[รีวิวอัลบั้ม] Vultures 1 - Kanye West & Ty Dolla $ign >>> คู่แร้ง แห้งเหือด
-ผมเคยจัดเทียร์ให้ Jesus Is King คืออัลบั้มที่แย่ที่สุดของพี่เย่ พอมาเจอ Vulture 1 ปุ๊บ กลับกลายเป็นว่าผมอาจจะคิดผิดถนัดก็เป็นได้ เพราะนี่คืออัลบั้มที่เป็น new low ที่ดันทำให้ JIK ดูดีขึ้นมาเสียอีก (ยังไม่ได้ฟัง DONDA 2 เลย)
-โปรดักชั่นสุด downgrade ไม่ต่างอะไรจากคลิปวิดีโอเซลฟี่โปรโมทเว็บไซต์ yeezy.com ในช่วงพักเบรคโฆษณา Super Bowl ซึ่งผลาญงบหลักสิบล้านดอลล่าร์ โรคเลื่อนปล่อยอัลบั้มอันเป็นปัญหาสุดคลาสสิคตั้งแต่สมัย The Life of Pablo ความหุนหันพลันแล่นอันแสนวุ่นวายที่ให้ผลลัพธ์ผีเข้าผีออก บ้างก็เอาตัวรอดกลายเป็นผลงานที่ตอกย้ำความอหังการ แต่ก็ใช่ว่าเราจะได้เห็น old kanye ที่มีสุนทรีย์และความคิดที่เป็นแบบแผนเสมอไป
-เป็นอีกครั้งที่ความหุนหันพลันแล่นนำพาซึ่งความเร่งรีบที่มีแต่จะทำให้ branding เสื่อมมนต์ขลัง เหลือไว้ซึ่งความ least efford ที่อิงบารมีเก่า พอได้ฤกษ์ปล่อยอัลบั้มก็จัดงาน listening party ประหนึ่งกลยุทธ์เปิดตัวคอลเลคชั่นเสื้อผ้าใหม่
การเอาลูกมาปล่อยของเนี่ย แลดูเป็นกลยุทธ์แห่งการขับเคี่ยวเพื่อส่งต่อพลังอิทธิพลสู่ทายาทอยู่ไม่น้อย เห็นได้จาก Jay-Z กับ Beyonce ที่พาน้อง Blue Ivy มาออกหน้าสื่อ ไม่เว้นแม้แต่ Drake ที่ดึงน้อง Adonis มาเป็นตัวเซอร์ไพร์สในเพลง Daylight จากอัลบั้ม For All The Dogs
-การแซมเปิ้ลคลิปเสียงตะโกนโห่ร้องของชาวคณะ Inter Milan ในเพลง CARNIVAL ก็ช่วยเสริมความเกรียงไกรกร้านโลกได้บ้าง นึกไม่ออกเหมือนกันว่าถ้าไม่มีการ mention ถึง Taylor Swift เพลงนี้จะได้รับความสนใจหรือไม่? PROBLEMATIC การแซมเปิ้ลเพลงโซล Jubilation ของ Spooky Tooth เป็นสไตล์ของพี่เย่ที่ผมยังขอซื้ออยู่ และหยอดวลีเด็ด “Shit is fuckin' ridiculous” จากเพลง So Appalled เป็นการปิดท้ายเพลงแบบลง punchline อย่างลงล็อค
-ขอพูดถึงคลิปเสียงของ Mike Tyson ที่ถูกเอาไปแซมเปิ้ลใน Outro เพลง HOODRAT (เพลงที่ผมเกลียดที่สุด) ซึ่งไมค์ได้ mention ถึงอิทธิพลของ Kanye West ไว้ว่า คานเย่คือศิลปินที่มี haters ชอบทำตัวย้อนแย้ง เกลียดก็ยังหลวมตัวที่จะฟัง เพราะความเทพในตัวเย่ที่ใครๆก็ปฎิเสธไม่ได้ ไม่เถียงว่า เขามีปัญหาด้านสุขภาพจิต เพราะมันเป็นปัญหาปกติของคนที่ชอบทำตัวเป็นผู้นำอยู่แล้ว
-คำพูดข้างต้นของ Mike Tyson โคตรจริงจนผมสะดุ้ง ในฐานะที่เคยพิมพ์รีวิวด่าคานเย่ในอัลบั้มอื่นๆที่แล้วมาจนถึงอัลบั้มนี้ ผมมองว่าแกคือศิลปินที่มีความเป็น supervillian ในอุตสาหกรรมวงการบันเทิงมากเลยนะ ทั้งลีลาการประชดประชันเกรี้ยวกราดผ่าน lyrics การโพสต์ status โวยวายในโลกโซเชี่ยล การซิกแซกเรื่องแผนการปล่อยอัลบั้มจนทำให้สื่อสับสนต้องแก้ข่าวในภายหลัง การแต่งตัวคลุมโม่งดำ(ที่คนปกติมักจะไม่แต่งอะไรแบบนี้) ชีวิตรักดูดดื่มไม่แคร์สื่อสาธารณะ
-วีรกรรมที่ชัดเจนสุดคือการป่วนเวทีตอนที่ Taylor Swift ขึ้นรับรางวัล MTV และทำกับ Beck ตอนขึ้นรับรางวัลแกรมมี่สาขา Album of the year หนักสุดคือการเหยียดชาวยิวออกหน้าผ่าน X (Twitter) นำมาซึ่งความชิบหายโดนแบรนด์เนมต่างๆยกเลิกสัญญาจนตกอันดับมหาเศรษฐีพันล้าน
-ในความเป็น supervillian บนพื้นที่สื่อนั้น เราต่างรับรู้ในความสุดโต่งอันซับซ้อนที่ไม่สามารถทำความเข้าใจให้เคลียร์กระจ่างถึงการกระทำ “อิหยังวะ” ของเขาได้ในเร็ววัน อาจจะโทษที่ bipolar และภาวะทางจิตอื่นๆที่ทำให้ชีวิตสุดหวือหวาของคานเย่ไม่มีทางหาจุดแห่งความสงบจนไม่สามารถ bring back old Kanye อย่างที่เขาพยายามพร่ำบอกมาโดยตลอด ซึ่งทุกคนไม่น่าจะคาดหวังแล้วล่ะครับ
-ปัญหา collaborative album ชุดนี้ที่ไม่สามารถเทียบชั้น Watch The Throne และ Kids See Ghost ได้เลย น่าจะอยู่ที่การทำให้นาย Tyrone ตกอยู่ในสภาวะ “น้องตามใจพี่” ในฐานะตัวเสริมที่เพิ่มเติมด้วย verse เทียบเท่าแขกรับเชิญก็เท่านั้น จะสอดรับความเป็นป็อปอาร์แอนด์บีเต็มสูบก็ไม่ใช่ การงัด charisma ของนาย Tyrone ก็มีแค่นิดเดียวเท่านั้น