24 ก.พ. เวลา 02:09 • ธุรกิจ

"ลงทุนในความรู้นำไปสู่ความมั่งคั่งและยั่งยืน"

ผมเริ่มต้นเข้าสู่วัยทำงานเมื่อปี 2547 ตอนนี้ก็เกือบๆเข้าปีที่ 20แล้วของการทำงาน การเป็นลูกจ้างในบริษัทข้ามชาติหลายบริษัท ทั้งญี่ปุ่น อเมริกา ไต้หวันที่มาจากการทำธุรกิจ ก่อตั้งบริษัทในประเทศไทย
5ปีแรกของการทำงาน เป้าหมายของเด็กจบใหม่ในสมัยนั้น ผมยังไม่มีความชัดเจน ไม่มีเป้าหมายในชีวิตในการทำงาน ใช้เงินเที่ยวเล่น สังสรรค์ตามประสาวัยรุ่นที่สามารถหาเงินใช้ได้ด้วยตัวเอง มีส่งให้พ่อแม่เดือนละ 2000-3000 บาท/เดือน ไม่ถูกใจก็เปลี่ยนงานตามเพื่อนหรือไม่ก็เสาะแสวงหาแนวทางของตัวเอง เช่น ไปสอบเข้าทำงานราชการบ้าง แต่สุดท้ายก็กลับมาวนลูปในรูปแบบของการเป็นลูกจ้างบริษัทเอกชนเหมือนเดิม
พอเข้าสู่ช่วง 30ต้นๆตอนนั้นเริ่มมีวิกฤตในชีวิตของตัวเอง แต่งงาน มีลูก จำเป็นต้องใช้เงินค่อนข้างเยอะประกอบกับตัวเองต้องทำงานคนเดียว ให้ภรรยาเลี้ยงลูกที่ต่างจังหวัด สิ้นเดือนส่งเงินกลับบ้านเดือนละ 7,000 บาท/เดือน พร้อมทั้งมีหนี้บัตรเครดิตจำนวน 5ใบ ต้องชำระตกเดือนละประมาณ 5,000 บาท(จ่ายขั้นต่ำนะครับ) ค่าห้อง+ค่าใช้จ่ายส่วนตัวประมาณเดือนละ 9,000 บาท
* รวมค่าใช้จ่ายประมาณ 21,000 บาท(อยู่อย่างประหยัดสุดๆแล้ว)
* รวมรายได้ต่อเดือนที่ได้รับ(เงินเดือน+OT+สวัสดิการ)ประมาณ 23,000 บาท
> เหลือส่วนต่างอยู่ประมาณ 2,000 บาท แต่ผมก็ยังไม่มีเงินเก็บ เนื่องจาก ณ ตอนนั้นผมไม่ได้ทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายว่าตรงไหนมันเป็นรายจ่ายที่ฟุ่มเฟือย ส่วนต่างที่ว่ามันก็เลยหายวับไปกับรายจ่ายที่ไม่มีประโยชน์ เช่น เหล้า บุหรี่ อื่นๆ
หนี้บัตรเครดิตมาจากไหน? มาจากการขอสินเชื่อใช้จ่ายส่วนตัวทั้งจำเป็นและไม่จำเป็นแต่ส่วนใหญ่ไม่จำเป็นมากกว่า สะสมมาตั้งแต่เริ่มทำงานในช่วง 5ปีแรก ซึ่งใช้จ่ายไปกับสิ่งที่ฟุ่มเฟือย ค่อนข้างเยอะ พอถึงคราวจำเป็นเงินในส่วนนี้เลยเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว
ชีวิตการทำงานก็เริ่มมีปัญหาเพราะเราคิดว่ารายได้หรือเงินเดือนของเรายังไม่เพียงพอต่อค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือน ต้องแบกรับภาระ ซึ่งส่งผลต่อชีวิตการทำงาน ครอบครัว ชีวิตคู่ไปพร้อมๆกัน ณ ตอนนั้นผมต้องเปลี่ยนงานบ่อยครั้งเพราะต้องการเงินเดือนที่เพิ่มขึ้น แต่ยิ่งหนีปัญหามากเท่าไหร่ ก็ยิ่งเจอปัญหาใหม่ๆมากขึ้นเท่านั้น ซึ่งเรายังไม่รู้สาเหตุของปัญหาด้วยซ้ำว่ามันคืออะไร
การเปลี่ยนงาน ได้เงินเดือนเพิ่มประมาณ 5,000 บาทจากเดิม 18,000 เป็น 23,000 บาท แต่สิ่งที่เลวร้ายกว่านั้นคือ เราปรับตัวไม่ได้กับองค์กรที่เราเข้าไปเริ่มทำงานใหม่ สุดท้ายก็ต้องลาออก ตกงานอีกประมาณ 1 เดือน วนลูปอยู่ในวังวนเดิม หนี้สินก็ไม่ได้ลดลง ค่าใช้จ่ายที่เป็น fixed cost(แบบคงที่)จากบัตรเครดิตด้วย ส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ เครียด ทำงานไม่ได้เต็มประสิทธิภาพ
สุดท้ายแล้วสิ่งที่จำเป็นที่สุดคือ"การลงทุนกับตัวเอง การลงทุนกับความรู้" อย่างแรกเราต้องรู้ก่อนว่าสิ่งที่เราไม่รู้นั้นคืออะไร นั่นคือ ความรู้ด้านการเงินแล้วไปเสาะแสวงหาจากแหล่งความรู้ต่างๆ ทั้งจากผู้รู้จริง จากการอ่านหนังสือ ฟัง Podcast ทางด้านการเงิน การลงทุน
ผมเริ่มต้นจากการฟัง Podcast ของ Money Coach เกี่ยวกับ"วิธีจัดการเรื่องหนี้" หนี้จากบัตรเครดิตทั้งหมด 5 ใบ พยายามฟังแล้วนำไปปรับใช้การบริหารจัดการเรื่องหนี้ ปรับ Mindset ทัศนคติ วิธีคิด "หากวิธีคิดผ่านเดี๋ยววิธีการมันจะมาเอง" ทำการจดบันทึกรายรับ-รายจ่ายประจำวัน เพื่อให้รู้ในแต่ละเดือน เราใช้จ่ายอะไรไปบ้าง เพื่อที่จะปรับสมดุลทางด้านการเงินของเรา หลังจากนั้นภายในระยะเวลา 1ปี ผมสามารถจ่ายหนี้บัตรเครดิตได้ทั้งหมด 5 ใบ
สูตรง่ายๆคือ
1. ลดรายจ่าย ลดในสิ่งที่ไม่จำเป็น เช่น เหล้า บุหรี่(เลิกไปแล้ว) ณ ตอนนั้น ยิ่งเครียด ยิ่งดื่ม ยิ่งสูบ(ในอดีต) แถมได้สุขภาพที่ดีกลับคืนมา
2. เพิ่มรายได้ เช่น ผมทำนายหน้า Tiktok ขายของออนไลน์
พอภาระจากการต้องหาเงินมาใช้หนี้นั้นหมดลง ทุกอย่างมันก็ดีขึ้น สมองเราก็ปลอดโปร่ง โล่งสบาย การฟัง Podcast ซื้อหนังสือ แนวทางการปรับปรุงพัฒนาตัวเอง แนวทางการลงทุน ศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องที่เราสนใจ
ณ ตอนนี้ผมมีพอร์ตการลงทุนในกองทุนรวมหุ้นแล้ว โดย DCA เดือนละ 4000 บาท โดยวางเป้าหมายภายใน 10ปี เงินที่เราลงทุนน่าจะตอบโจทย์กับสิ่งที่เราตั้งธงเอาไว้และก็จะลงทุนเพิ่มในส่วนที่เหมาะสมกับตัวเองต่อไปเรื่อยๆ ซึ่งเสียดายเวลาที่ผมสูญเสียไปมากๆในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาที่เรายังไม่มีความรู้เรื่องของ"ดอกเบี้ยทบต้น" ซึ่งเป็นสิ่งมหัศจรรย์ลำดับที่ 8 ที่ทางปู่ วอเร็น บัฟเฟต ได้กล่าวเอาไว้
สุดท้ายขอฝากบอกกับทุกคนว่า"การลงทุนที่สำคัญที่สุดคือการลงทุนกับตัวเอง" หมั่นศึกษาหาความรู้ ปรับทัศนคติ ปรับ Mindset ให้สมองของเราได้เรียนรู้ในเรื่องที่ดีๆ หมั่นศึกษาพัฒนาตัวเอง อย่าหยุดที่จะเรียนรู้เพราะความรู้ในอดีตในหลักสูตรการศึกษาที่เราเรียนจากรั้วมหาวิทยาลัย มันอาจจะเก่าไปแล้ว ศึกษาจากผู้รู้ อ่านหนังสือดีๆ ลดการเสพข่าวดราม่าที่ไม่มีประโยชน์ต่อชีวิตของเรา ฟัง Podcast ดีๆ ฝึกจิต ทำสมาธิ ทบทวน ทวนสอบตัวเองบ้าง เพื่อปรับทัศนคติ ปรับ Mindset ให้เป็นเชิงบวก ให้เรามี Growth minset มากยิ่งขึ้น
"You Are What You Think" คุณจะเป็นในสิ่งที่คุณคิด ความคิดจะนำพาคุณไปสู่การกระทำ เพราะการกระทำจะแปรเปลี่ยนเป็นพฤติกรรม ส่วนพฤติกรรมที่เราทำซ้ำๆบ่อยๆ จะกลายเป็นนิสัยของเรา ทั้งเรื่องที่ดีหรือไม่ดี มันอยู่ที่คุณจะเลือกว่าคุณต้องการจะเป็นคนแบบไหน
"หากคุณคิดว่าทำได้หรือทำไม่ได้ คุณคิดถูกทั้ง 2 อย่าง" ลงมือทำซะทั้งที่ยังกลัวหรือไม่พร้อมนี่แหละแล้วโอกาสดีๆ ผู้คนที่ดีๆจะถูกดึงดูดเข้ามาหาคุณ เพราะกฏแห่งแรงดึงดูดที่คุณได้สั่งสมเอาไว้มาซักระยะหนึ่งจากการลงทุนในตัวเอง จากการลงทุนในความรู้ จะนำพาคุณไปสู่ความมั่งคั่งที่ยั่งยืน
ดังนั้น การเรียนรู้และพัฒนาตนเองเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้เราเติบโตและประสบความสำเร็จในชีวิต เมื่อเราลงทุนในความรู้ ไม่ว่าจะเป็นการอ่านหนังสือ เรียนรู้จากประสบการณ์ หรือพัฒนาทักษะต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์ เราก็กำลังสร้างโอกาสให้กับตัวเองในอนาคตที่สดใสและมั่งคั่งขึ้นอย่างยั่งยืน จึงอย่าลืมที่จะลงทุนในตัวคุณเองอย่างสม่ำเสมอ เพราะการเรียนรู้ไม่มีที่สิ้นสุดและเป็นสิ่งสำคัญในการเปลี่ยนแปลงชีวิตของเราให้ดีขึ้นทุกวัน
โฆษณา