10 ก.พ. 2024 เวลา 11:24 • หนังสือ

من وصايا السلف للشباب

คำสั่งเสียจากบรรพชนชาวสลัฟแด่คนหนุ่มสาว
การสรรเสริญเป็นสิทธิของอัลลอฮฺ พระผู้เป็นเจ้าแห่งสากลโลก ฉันขอยืนยันว่า ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลลอฮฺเพียงพระองค์เดียวซึ่งไม่มีหุ้นส่วนใดๆสำหรับพระองค์ และฉันขอยืนยันว่า ท่านนบีย์มูฮัมหมัดคือบ่าวและเราะสูลของพระองค์ ขอการสดุดี การสรรเสริญแห่งอัลลอฮฺจงประสบแก่ท่านนบีย์และวงศ์วานว่านเครือของท่านตลอดจนบรรดาศอฮาบะฮฺ
เป็นที่รู้กันว่าวัยหนุ่มสาวเป็นวัยที่สำคัญในชีวิตเพราะเป็นวัยที่ร่างกายกำยำ แข็งแรง มุ่งมั่น ว่องไว และมีประสาทสัมผัสที่ดี และยามแก่ชราการรับรู้และกำลังก็อ่อนแอลง
แน่นอนอิสลามให้ความสำคัญกับคนในวัยนี้ซึ่งตัวบทได้เน้นย้ำและท่านนบีย์ของเราก็ส่งเสริมให้ฉวยโอกาสและเตือนให้ระวังการเสียสูญช่วงวัยนี้โดยเปล่าประโยชน์
อิบนุ อับบาส เล่าว่า ท่านเราะสูลกล่าวว่า
"จงฉวยโอกาสห้าอย่างก่อนห้าอย่างจะมาถึง
วัยหนุ่มของท่านก่อนวัยชราจะมาถึง
สุขภาพดีของท่านก่อนความเจ็บป่วยจะมาถึง
ความร่ำรวยของท่านก่อนความจนจะมาถึง
เวลาว่างของท่านก่อนความยุ่งยากจะมาถึง
และการมีชีวิตของท่านก่อนความตายจะมาถึง"
ท่านนบีย์พูดถึงช่วงวัยหนุ่มสาวแบบกว้างๆว่า
"การมีชีวิตของท่านก่อนความตายจะมาถึง"
แต่ท่านกลับเจาะจงระบุช่วงวัยนี้เพราะมันเป็นช่วงวัยที่สำคัญ ดังนั้นจึงสมควรตื่นตัวในเรื่องดังกล่าวและอย่าได้ละเลย
อิบนุ มัสอูด เล่าว่า ท่านเราะสูล กล่าวว่า
"ในวันกียามะฮฺเท้าของลูกหลานอดัมจะไม่ขยับออกไปจากอัลลอฮฺจนกว่าเขาจะถูกถามห้าอย่าง :
อายุไขของเขาหมดไปกับอะไร
วัยหนุ่มของเขาเสียไปกับอะไร
ทรัพย์สมบัติของเขาได้มาอย่างไร
และใช้ไปกับอะไร
แล้วเขาปฏิบัติอย่างไรในสิ่งที่เขารู้"
ท่านนบีย์บอกว่า ในวันกียามะฮฺเขาจะถูกถามเกี่ยวกับชีวิตของเขาสองคำถาม
1 ถามแบบกว้างๆเกี่ยวกับชีวิตของเขาตั้งแต่เกิดจนตาย
2 ถามแบบเจาะจงเกี่ยวกับช่วงวัยหนุ่มทั้งนี้เมื่อถูกถามเกี่ยวกับชีวิตหมายรวมวัยหนุ่มด้วยแต่เขาก็ยังถูกถามคำถามที่เจาะจงเกี่ยวกับช่วงวัยหนุ่ม
เหตุนี้คนหนุ่มสาวจึงควรระมัดระวังเพราะวัยหนุ่มสาวเป็นช่วงที่สำคัญ เขาจะต้องตระหนักอยู่เสมอว่า อัลลอฮฺจะถามเขาในวันกียามะฮฺว่า เขาได้ทำอะไรไปบ้างในช่วงวัยนี้ซึ่งเพิ่มเข้ามานอกเหนือจากคำถามเกี่ยวกับการกระทำของเขาทั้งชีวิตซึ่งหมายรวมวัยหนุ่มด้วยเพราะช่วงวัยนี้เป็นช่วงที่ร่างกายกำยำ แข็งแรง มุ่งมั่น ว่องไวและประสาทสัมผัสยังสมบูรณ์
เหตุนี้ท่านนบีย์จึงส่งเสริมให้คนหนุ่มสาวฉวยโอกาสในวัยนี้ -ตามที่ได้ปรากฏในอัลหะดีษ-
เช่นกันท่านนบีย์สั่งเสียให้ผู้รู้สนใจอบรมสั่งสอนคนหนุ่มสาวเพราะคนหนุ่มสาวต้องการการดูแล ความรัก ความเข้าใจและทำให้เขารู้สึกอยากทำดีและรักคนดีเพื่อมิให้คนไม่ดีได้ชักจูง
เหตุนี้บรรดาศอฮาบะฮฺจึงตั้งใจทำสิ่งเหล่านี้เหมือนที่อบู ซาอีด อัล คุดรีย์ เมื่อเขาเห็นคนหนุ่ม เขาจะพูดว่า "ยินดีต้อนรับคำสั่งเสียของท่านเราะสูลที่ได้สั่งเสียเราให้ขยับที่ให้พวกท่านและให้เราสอนอัล หะดีษพวกท่านจนเข้าใจเพราะพวกท่านจะเป็นตัวแทนของเราและเป็นอะหฺลุ้ลหะดีษหลังจากเรา" เขายังเข้าไปพูดกับคนหนุ่มว่า "หลานของฉัน หากท่านสงสัยสิ่งใดก็จงถามฉันจนกว่าจะมั่นใจ ฉันชอบให้ท่านกลับไปในสภาพที่มั่นใจมากกว่าในสภาพที่สงสัย"
อับดุ้ลลอฮฺ บิน มัสอูด เมื่อเขาเห็นคนหนุ่มแสวงหาความรู้ เขาจะพูดว่า "ยินดีต้อนรับตาน้ำแห่งปัญญา แสงประทีปในความมืด ผู้ตั้งใจเล่าเรียน ขมักเขม้น สงบเสงี่ยมและหน้าตาของชนเผ่า"
คำสั่งเสียและการเอาใจใส่ของบรรพชนชาวสลัฟต่อบรรดาคนหนุ่มสาวมีมากมาย และเอกสารนี่ "คำสั่งเสียของบรรพชนชาวสลัฟแด่คนหนุ่มสาว" ฉันได้เลือกมาเพียงบางส่วนพร้อมกับอธิบายเล็กๆน้อยๆแต่ละคำสั่งเสีย
คำสั่งเสีย 1
อบีย์ อัล อะหฺวัศ เล่าว่า อบู อิสหาก - อัมรฺ อัล สะบีอีย์ - กล่าวว่า
"โอ้คนหนุ่มสาว จงฉวยโอกาส -วัยหนุ่มของพวกท่าน- คืนหนึ่งฉันอ่านอัลกุรอ่านหนึ่งพันอายะฮฺ ฉันอ่านซูเราะฮฺ อัล-บะเกาะเราะฮฺในหนึ่งร่อกะอัต ฉันถือศีลอดในเดือนต้องห้าม สามวันทุกๆเดือน วันจันทร์และวันพฤหัส" แล้วเขาก็อ่าน
وَأَمَّا ‌بِنِعْمَةِ رَبِّكَ فَحَدِّثْ
"และส่วนความโปรดปรานแห่งพระเจ้าของเจ้านั้น เจ้าจงแสดงออก"
ที่เขาพูดว่า "คืนหนึ่งฉันอ่านอัลกุรอานหนึ่งพันอายะฮฺ" คือเกือบจะถึงหนึ่งพันมิใช่กำหนดจำนวนตายตัว หมายความว่าเขาอ่านอัลกุรอานจบสัปดาห์ละครั้งและการอ่านอัลกุรอานจบสัปดาห์ละครั้งนั้นบรรพชนชาวสลัฟก็ทำเป็นประจำ
อัมรฺ บิน มัยมูน ได้บอกพี่น้องคนหนึ่งของเขาว่า
"เมื่อคืนฉันได้ละหมาดและได้ทำความดี"
อบู อับดุ้ลลอฮฺ อัล หากิม ระบุไว้ในหนังสือ "อัล มุสตัดร็อก" หลังจากได้เล่าสองเหตุการณ์ข้างต้นว่า "ขอให้อัลลอฮฺเมตตาอัมรฺ บิน อุบัยดิ้ลละฮฺ อัล สะบีอีย์และอัมรฺ บิน มัยมูน อัล เอาดีย์ แน่นอนทั้งสองได้บอกสิ่งที่กระตุ้นให้คนหนุ่มอยากทำอิบาดะฮฺ"
เช่นกันทั้งสองเหตุการณ์เป็นแบบอย่างเพื่อให้คนหนุ่มได้มีแรงในการปฏิบัติ แต่ทว่าผู้สอนก็ควรเตือนถึงการตั้งเจตนาที่ดีของเขาเพื่อมิให้เกิดการโอ้อวดมิเช่นนั้นการงานก็จะสูญเปล่า
คำสั่งเสีย 2
คำสั่งเสียหนึ่งจากบรรพชนชาวสลัฟแด่คนหนุ่มสาว
หัมมาด บิน ซัยดฺ เล่าว่า เราไปเยี่ยมอนัส บิน สิรีนตอนที่ท่านกำลังป่วย ท่านกล่าวว่า "คนหนุ่มทั้งหลายจงเกรงกลัวอัลลอฮฺเถิด จงพิจารณาดูว่าพวกท่านรับอัลหะดีษมาจากใครเพราะนั่นคือศาสนาของพวกท่าน"
คำสั่งเสียนี่สำคัญมาก คือคนหนุ่มที่แสวงหาความรู้และเรียนรู้อัลหะดีษนั้น สมควรเรียนรู้จากผู้รู้ที่เข้าใจ ใช่ว่าจะเรียนรู้ได้จากทุกคนแต่ให้เรียนรู้จากคนที่ยึดมั่นในสุนนะฮฺ
อิบนุ เชาซับ บอกว่า "เนียะอฺมัติหนึ่งที่คนหนุ่มได้รับ คือเมื่อเขาคบหากับชาวสุนนะฮฺ เขาจะเป็นชาวสุนนะฮฺ"
อัมรฺ บิน ก็อยสฺ อัล มุลาอีย์ บอกว่า "เมื่อท่านเห็นคนหนุ่มโตมากับชาวสุนนะฮฺ ก็จงคาดหวังจากเขา แต่หากเขาโตมากับพวกบิดอะฮฺ ก็อย่าได้คาดหวัง เพราะคนหนุ่มจะเป็นไปตามสภาพที่เขาโตมา"
อัมรฺ บิน ก็อยสฺ บอกว่า "แน่นอนคนหนุ่มจะเติบโตขึ้น หากเขาชอบนั่งร่วมกับผู้รู้เกือบแล้วที่เขาจะปลอดภัย  หากเขาชอบนั่งร่วมกับคนอื่นเกือบแล้วที่เขาจะพินาศ"
คำสั่งเสีย 3
มาลิก บิน ดินาร กล่าวว่า
"สิ่งที่ดีจะอยู่ในคนหนุ่ม"
เพราะความสำคัญของคนในวัยนี้ เมื่อคนหนุ่มฉวยโอกาสในวัยนี้เขาจะได้รับสิ่งดีๆมากมาย และสิ่งที่เขาได้รับในตอนหนุ่มมันจะอยู่กับเขาไปจนตาย มันมีประโยชน์ต่อตัวเขา อุมมะฮฺและผู้อื่น
ในขณะเดียวกันหากเขาทำไม่ดี เขาจะเสียสิ่งดีๆและความจำเริญในวัยนี้ไป
เมื่อคนหนุ่มมีพลังของความหนุ่ม มีเวลาว่าง และมีเงินให้จับจ่ายมันจะทำให้เขาพบกับความฉิบหาย ดังที่กวีได้กล่าวไว้
"ความหนุ่ม ความว่างงาน และเงินตรา มันทำให้คนๆหนึ่งเสียคนได้"
และเมื่อมีสิ่งเย้ายวนใจต่างๆเข้ามาเป็นองค์ประกอบที่สี่ สิ่งหล่านี้จะทำให้คนหนุ่มเสียคนและพลาดความดี ความบารอกัตของชีวิตในช่วงวัยนี้หากเขาใช้ไปในทางที่ผิด
มาลิก บิน ดินาร จึงบอกว่า
"สิ่งที่ดีจะอยู่ในคนหนุ่ม"
เป็นการเตือนว่า ความจำเริญและความดีในช่วงวัยนี้มีมากหากคนหนุ่มฉวยโอกาสทำในสิ่งที่อัลลอฮฺพอใจ
คำสั่งเสีย 4
คำสั่งเสียหนึ่งจากบรรพชนชาวสลัฟแด่คนหนุ่มสาว
เซด บิน อบีย์ อัล ซัรกออฺ เล่าว่า
ซุฟยาน - อัล เษารีย์ - ออกมาขณะที่พวกเขาออกันอยู่หน้าประตูบ้านของท่าน แล้วกล่าวว่า
"คนหนุ่มทั้งหลาย จงรีบฉวยโอกาสแห่งความจำเริญของความรู้เพราะพวกท่านไม่รู้ บางทีพวกท่านอาจไม่ได้ในสิ่งที่หวัง เพื่อพวกท่านจะให้ประโยชน์ซึ่งกันแหละกัน"
ที่เขาพูดว่า "จงรีบฉวยโอกาสแห่งความจำเริญของความรู้" หมายถึง จงฉวยโอกาสตอนที่ยังหนุ่มๆเพื่อแสวงหาความรู้ เพราะเมื่อแก่ชราลงกำลัง และความสามารถในการจดจำก็ไม่เหมือนช่วงชีวิตในวัยหนุ่ม นี่ไม่นับหน้าที่การงานที่ต้องทำ ขณะที่ช่วงวัยหนุ่มไม่มีเรื่องเหล่านี้ เช่นเดียวกันช่วงชีวิตในวัยหนุ่มหมดไปอย่างรวดเร็วเหมือนที่อีหม่าม อะหฺมัด บอกว่า
"ฉันเปรียบคนวัยหนุ่มเหมือนกับสิ่งหนึ่งที่อยู่ในปลายแขนเสื้อของฉัน แล้วมันก็ร่วงลงมา"
ที่เขาพูดว่า "เพราะพวกท่านไม่รู้ บางทีพวกท่านอาจไม่ได้ในสิ่งที่หวัง" หมายความว่า ช่วงในวัยหนุ่มเขาหวังจะได้ความรู้ จดจำมัน อ่านมัน และอื่นๆอีกมากมายที่เขาหวังว่าจะได้แล้วไม่ได้แต่ทว่าเมื่อเขาพยายาม ขอต่ออ้ลลอฮฺ ตั้งใจฉวยโอกาสในวัยหนุ่ม ด้วยการอนุมัตของอัลลอฮฺเขาจะได้สิ่งที่ดีอย่างมากมาย
อัลลอฮฺตรัสว่า
وَالَّذِينَ جَاهَدُوا فِينَا لَنَهْدِيَنَّهُمْ سُبُلَنَا ۚ وَإِنَّ اللَّهَ لَمَعَ الْمُحْسِنِينَ
"และบรรดาผู้ที่ต่อสู้ในหนทางของเรา แน่นอนเราจะชี้แนะแนวทางที่ถูกต้องแก่พวกเขาสู่หนทางของเรา แท้จริงอัลลอฮฺอยู่ร่วมกับผู้ที่ทำดี"
ที่เขาพูดว่า "เพื่อพวกท่านจะให้ประโยชน์ซึ่งกันแหละกัน" เป็นการส่งเสริมให้คนหนุ่มฉวยโอกาสในการพบปะทบทวนความรู้
คำสั่งเสีย 5
คำสั่งเสียหนึ่งจากบรรพชนชาวสลัฟแด่คนหนุ่มสาว
มีปรากฏจากหะสัน อัล บัศรีย์ ว่าสิ่งที่เขามักกล่าวอยู่บ่อยๆ
"คนหนุ่มเอย จงยึดอยู่กับอาคิเราะห์ แล้วแสวงหามัน เพราะส่วนใหญ่ที่เราเห็น ใครที่แสวงหาอาคิเราะห์ เขาจะได้อาคิเราะห์กับดุนยา เราไม่เคยเห็นใครแสวงหาดุนยาแล้วจะได้อาคิเราะห์กับดุนยา"
คำตักเตือนสำคัญของหะสัน อัล บัศรีย์แด่คนหนุ่มสาวให้มุ่งมั่นอยู่กับอาคิเราะห์ ใส่ใจในการแสวงหามัน ใช้เวลาให้หมดไปกับสิ่งที่ทำให้ใกล้ชิดกับอัลลอฮฺ หากเขาทำเช่นนั้นอัลลอฮฺจะให้ดุนยาแก่เขา
มิได้หมายความว่าเขาจะละทิ้งสิ่งที่ดำรงชีวิตอยู่บนโลกนี้ ละทิ้งเสื้อผ้า อาหารและบ้าน แล้วไปพึ่งคนอื่น การที่เขาทุ่มเททำงานแล้วมีเงิน -แม้ว่าเขาจะมีมากมายก็ตาม- มันก็มิได้มีผลเสียอะไร แต่ทว่าผลเสียจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อดุนยาคือความตั้งใจและความปรารถนาของเขา และเขาคิดแต่ดุนยา เหมือนที่ท่านนบีย์ได้ขอดุอาว่า
"อย่าทำให้ดุนยาคือความตั้งใจของเรา และทำให้เราครุ่นคิดอยู่แต่มัน"
ท่านยังกล่าวอีกว่า
"หากท่านปล่อยให้ทายาทของท่านร่ำรวยย่อมดีกว่าปล่อยให้พวกเขาอัตคัดเที่ยวขอคนอื่น"
ฉะนั้นใครที่ความตั้งใจของเขาคืออาคิเราะห์ อัลลอฮฺจะรวมมันทั้งหมดให้กับเขา แล้วดุนยาจะเข้ามาหาเขาแม้นว่าเขาจะไม่ชอบมันก็ตาม แต่ทว่าใครที่ความตั้งใจของเขาคือดุนยา ในสายตาของเขาอัลลอฮฺจะทำให้เขาไม่รู้จักพอ แล้วพระองค์จะให้เขาเท่าที่พระองค์ได้กำหนด
คำสั่งเสีย 6
คำสั่งเสียหนึ่งของบรรพชนชาวสลัฟแด่คนหนุ่มสาว
อุกบะฮฺ บิน อบีย์ หะกีม เล่าว่า
“เรานั่งอยู่กับเอานฺ บิน อับดุลลอฮฺ แล้วเขาพูดกับเราว่า
คนหนุ่มเอย แน่นอนเราได้เห็นคนหนุ่มที่เสียชีวิต ไม่ต้องรอให้ถึงฤดูเก็บเกี่ยวตอนเคียวทำหน้าที่เมื่อสุกงอม”
หมายถึง ใครที่อยู่ในช่วงวัยนี้พร้อมจะถูกตัดเพราะพืชผลเมื่อสุขงอมก็ได้เวลาเก็บเกี่ยวเช่นเดียวคนแก่ชราที่ความตายของเขาใกล้เข้ามาเต็มที อุกบะฮฺต้องการเตือนคนหนุ่มว่า อย่าหลงระเริงคิดว่าอายุของเขาจะยืน เพราะคนส่วนมากเมื่อเห็นคนแก่ชรามักคิดว่าจะอยู่ถึงวัยนั้น เขาจึงเพิกเฉยอะไรหลายๆอย่าง ผัดวันประกันพรุ่ง เหมือนบทกวีได้กล่าวไว้
“คนแก่ชราเพียงคนเดียวทำให้ชนกลุ่มหนึ่งหลงระเริง
ลืมความตายของคนหนุ่ม”
ในความหมายทำนองนี้ หะสัน อัล บัศรีย์ถามผู้ที่นั่งร่วมกับเขาซึ่งมีทั้งคนหนุ่มและคนชราว่า
“คนแก่ชราเอย พืชผลเมื่อสุกงอมจะรออะไรอีก ? พวกเขาตอบว่า ตัด แล้วเขาก็บอกกับคนหนุ่มว่า คนหนุ่มเอย บางที่ความเสียหายมันอาจเกิดขึ้นก่อนถึงฤดูเก็บเกี่ยว”
มุสลิมควรมีสภาพเหมือนคำกล่าวที่ว่า
“เมื่อท่านอยู่ในยามเย็นก็อย่ารอให้ยามเช้ามาถึง เมื่ออยู่ในยามเช้าก็อย่ารอให้ยามเย็นมาถึง”
อิบนุ อัล เญาซีย์ กล่าวว่า
“คนที่ไม่รู้ว่าเมื่อไรความตายจะมาเยือนก็จงเตรียมตัว อย่าเพลินอยู่กับชีวิตในวัยหนุ่มและสุขภาพที่แข็งแรง เพราะวัยที่เสียชีวิตน้อยที่สุดคือวัยชรา และวัยที่เสียชีวิตมากที่สุดคือวัยหนุ่ม เหตุนี้คนในวัยชราจึงมีน้อย”
สิ่งยืนยันในเรื่องนี้เมื่อท่านลองพิจารณาดูครอบครัวต่างๆก็จะพบว่าผู้สูงวัยมีน้อย และวัยที่เสียชีวิตมากที่สุดคือคนในวัยหนุ่มและวัยเด็ก
คำสั่งเสีย 7
คำสั่งเสียหนึ่งจากบรรพชนชาวสลัฟแด่คนหนุ่มสาว
กอบูส บิน อบีศ็อบยาน เล่าว่า
“วันหนึ่งเราละหมาดตามหลังอบีศ็อบยานซึ่งเป็นละหมาดแรก พวกเราเป็นหนุ่มกันทุกคนจากหมู่บ้านยกเว้นคนอาซานที่แก่ชรา พอให้สลามเขาหันมาถามพวกเรา คนนั่นชื่ออะไร ? คนนี่ล่ะชื่ออะไร ? แล้วพูดต่อ -กระตุ้นพวกเขา- ว่า นบีย์ถูกแต่งตั้งตอนหนุ่มๆ ไม่มีใครได้รับความรู้ดีกว่าท่านขณะที่ท่านยังหนุ่ม”
เขาเตือนให้บรรดาคนหนุ่มฉวยโอกาสของความดี ความจำเริญในวัยหนุ่มเพราะมันคือโอกาสสำคัญสำหรับกักตุนเสบียง ใช้กำลังและกระตือรือร้น
คำสั่งเสีย 8
อีหม่ามอะหฺมัด รายงานไว้ในหนังสือ "อัล วะเราะอฺ" จากอับดุ้ลวะฮาบ อัล ษะเกาะฟีย์ เล่าว่า
“อัยยูบ หมายถึง อัล สัคติยานีย์ ออกมาพูดกับพวกเราว่า ‘บรรดาคนหนุ่มเอย จงทำงาน มันไม่มีความจำเป็นที่พวกท่านจะไปบ้านของพวกคนเหล่านั้น’ แล้วเขาระบุชื่อคนที่เขาไม่ชอบ”
หมายถึงสำหรับคนหนุ่มที่กำลังศึกษาหาความรู้ควรประกอบอาชีพหาเงินเพื่อเลี้ยงตัวเอง ต่อไปก็เป็นครอบครัวและลูก อย่าเป็นคนที่ไปพึ่งพาคนอื่น โตขึ้นจะได้ไม่ไปหาคนนั่น คนนี้เพื่อขอความช่วยเหลือเพราะริสกีที่มีบารอกัต มีประโยชน์และดีที่สุดคือริสกีที่ได้มาด้วยน้ำพักน้ำแรงของตน
คำสั่งเสีย 9
ส่วนหนึ่งจากคำสั่งเสียของบรรพชนชาวสลัฟแด่คนหนุ่มสาว
ญะฟัร เล่าว่า “ษาบิต อัล บุนานีย์ ออกมายังพวกเรา เขานั่งหันหน้าไปทางกิบละฮฺแล้วพูดว่า ‘คนหนุ่มเอย พวกท่านขัดขวางฉันมิให้สูญูดต่ออัลลอฮฺ’ เขาเป็นคนชอบละหมาดมาก”
เขาต้องการบอกว่า คนหนุ่มบางคนที่มารวมตัวกันที่มัสยิดโดยใช้โอกาสการนี้พูดคุย ขณะที่ข้างๆพวกเขามีคนกำลังทำอิบาดะฮฺต่ออัลลอฮฺ มีความสุขและสงบนิ่งในการละหมาดแต่กลับถูกพวกเขาขัดขวาง พวกเขาไม่ทำอิบาดะฮฺ ไม่รำลึกถึงอัลลอฮฺแล้วยังส่งเสียงรบกวนคนที่มาทำอิบาดะฮฺ
เหตุนี้สิ่งที่คนหนุ่มจะต้องตระหนัก คือจะต้องคำนึงถึงข้อปฏิบัติในมัสยิด สถานะของคนที่อยู่ในมัสยิดเพื่อพวกเขาจะได้ไม่คิดถึงสิ่งอื่นนอกจากการอิบาดะฮฺ ความสงบนิ่งและความสำรวมตนในละหมาด
นอกจากนี้เครื่องมือสื่อสารในยุคปัจจุบันที่คนหนุ่มนำติดกระเป๋ามา บางทีเสียงเรียกเข้าอาจรบกวนคนที่กำลังละหมาด หรือการรับสายและอื่นๆที่สร้างความรำคาญและทำให้การละหมาดของเขาไม่มีความสงบนิ่ง
คำสั่งเสีย 10
คำสั่งเสียหนึ่งจากบรรพชนชาวสลัฟแด่คนหนุ่มสาว
มูฮัมหมัด บิน สูเกาะฮฺ เล่าว่า “ฉันพบมัยมูน บิน เมียะฮฺรอน แล้วทักทายว่า 'ขอให้ท่านมีชีวิตที่ยังยืน' เขาตอบว่า ‘นี่หรือ คำทักทายของคนหนุ่ม จงให้สลามเถิด’ ”
หะดีษจากท่านนบีย์ “ใครพูดก่อนให้สลามก็อย่าไปตอบเขา”
ที่เขาพูดว่า “นี่หรือ คำทักทายของคนหนุ่ม” หมายถึง คนหนุ่มบางคนนิยมชมชอบคำทักทายและเห็นว่ามันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดในการ(ใช้)พบปะพี่น้องเพื่อนฝูง แล้วทิ้งการให้สลาม เขาเริ่มคำทักทายบางคำที่เขาชอบ บางทีก็หยุดอยู่แค่นั้นไม่ให้สลาม บางทีสลามหลังจากที่ทักทายนั้นแล้ว
คำสั่งเสีย 11
คำสั่งเสียหนึ่งจากบรรพชนชาวสลัฟ
อบีย์ อัลมะเลียะหฺ เล่าว่า “มัยมูน บิน เมียะหฺรอนพูดกับพวกเราขณะที่พวกเรานั่งล้อมเขา ‘บรรดาคนหนุ่มเอย จงใช้พละกำลังในตอนวัยหนุ่มและใช้ความกระตือรื้อร้นในการเชื่อฟังอัลลอฮฺ โอ้บรรดาคนแก่ชรา จนกว่าจะถึงเมื่อไร’”
เขาสั่งเสียให้ใช้พละกำลังและความกระฉับกระเฉงในตอนที่ยังหนุ่มเชื่อฟังอัลลอฮฺและสิ่งที่ทำให้เข้าใกล้พระองค์
แล้วเขาพูดต่อว่า “โอ้บรรดาคนแก่ชรา จนกว่าจะถึงเมื่อไร” หมายถึง จะรอให้ถึงเมื่อไร ทำไมไม่ใช้โอกาสตอนยังมีชีวิตเชื่อฟังอัลลอฮฺ ?
คำสั่งเสีย 12
ฟิรยาบีย์ เล่าว่า “สุฟยาน อัล เษารีย์ ละหมาดเสร็จแล้วหันมาพูดกับคนหนุ่ม ‘หากไม่ละหมาดเสียตอนนี้ แล้วจะละหมาดกันตอนไหน’”
สุฟยาน อัล เษารีย์ สั่งเสียคนหนุ่มซึ่งเป็นคำสั่งเสียที่สำคัญให้ใช้ความหนุ่มของพวกเขาเชื่อฟังอัลลอฮฺ หากคนหนุ่มไม่สูญูดต่ออัลลอฮฺตอนที่ยังหนุ่ม บางทีเขาอาจจะอ่อนแอในช่วงวัยหนึ่งของชีวิตแล้วอยากสูญูดขึ้นมาแต่ทำไม่ได้เนื่องจากกำลังที่ถดถอยหรือเจ็บป่วยของเขาไม่สามารถสูญูดได้ เหตุนี้เขาจึงบอกว่า
“หากไม่ละหมาดเสียตอนนี้ แล้วจะละหมาดกันตอนไหน”
คำสั่งเสีย 13
รอบีอะฮฺ บิน กุลษูม เล่าว่า “หะสันมองมายังเราขณะที่พวกเราคนหนุ่มห้อมล้อมเขาแล้วเขาก็พูด ‘คนหนุ่มเอย พวกท่านต้องการหูรุ้ลอีนไหม ?’”
คำพูดที่ดึงดูดความสนใจเป็นเสน่ห์ของหะสัน อัล บัศรีย์ โดยเขาได้บอกคนหนุ่มถึงความสุขสบายในสวรรค์ซึ่งมีหูรุ้ลอีน -หญิงสาวในสวรรค์- เพื่อกระตุ้นให้อยากเข้าสวรรค์ เมื่อสิ่งนี้อยู่ในใจของคนหนุ่มมันจะช่วยผลักดันเขาให้มีแรงพยายามทำเพื่ออาคิเราะห์ อัลลอฮฺ กล่าวว่า
((ใครต้องการอาคิเราะห์และขวนขวายมันขณะที่เขาเป็นผู้ศรัทธา ความพยายามของพวกเขาจะได้รับการตอบแทน))
คำสั่งเสีย 14
หะสัน อัล บัศรีย์ กล่าวว่า
“คนหนุ่มเอย อย่าได้พลัดวันประกันพรุ่ง : ฉันจะทำ ฉันจะทำ”
ที่เขาพูดว่า “อย่าพลัดวันประกันพรุ่ง” การพลัดวันประกันพรุ่งเป็นโรคที่มาทำลายคนหนุ่มสาวมานักต่อนักแล้ว เช่น บางคนพูดว่า “ฉันจะกลับตัว” “ฉันจะรักษาละหมาด” “ฉันจะทำดีต่อพ่อแม่” แต่ทว่าเขาไม่เคยทำ ไม่เคยฉวยโอกาส ได้แต่ฉันจะทำ เมื่อเขาตั้งใจจะกลับตัว หรือรักษาละหมาด และอื่นๆ โรคนี้จะทำให้เขาหันเหจากความดี แล้วเขาก็ได้แต่ฉันจะทำจนกระทั่งเลยวัยหนุ่ม เลยเวลาที่จะฉวยโอกาสทำสิ่งที่ดีในวัยนี้
บางคนจะเตาบัตกระทั่งไม่เหลือเวลาในชีวิต ความตายก็มาเยือนก่อนที่เขาจะเตาบัต
คำสั่งเสีย 15
หัฟเศาะฮฺ บินติ สิรีน กล่าวว่า
“โอ้คนหนุ่ม จงมุ่งมั่นขณะที่ยังหนุ่มเพราะฉันไม่เห็นการงานเว้นแต่ในตอนหนุ่ม”
ที่นางพูดว่า “ฉันไม่เห็นการงานเว้นแต่ในตอนหนุ่ม” หมายถึง ช่วงวัยหนุ่มเป็นวัยกำลังดีในการฉวยโอกาส หากเขาไม่ฉวยโอกาสในวัยนี้แล้วใช้ชีวิตหมดไปกับความสนุกสนานทำตามความต้องการของอารมณ์โดยเฉพาะอย่างยิ่งหมดไปกับสิ่งหะรอม ทำให้ชีวิตในวัยนี้ต้องทนทุกข์เพราะเขาทำผิดในวัยหนุ่มและอนาคตของเขาเหมือนคำพูดที่ว่า
“ความต้องการของอารมณ์ในวัยหนุ่มคือความสุข
พอแก่เฒ่ากลับกลายเป็นความทุกข์”
เพราะคนทำเขาเห็นว่าสิ่งที่อารมณ์ต้องการในวัยหนุ่มคือความหอมหวาน พอโตขึ้นสิ่งที่เขาเคยเห็นว่าดีกลับกลายเป็นความทุกข์เพราะมีบันปลายที่น่ากลัว
วัยหนุ่มเป็นวัยที่สำคัญในชีวิต เขาจะต้องฉวยโอกาสในวัยนี้ พยายามอย่าให้พลาดความดี ความบารอกัตของวัยนี้ไป เขาจะต้องขอความช่วยเหลือจากอัลลอฮฺ เตือนตัวเองว่า ในวันที่ไปพบกับอัลลอฮฺ พระองค์จะถามเขาเกี่ยวกับวัยนี้
นี่คือทั้งหมดที่รวบรวมไว้ในเรื่องนี้ ฉันขอต่ออัลลอฮฺด้วยกับพระนามที่ดีและคุณลักษณะอันสูงส่งของพระองค์โปรดเตาฟีกให้เราทำสิ่งที่พระองค์รักและพอใจจากคำพูดที่ถูกต้อง การงานที่ดีและได้โปรดเปลี่ยนแปลงตัวของเรา อย่าทิ้งเราไว้ตามลำพังแม้เพียงเสี้ยววินาทีและได้โปรดให้ทางนำเราสู่หนทางที่เที่ยงตรง ขอการสดุดีแห่งอัลลอฮฺแด่นบีย์ของเรา มูฮัมหมัดตลอดจนบรรดาเครือญาตและมิตสหายของท่านทั้งหมด
โฆษณา