข่งขัน ก่อนจะมีอาการบาดเจ็บในรายการใหญ่สองรายการถัดมาได้แก่ ฟุตบอลโลก 2014 ที่บราซิลเป็นเจ้าภาพ และโกปาอเมริกา 2015 เป็นกัปตันทีมชาติอย่างเป็นทางการในการแข่งขันโอลิมปิกฤดูร้อน 2016 ที่สหราชอาณาจักรเป็นเจ้าภาพ สามารถพาชาติบ้านเกิดคว้าเหรียญทองเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ และเป็นตัวหลักของทีมในฟุตบอลโลก 2018 แต่เขาพลาดการแข่งขันโกปาอเมริกา 2019 ก่อนจะพาทีมคว้ารองแชมป์ได้ในปี 2021
เนย์มาร์คว้าอันดับ 3 ในการประกาศผลฟีฟ่าบาลงดอร์ 2015 และ บาลงดอร์ 2017 รวมทั้งได้รับรางวัลฟีฟ่า ปุสกัส อวอร์ด และมีชื่ออยู่ในทีมแห่งปีของยูฟ่าสองครั้ง และทีมแห่งฤดูกาลของยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกอีก 3 ครั้ง เขายังถือเป็นหนึ่งในนักกีฬาที่มีชื่อเสียงที่สุดคนหนึ่ง SportsPro ยกให้เขาเป็นนักกีฬาที่โด่งดังในแง่การตลาดมากที่สุดในในปี ค.ศ. 2012 และ 2013 และ อีเอสพีเอ็น ยกให้เขาเป็นนักกีฬาที่มีชื่อเสียงที่สุดเป็นอันดับ 4 ของโลกในปี ค.ศ. 2016
ในปี ค.ศ. 2017 นิตยสารไทม์ได้จัดอันดับให้เขามีชื่ออยู่ใน 1 ใน 100 บุคคลผู้ทรงอิทธิพลของโลก ในปี ค.ศ. 2018 นิตยสาร France Football จัดอันดับให้เขาเป็นนักฟุตบอลที่ได้รับค่าเหนื่อยสูงที่สุดเป็นอันดับ 3 ของโลก และในสองปีต่อมา(ค.ศ. 2019–20) นิตยสารฟอบส์ ได้จัดอันดับให้เนย์มาร์เป็นนักกีฬาที่ได้รับค่าจ้างสูงทีสุดเป็นอันดับที่ 3 และ 4 ของโลกตามลำดับ
โฆษณา