19 ก.พ. 2024 เวลา 23:07 • หุ้น & เศรษฐกิจ

ทำความเข้าใจ Velocity of Money การหมุนเวียนของเงินบอกอะไรเรา

Velocity of Money หรือความเร็วการหมุนเวียนของเงินในระบบเศรษฐกิจ หากสมมุติว่าเงินในระบบเศรษฐกิจเหมือนกับสายน้ำที่ไหลริน Velocity of Money หรือการหมุนเวียนของเงิน ก็เปรียบเสมือนความเร็วของสายน้ำ
เป็นตัวชี้วัดทางเศรษฐศาสตร์ที่ช่วยให้เราเข้าใจและทราบถึงอัตราที่เงินเปลี่ยนมือหรือหมุนเวียนภายในระบบเศรษฐกิจ ครั้งนี้จะพามาทำความรู้จักและอธิบายคำว่า Velocity of Money ให้เข้าใจกันแบบง่ายๆ
Velocity of Money หรือความเร็วการหมุนเวียนของเงิน จะเป็นการวัดความเร็วของเงินที่ถูกใช้จ่ายภายในระบบเศรษฐกิจ ซึ่งแสดงถึงความถี่ของการใช้หน่วยสกุลเงินในการซื้อสินค้าและบริการในช่วงเวลานั้นๆ
ตัวเลขการหมุนเวียนของเงิน บอกอะไรกับเรา?
ตัวเลขการหมุนเวียนที่สูง จะสะท้อนถึงเศรษฐกิจที่คึกคัก มีผู้คนใช้จ่ายเงินซื้อสินค้าและบริการในระบบเศรษฐกิจและเงินมีการเปลี่ยนมือในระดับสูง ซึ่งจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจโดยรวม
กลับกันตัวเลขการหมุนเวียนที่ต่ำก็จะสะท้อนเศรษฐกิจย่ำแย่หรือชะลอตัว ซึ่งจะไม่ได้ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจโดยรวมเท่าไหร่นัก
และนอกจากจะสะท้อนถึงการใช้จ่ายของผู้บริโภคและธุรกิจแล้ว อัตราการหมุนเวียนของเงินยังสะท้อนถึงภาวะเงินเฟ้อหรือเงินฝืดได้อีกด้วย
เพราะว่า เศรษฐกิจที่คึกคักหรือตัวเลขการหมุนเวียนที่สูง แสดงถึงกำลังบริโภคและความสามารถในการใช้จ่ายหรือไล่ราคาสินค้าและบริการต่างๆ ซึ่งหากตัวเลขการหมุนเวียนอยู่ระดับสูงเป็นเวลานาน มันมักจะตามมาด้วยอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น
ในทางกลับกัน เศรษฐกิจที่ย่ำแย่หรือตัวเลขการหมุนเวียนที่ต่ำ ก็สะท้อนถึงสิ่งที่ตรงกันข้าม หรือก็คือ ภาวะเงินฝืด นั่นเอง
เราจะทราบได้อย่างไรว่าระบบเศรษฐกิจมีอัตราการหมุนเวียนของเงินสูงหรือต่ำ?
โดยทั่วไปเราจะทราบถึงอัตราการหมุนเวียนของเงินแบบที่ง่ายที่สุด ด้วยการคำนวณจากอัตราส่วนของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) หารด้วยปริมาณเงิน M1 หรือ M2 ของประเทศนั้นๆ
ตัวอย่างเช่น
สมมุติว่าประเทศ A มี GDP 100,000 ล้านบาท และปริมาณเงิน M1 อยู่ที่ 50,000 ล้านบาท
อัตราการหมุนเวียนของเงิน M1 จะเท่ากับ 10 ล้านบาท / 5 ล้านบาท
เท่ากับว่าอัตราการหมุนเวียนของเงิน M1 ของประเทศ A ตือ 2
แต่โดยทั่วไปแล้วอัตราการหมุนเวียนของเงินจะไม่ได้มีเกณฑ์ตายตัวว่า สูงหรือต่ำเท่าใดถึงถือว่าดีหรือแย่ เราจะใช้อัตราการหมุนเวียนของเงินเพื่อการประเมินและทำความเข้าใจสุขภาพของระบบเศรษฐกิจว่าเป็นอย่างไร หรือใช้เพิ่อหาความสอดคล้องในภาคส่วนอื่นๆ
ตัวอย่างเช่น
สมมุติว่า รัฐบาลของประเทศ A มีการดำเนินนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบปริมาณมาก แต่อัตราการหมุนเวียนของเงิน M1 ไม่ได้เพิ่มขึ้นมากตามไปด้วย
นั่นอาจหมายความว่า สภาพคล่องหรือเงินที่รัฐบาลอัดฉีดเข้ามาในระบบ ไม่ได้มีการกระจายตัวในระบบเศรษฐกิจ ซึ่งอาจอนุมานได้ว่าเกิดการกระจุกตัวของเงินในที่ใดที่หนึ่งในระบบเศรษฐกิจนั่นเอง
  • ปัจจัยที่ส่งผลต่อความเร็วการหมุนเวียนของเงิน
- พฤติกรรมผู้บริโภค
ผลกระทบจากพฤติกรรมการใช้จ่ายของผู้บริโภคและธุรกิจจะเป็นตัวชี้วัดหลักของการประเมินการหมุนเวียนของเงิน
เช่น หากผู้บริโภคให้ความสำคัญกับการออมมากกว่าการใช้จ่าย ความเร็วของการทำธุรกรรมจะน้อยลงและทำให้การหมุนเวียนของเงินนั้นลดลง แนวโน้มของภาวะเงินฝืดก็จะมีเพิ่มขึ้น
กลับกันหากผู้บริโภคให้ความสำคัญกับการใช้จ่าย การหมุนเวียนของเงินก็จะเพิ่มขึ้น ซึ่งอาจตามมาด้วยเงินเฟ้อ
ซึ่งเราอาจประเมินแบบง่ายๆ ด้วยการหาข้อมูลตัวเลขความเชื่อถือของผู้บริโภคเพื่อให้สามารถทำความเข้าใจการหมุนเวียนของเงินได้มากขึ้น
- นโยบายการเงินและการคลังของประเทศ
นโยบายการเงินและการคลังของประเทศ เป็นอีกตัวชี้วัดที่กำหนดแนวโน้มของปริมาณเงินในระบบเศรษฐกิจ
เช่น หากธนาคารกลางมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายหรือดึงสภาพคล่องออกจากระบบเศรษฐกิจ (Quantitative Tightening) จะทำให้ความเร็วการหมุนเวียนของเงินลดลง
เนื่องจากปริมาณเงินจะถูกดึงออกจากระบบเศรษฐกิจ และการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายจะทำให้เงื่อนไขทางการเงินยากขึ้น เป็นผลให้การขยายตัวเครดิตหรือการปล่อยสินเชื่อใหม่ (Credit Impulse) ของธนาคารน้อยลง ซึ่งเป็นเหมือนการลดการเกิดปริมาณเงินในระบบเศรษฐกิจนั่นเอง
- ระบบการชำระเงิน
ปัจจัยที่เข้าใจง่ายที่สุดอย่างระบบการชำระเงิน ก็เป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อการหมุนเวียนของเงิน
โดยความพร้อมและไม่พร้อมของระบบการชำระเงิน รวมถึงการเข้าถึงเครดิตหรือธนาคารดิจิทัล จะเป็นตัวบ่งบอกแนวโน้มในการทำธุรกรรมของผู้บริโภคและธุรกิจ ซึ่งมีผลต่อความเร็วการหมุนเวียนของเงินโดยรวมเช่นกัน
โดยสรุปแล้ว ด้วยการประเมินและวิเคราะห์ความเร็วการหมุนเวียนของเงินและตีความผลลัพธ์ในบริบทของปัจจัยทางเศรษฐกิจ จะทำให้เราเข้าใจและทราบถึงสุขภาพของระบบเศรษฐกิจได้อย่างกระจ่างและชัดเจนยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ดี เพื่อให้เราสามารถประเมินและวิเคราะห์ได้อย่างถูกต้อง เราจำเป็นต้องมีความรู้ความเข้าใจในเรื่องปริมาณเงิน M1 M2 และนโยบายการเงินและการคลังของประเทศ รวมถึงตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจอื่นๆด้วย
เพื่อความเข้าใจที่ครอบคลุมมากขึ้นเกี่ยวกับความเร็วการหมุนเวียนและบทบาทของเงินในบริบททางเศรษฐกิจอื่นๆ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา