20 ก.พ. 2024 เวลา 12:46 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์

“wonder แน่นอนว่าใครต่างก็ใฝ่ฝันจะเป็นคนพิเศษสำหรับโลกนี้”

แต่ถ้าเป็นความพิเศษที่ทุกคนหยิบยื่นให้ตั้งแต่ได้พบหน้าละ คุณจะยังอยากได้มันไหม ?
wonder หนังสร้างแรงบันดาลใจ ที่จะทำให้เราพิเศษมากกว่าเดิม
wonder ภาพยนตร์แนว drama , family movie ที่ถ่ายทอดเรื่องราวผ่านตัวละคร อ๊อกกี้ เด็กชายที่เกิดมาพร้อมกับใบหน้าที่ไม่สมบูรณ์ จากความผิดปกติของโครโมโซม ทำให้ทุกคนไม่กล้าที่จะเข้าใกล้ จนเขาต้องใส่หมวกนักบินอวกาศปิดบังใบหน้าของตัวเองอยู่เสมอ จนเมื่อเขาขึ้นป.5 แม่ก็ส่งเขาไปโรงเรียน เหตุการณ์นี้ได้นำพาอ๊อกกี้ไปเจอกับความพิเศษครั้งใหม่ที่เขาไม่เคยเจอมาก่อน ทั้งเพื่อน ครู สังคม และความจริงของโลกใบนี้
หากจะกล่าวว่าภาพยนตร์เป็นกระจกสะท้อนสังคม เราว่า wonder ก็คงเป็นกระจกบานใหญ่ ที่สามารถสะท้อนสังคมนี้ได้อย่างดี ในตอนแรกเราจะได้เห็นมุมมองของอ๊อกกี้ที่โดนคนในสังคมบุลลี่ กลั่นแกล้ง หรือแม้แต่เพื่อนไม่อยากคุยด้วย ทำให้เรารู้สึกโกรธและไม่เข้าใจตัวละครอื่น ว่าทำไมถึงเลือกทำอย่างนี้
แต่สิ่งที่หนังทำต่อมาคือการพาเราไปอยู่ในมุมมองของตัวละครอื่นๆ ทั้งเรื่องปัญหาครอบครัว ที่สะท้อนผ่านพี่สาวที่ไม่เคยได้รับความสนใจจากพ่อแม่ จนทำให้เขารู้สึกโดดเดี่ยว , แจ๊ก วิลล์ เพื่อนของอ๊อกกี้ ที่เผลอทำไม่ดีกับเขาเพราะต้องการให้คนรอบข้างยอมรับ , มิแรนด้า เพื่อนของพี่สาว ที่แต่งเรื่อง เพราะอยากให้มีคนสนใจ หรือแม้แต่ จูเลี่ยน คนกลั่นแกล้ง อ๊อกกี้ตลอดทั้งเรื่อง
ก็โดนสอนมาจากครอบครัวว่าสิ่งเหล่านี้มันเป็นเรื่องปกติอยู่ดี แม้จะรู้สึกผิดครอบครัวก็ยังคิดว่าเอาเงินจ่ายเรื่องก็จบลง ดังนั้นเมื่อดูจบสิ่งที่ได้มาจากเรื่องนี้อาจจะไม่ใช่การรณรงค์ให้เลิกบุลลี่ หรือเรื่อง beauty standard แต่จริงๆหนังคงกำลังพยายามบอกเราว่า โลกนี้มันมีหลายด้านต่างหาก เราไม่มีทางจะเห็นทุกด้านได้หมด เพราะเราทุกคนล้วนมีเรื่องราวเป็นของตัวเอง เราต่างต้องต่อสู้ดิ้นรน เพราะงั้นถ้าเราอยากเข้าใจคนอื่น เราต้องเปิดตามอง แล้วเราก็จะเห็นความพิเศษที่ซ่อนอยู่
นอกจากความโดดเด่นด้านบทแล้ว wonder ยังมีการจัดวางองค์ประกอบภาพที่สวย โทนสีที่อบอุ่น และการใช้สัญลักษณ์เพื่อสื่อความหมายตลอดทั้งเรื่อง เช่น หมวกนักบินอวกาศ ที่แสดงถึงการปิดกั้นของสังคม การปกปิด การซ่อนเร้นตัวตนของอ๊อกกี้ หรือการใช้ motto ในการนำเรื่องเพื่อให้คนดูพอเดาทางได้ว่าจะเกิดอะไรต่อในฉากต่อไป รวมถึงการแสดงของนักแสดงในเรื่องก็สามารถถ่ายทอดอารมณ์ของตัวละครได้เป็นอย่างดี
แต่หากพูดถึงการลำดับเรื่อง wonder ก็ยังมีหลายจุดที่ทำให้เรารู้สึกว่าหนังดำเนินเรื่องไปได้ช้า หรือเอื่อยจนเกินไป ทำให้เรารู้สึกหลุดออกมาจากตัวหนังได้หลายครั้ง รวมถึงกราฟการเล่าเรื่องก็ค่อนข้างเรียบ ไม่ค่อยมีจุด climax ให้เราได้ตื่นเต้นเท่าไหร่นัก จะเน้นเป็นการเล่าโดยภาพรวมซะมากกว่า เรามองว่าถ้าหนังมีการใส่จุด conflict ใหญ่เพิ่มเข้ามา อาจจะทำให้หนังมันติดอยู่ในใจของผู้ชมได้มากกว่าเดิม และจะยิ่งชูข้อคิดหลักของเรื่องให้เด่นชัดได้มากขึ้น
โดยรวมแล้วหนังเรื่องนี้ก็ยังทำให้เรารู้สึกประทับใจ และตราตรึงอยู่ในใจได้ ถ้าจะต้องแนะนำหนังสักเรื่องที่สามารถดูได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ wonder ก็คงเป็นตัวเลือกแรกๆที่ขึ้นมา เพราะนอกจากความสนุก หนังเรื่องนี้คงมอบมุมมองที่พิเศษ ให้กับคนพิเศษทุกคนที่ได้ดูมันเช่นกัน
โฆษณา