26 ก.พ. เวลา 02:30 • ธุรกิจ

ใครเป็นคนคิด “ผัดไทยในน้ำซุป” เมนูที่คนไทยเห็นแล้วอยากส่ายหัว

แต่ละชาติ มีรสชาติ “ถูกปาก” ที่แตกต่างกัน
ดังนั้นเวลาที่เอาอาหารของชนชาติอื่นมาประยุกต์ จึงอดไม่ได้ที่จะทำการดัดแปลง เพื่อให้รสชาติเข้ากับปากคนในประเทศตัวเองมากที่สุด
1
แต่การดัดแปลงที่มากเกินไป ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้อาหารผิดเพี้ยนไปจากต้นตำรับ จนเจ้าของเห็นแล้วอยากส่ายหัว
1
เช่น พิซซาใส่สับปะรด, การหักเส้นสปาเกตตี หรือเมนูแกงเขียวหวานที่ Jamie Oliver เชฟชื่อดังใส่สารพัดผักจน Uncle Roger ยูทูบเบอร์ชื่อดังชาวมาเลเซียรับไม่ได้
และล่าสุด “อาหารไทย” ที่เรียกได้ว่าเป็นความภาคภูมิใจของบ้านเราอย่าง “ผัดไทย” กลับถูกนำไปดัดแปลงโดย Dr. Mcdougall’s Right Foods บริษัทอาหารสำเร็จรูป จนกลายเป็นเมนู “Pad Thai Noodle Soup” หรือ “ผัดไทยในน้ำซุป”
1
ที่น่าสนใจก็คือ เบื้องหลังของแบรนด์นี้ ก่อตั้งโดยคุณหมอ ผู้เชี่ยวชาญเรื่องโภชนาการ ที่สามารถช่วยคนที่ป่วยจากโรคเรื้อรังได้
1
ทำไมคุณหมอถึงมาทำธุรกิจอาหาร ?
แล้วแบรนด์ Dr. Mcdougall’s Right Foods น่าสนใจอย่างไร ? ลงทุนเกิร์ลจะเล่าให้ฟัง
Dr. Mcdougall’s Right Foods คือแบรนด์อาหารสำเร็จรูป ที่มีมากถึง 19 เมนู
ไม่ว่าจะเป็น ซุปผัดไทย, ราเม็นรสไก่ หรือบะหมี่กุ้งเผารสเผ็ด
ซึ่งปัจจุบัน บริษัทก็กำลังเดินทางเข้าสู่ปีที่ 31
โดยทุกเมนูของ Dr. Mcdougall’s Right Foods ล้วนเป็นอาหารสำหรับชาววีแกน ปรุงจากวัตถุดิบที่มีพืชเป็นส่วนประกอบทั้งหมด ปราศจากการตัดต่อพันธุกรรมและกลูเทน รวมทั้งยังมีโซเดียมน้อยสุด ๆ จนเรียกได้ว่าอาหารทุกถ้วย ถูกปรุงแต่งน้อยที่สุดจนใกล้เคียงกับธรรมชาติ
ซึ่งสูตรอาหารทั้งหมด ก็มาจากหนึ่งในผู้ก่อตั้งแบรนด์ หรือคุณหมอ John McDougall ผู้ที่ถูกขนานนามว่าเป็นบิดาของการ “รักษาสุขภาพด้วยธรรมชาติ”
และถ้าหากใครเคยศึกษาวิธีการรับประทานแบบ Plant-Based ก็คงจะรู้จักชื่อของคุณหมอ McDougall เป็นอย่างดี เพราะนอกจากจะเป็นคุณหมอแล้ว เขายังเป็นวิทยากรบรรยายเกี่ยวกับการรับประทานอาหารที่เป็นประโยชน์ด้วย
รวมทั้งยังเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังหนังสือทานอาหารเพื่อสุขภาพ ชื่อดังหลาย ๆ เล่ม ไม่ว่าจะเป็น “The Starch Solution” หรือ “The McDougall Program”
ซึ่งจุดเริ่มต้นธุรกิจอาหารวีแกนของคุณหมอ McDougall นั้น เกิดมาจากปัญหาสุขภาพที่เขาต้องเผชิญตั้งแต่อายุได้เพียง 18 ปี
โดยเขาเคยเป็นโรคเกี่ยวกับหลอดเลือดในสมอง จนส่งผลให้เขาเป็นอัมพฤกษ์ซีกซ้ายไป 2 สัปดาห์
แม้ว่าหลังจากนั้น เขาจะรักษาตัวจนกลับมาเป็นปกติได้ แต่อาการป่วยจากโรคร้ายในครั้งนั้น ก็ได้จุดประกายให้เขาอยากศึกษาต่อหลักสูตรการแพทย์ และได้เข้าศึกษาปริญญาตรีที่ Michigan State University’s College of Human Medicine ในที่สุด
ก่อนจะมาเป็นแพทย์ฝึกงานที่ Queen's Medical Center เมืองโฮโนลูลู รัฐฮาวาย ในปี 1972 และได้ทำงานที่ St. Helena Hospital ในเวลาต่อมา
ในขณะที่เขาทำงานที่โรงพยาบาล เขาก็ได้พบกับคนไข้ที่ป่วยโรคเรื้อรังหลายรูปแบบ ซึ่งบางครั้งหลาย ๆ คน ก็เพียงต้องการใบสั่งยาเพื่อให้อุ่นใจ ทั้ง ๆ ที่ร่างกายของพวกเขาไม่ต้องการยาเลยด้วยซ้ำ
ดังนั้น เขาจึงศึกษาและคิดค้นหลักสูตรการรับประทานอาหารที่ถูกโภชนาการ ร่วมกับคุณ Mary McDougall ภรรยาของเขา ซึ่งได้พบรักกันตั้งแต่สมัยเป็นนักศึกษาแพทย์ ปี 1 จนเกิดเป็น “McDougall Program” คอร์สคุมอาหารตัวแรก ในปี 2002
โดยวิธีของเขา 90% จะเน้นการรับประทานอาหารจากพืชที่มีแป้งสูง เช่น มันฝรั่ง, ถั่ว, ข้าวโพด และข้าว รวมทั้งผลิตภัณฑ์ที่ทำมาจากธัญพืชต่าง ๆ ส่วนอีก 10% จะเป็นผักและผลไม้
ซึ่งเขาอ้างว่า หากปฏิบัติตามหลักสูตรนี้ จะสามารถลดค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการรักษาสุขภาพ ได้มากถึง 44%
เรื่องนี้ทำให้คุณหมอ McDougall ได้รับเชิญไปบรรยายในโรงพยาบาลหลาย ๆ แห่ง
ปัจจุบัน เขาได้นำโปรแกรมนี้มาทำเป็นธุรกิจอย่างจริงจัง ที่มีชื่อว่า “McDougall Program” คอร์สควบคุมอาหาร 12 วัน ในราคา 1 แสนบาท ซึ่งมีผู้เข้าร่วมกว่า 12,000 คน
แต่ในอีกด้านหนึ่งคุณหมอ McDougall ก็ยังคงทำหน้าที่เผยแพร่ความรู้ด้านโภชนาการ
มีการระดมเงินตั้งองค์กรไม่แสวงหากำไร ที่ศึกษาเกี่ยวกับการรักษาโรคด้วยอาหาร
เปิดเว็บไซต์ ให้ความรู้และขายคอร์ส ซึ่งก็มีผู้เข้าชมมากถึง 7-8 ล้านครั้งต่อเดือน
รวมทั้งนำความรู้เรื่องการทานอาหารเพื่อสุขภาพ ไปทำเป็นรายการโทรทัศน์
และยังมีการต่อยอดทางธุรกิจ นำสูตรอาหารจาก McDougall Program มาผลิตเป็นอาหารสำเร็จรูปในแบรนด์ Dr. Mcdougall’s Right Foods ซึ่งมีวางขายในกว่า 4,000 ร้านค้า
ดังนั้น แม้ว่า Dr. Mcdougall’s Right Foods จะนำเอาเมนูผัดไทยของไทยมาประยุกต์ แบบผิดเพี้ยนไปบ้าง
แต่เราก็ต้องยอมรับว่าเมนูนี้ ถูกพัฒนามาอย่างถูกหลักโภชนาการ, สารอาหารครบถ้วน และเต็มเปี่ยมไปด้วยวัตถุดิบที่ดีต่อสุขภาพอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของหลักสูตรการควบคุมอาหารของคุณหมอ McDougall ก็ยังมีความสุดโต่งอยู่บ้าง
ดังนั้น จึงไม่น่าแปลกใจว่า McDougall Program จะถูกนำไปเป็นประเด็นในการถกเถียง ว่าวิธีนี้มีประสิทธิภาพจริง ๆ หรือไม่ และหากทำไปในระยะยาวจะส่งผลต่อการขาดสารอาหารหรือไม่
เพราะแม้ว่าจะมีหลายคนที่ประสบความสำเร็จจากคอร์สนี้ แต่ก็ยังไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ยืนยันแน่ชัด ที่พิสูจน์ได้ว่าผลสำเร็จนั้น เกิดจากการทำตาม McDougall Program เพียงอย่างเดียว
ซึ่งท้ายที่สุดนี้ หากใครต้องการทานอาหารตามสูตรของคุณหมอ McDougall ก็คงจะต้องศึกษาให้ดีก่อน เพราะไม่ว่าอาหารนั้นจะมีประโยชน์มากแค่ไหน แต่หากรับประทานมากเกินหรือน้อยเกินไป ก็อาจกลายเป็นโทษได้เหมือนกัน..
โฆษณา