22 ก.พ. เวลา 11:54 • หุ้น & เศรษฐกิจ

"DR" ทางเลือก(รอด)ตลาดหุ้นไทย

พึ่งผ่านพ้นปีใหม่มา แปปๆเวลาก็ล่วงเลยจนใกล้จะผ่านเดือนที่2 ของปี2567 ไปแล้วครับ หากจะพูดถึงภาพรวมของตลาดหุ้ยไทยนั้น ต้องยอมรับเลยว่า แม้จะผ่านเข้าปีพ.ศ.ใหม่ แต่ภาพรวมของตลาดหุ้นไทยกลับไม่ได้ไปไหนเลย
ปัจจัยหลักๆที่ทำให้หุ้นไทยไม่ไปไหนนั้น คงเป็นเรื่องบริบทของเศรษฐกิจไทย เพราะดูจากตัวเลข GDP ปี2566 ที่ประกาศออกมาอยู่ที่ 1.90% ต่ำกว่าคาดที่ 2.20-2.50%
พิจารณาด้านกำไรของบริษัทจดทะเบียน โดยส่วนมากก็ออกมาต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ จนเกิดการหั่นกำไรของตลาดตามมา โดยล่าสุดข้อมูลจาก Bloomberg Consensus กำไรต่อหุ้นของ SET Index โดนปรับลดลงมาจากระดับ 100-105 ในช่วงตุลาคมปี2566 ลงเหลือ 95.8 บาท/หุ้นในปัจจุบัน
ลองคำนวณเป้าหมายของดัชนีตลาดที่เหมาะสมด้วย PE ค่าเฉลี่ยราวๆ 14-15x ก็จะได้ SET เหมาะสมแถวๆ 1,341 - 1,437 จุด (อันนี้แล้วแต่มุมมองบวก/ลบของแต่ละคนในการให้ PEครับ)
ด้านพื้นฐานเศรษฐกิจนั้นไม่ต้องพูดถึง มีแค่การท่องเที่ยวที่ดีเท่านั้น ด้านงบจากรัฐเบิกจ่ายล่าช้า นโยบายการคลังไม่มา แบ้งก์ชาติยืนยันไม่ลดดอกเบี้ย เพราะปัญหาที่เรากำลังเผชิญ เป็นปัญหาเชิงโครงสร้าง เป็นผลมาจากการที่ธุรกิจนั้นกำลังสูญเสียความสามารถในการแข่งขัน ที่สะท้อนภาพของการผลิตฯได้เป็นอย่างดี
ปัญหาทั้งหมดเลยสะท้อนออกมาผ่านดัชนีตลาดหุุ้นไทย ตลอด 10 ปีที่ผ่านมาพบว่า ดัชนีหุ้นไทยไม่ได้ไปไหน แต่อยู่ที่เดิมในกรอบ 1,300-1,600 จุด
พอเทียบกับตลาดหุ้นประเทศอื่นแล้ว การลงทุนในตลาดหุ้นไทยนั้น กลับไม่ได้ให้ผลตอบแทนที่ดีเท่าไหร่นัก นักลงทุนหลายๆท่านเลยได้มีการตัดสินใจไปลงทุนในตลาดต่างประเทศมากขึ้น
การลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศ ดูเหมือนจะเป็นโอกาสและทางเลือกใหม่ให้กับนักลงทุน แต่งานดันงอกขึ้นมาซะก่อน
เมื่อช่วงปลายปี66 ที่ผ่านมานั้น สรรพากรประกาศจัดเก็บภาษีกำไรจากการลงทุนหุ้นนอก โดยมีการประกาศบังคับใช้ตั้งแต่ 1 ม.ค. 67 เปํนต้นไป
เรื่องนี้จึงเป็นอุปสรรคสำคัญของการลงทุนหุ้นต่างประเทศ เพราะเดิมทีนั้น กำไรที่ได้จากการลงทุนจะได้รับการยกเว้นฯ หากนำกลับมาในคนละปีภาษีกัน แต่หลังประกาศฉบับนี้ออกมา กำไรจะต้องนำมารวมกับเงินได้เพื่อเสียภาษีบุคคลธรรมดา ทึ่อาจจะเสียมากสุดถึง 35% ทั้งนี้ยังต้องรอความชัดเจนต่อหลักเกณฑ์และวิธีการจากสรรพากรต่อไป
ทำให้การลงทุนหุ้นต่างประเทศนั้น เลยดูเหมือนจะไม่คุ้มเสีย เพราะอาจจะเสียภาษีในอัตราที่สูงเกินไป ประเด็นนี้จึงส่งผลให้ทางเลือกของนักลงทุนดูเหมือนจะลดลงไปอีกครับ
การลงทุนนอกอีกวิธีหนึ่ง หลายๆท่านน่าจะรู้จักกันดีอยู่แล้ว นั่นคือ การลงทุนผ่านกองทุนรวมที่มีนโยบายลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศครับ แต่กองทุนรวมนั้นส่วนมากจะเป็นการลงทุนตามดัชนีรวม หรือจะเป็นรายตัวผ่านธีมการลงทุน(Thematic) ทำให้กองทุนรวมอาจจะไม่ได้ตอบโจทย์เหมือนพอร์ตการลงทุนต่างประเทศ ที่สามารถเลือกซื้อหุ้นรายตัวได้
นอกจากกองทุนรวม อีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมานี้ คือ การลงทุนหุ้นต่างประเทศผ่านรูปแบบตราสารที่เรียกว่า “DR” หรือ Depositary Receipt ตราสารแสดงสิทธิในหลักทรัพย์ต่างประเทศ
“DR”
เปรียบเทียบ DR vs Offshore - Cr.setInvestnow
DR จะเป็นอีกหนึ่งทางรอดของนักลงทุนไทย เพราะ DR ถูกออกโดย บล.หรือธนาคารในไทย ทำให้ไม่เข้าเกณฑ์การลงทุนต่างประเทศที่ต้องเอากำไรมาคำนวณภาษี
DR คือ ตราสารแสดงสิทธิ์ในหลักทรัพย์ต่างประเทศ การลงทุนผ่าน DR แทบไม่ได้ต่างจากการลงทุนในหลักทรัพย์อ้างอิงนั้นโดยตรงเลย เพราะว่าการลงทุนผ่าน DR จะมีโอกาสได้รับผลตอบแทนผ่านทั้ง
1) ส่วนต่างราคา
2) เงินปันผล
ส่วนปัจจัยที่กำหนดราคาของ DR นั้น จะมาจาก
1) ราคาหลักทรัพย์อ้างอิง และ
2) อัตราแลกเปลี่ยน
เพราะ DR ซื้ิอขายด้วยสกุลเงินบาทที่คิดจากสินทรัพย์อ้างอิงมาแล้วครับ
นักลงทุนหุ้นไทยที่คุ้นชินกับการซื้อขายหุ้นผ่าน Streaming อยู่แล้ว อาจจะยังไม่รู้ว่า ตอนนี้ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(SET)ของเรานั้น ได้มีการจดทะเบียน DR เข้ามาให้เราเลือกลงทุนได้
และจากที่ผมได้ติดตามมานั้น พบว่า DR ในตลาดกำลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ มีตั้งแต่หุ้นรายตัวและกอง ETF เลยครับ
ตัวอย่าง DR ในปัจจุบัน
Cr.Streaming
ถ้าท่านไหนมีพอร์ตการลงทุนอยู่แล้ว สามารถซื้อ-ขาย DR ตัวที่ท่านสนใจผ่านตลาดหุ้นได้เลย โดยที่ไม่ต้องเปิดบัญชีเพิ่ม ท่านสามารถซื้อ-ขายได้เหมือนกับหุ้นไทยปกติเลยแหละครับ
ปัจจุบันนี้ DR ใน SET จะออกอ้างอิงกับหลักทรัพย์ในฝั่งของ Asia เป็นหลัก เช่น หุ้นรายตัวใน Hang Seng และดัชนีตลาดตลาดหุ้นอย่าง ฮ่องกง, จีน, เวียดนามและญี่ปุ่น ซึ่งผมเข้าใจว่าเป็นเพราะข้อจำกัดของเวลาเปิด-ปิดทำการของ SET 09.30-17.00 น.ครับ
แต่ตลาดหุ้นที่อยู่ในโฟกัสของนักลงทุนลงนั้น คือ ตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกา แต่เวลาเปิดทำการซื้อขายดันเป็รนช่วงที่ตลาดหุ้นไทยปิดพอดี ตลาดหลักทรัพย์จึงออกระบบใหม่ขึ้นมาเพื่อรองรับ DR ที่อ้างอิงกับเวลาซื้อขายของตลาด US นั่นก็คือ DRx นั่นเอง
“DRx”
จุดเด่นของ DRx - Cr.Set.or.th
DRx หรือ Fractional DR คือ ระบบใหม่จาก Streaming สำหรับท่านที่สนใจซื้อ DRx ต้องเปิดบัญชีใหม่ก่อนครับ และข้อดีของ DRx คือ เราสามารถซื้อ DR ที่อิงกับหลักทรัพย์ US ได้ เพราะระบบจะเปิดช่วง 20.00 - 04.00 น. และนักลงทุนสามารถซื้อขาย DR ด้วยจำนวนขั้นต่ำ 0.0001 DR หรือซื้อแบบไม่เต็มจำนวนหุ้น ซื้อด้วยการระบุจำนวนเงินได้เลยครับ
ตัวอย่าง DRx ในปัจจุบัน
DRx - Streaming
ข้อแตกต่างระหว่าง DR และ DRx ครับ
DR vs DRx
”DR“ และ “DRx” จึงเป็นทางเลือกของนักลงทุน ที่อยากลงทุนในหุ้นรายตัวหรือดัชนีตลาดหุ้นอื่นๆที่ไม่ใช่ตลาดหุ้นไทย นับว่าเป็นอีกหนึ่งทางเลือกเพิ่มเติมจากกองทุนรวม
รวมถึงเป็นทางรอดระหว่างรอความชัดเจนจากสรรพากรครับ ซึ่งผมเชื่อว่า การพัฒนาของตลาดหุ้นไทยหลังจากนี้ เราจะได้เห็น DR และ DRx ใหม่ๆเข้ามาในตลาดอีกมากให้เราเลือกลงทุนได้เยอะขึ้นครับ
ผมเลยเขียนบทความนี้ขึ้นมาเพื่อแชร์เป็นข้อมูลเบื้องต้นให้สำหรับผู้ที่สนใจนะครับผม
หากใครสนใจลองศึกษาหาข้อมูลเพิ่มเติมได้เลยนะครับ และถ้าเห็นว่าบทความนี้เป็นประโยชน์ สามารถแชร์ไปให้เพื่อนๆนักลงทุนต่อได้นะครับผม
โฆษณา