25 ก.พ. 2024 เวลา 14:14 • หุ้น & เศรษฐกิจ

Opportunity Day MEGA: 2559Y

2559Y
สรุปผลการดำเนินงานประจำปี
-Sales Revenue: 8,810ลบ. +10.9% YoY
-Mega We Care: 4,251ลบ. +8.8% YoY
-Maxxcare: 4,160ลบ. +16.9% YoY
-OEM: 399ลบ. -16.9% YoY
-GP: 3,687ลบ. +8.2% YoY, %GPM: 41.8% -1.1% YoY
-Mega We Care: 63.9% -0.9% YoY
-Maxxcare: 21.5% +0.5% YoY
-OEM: 19.5% -6.6% YoY
-SG&A: 2,674ลบ. +0.5% YoY, %SG&A: 30.4% -3.1% YoY
-Selling: 18.5% -2.4% YoY
-Admin: 11.8% -0.8% YoY
-Net Profit: 795ลบ. +14.3% YoY
-Mega We Care มีการเติบโตโดยได้รับแรงหนุนจากภูมิภาค Southeast Asia เป็นหลัก
-Maxxcare เติบโตโดยได้รับแรงหนุนจากที่ทุกๆตลาดมีการเติบโต และรายได้ธุรกิจ OEM ลดลงเนื่องจากคำสั่งซื้อจากลูกค้าต่างประเทศลดลง
-GPM ของธุรกิจ OEM ลดลงเนื่องจากคำสั่งซื้อจากลูกค้าต่างประเทศลดลง แต่การลดลงทั้งรายได้และกำไรของธุรกิจ OEM ไม่ส่งผลกระทบต่อบริษัทเพราะเดิมทีเป็นธุรกิจที่มีสัดส่วนรายได้น้อยอยู่แล้ว
-%SG&A ลดลงเนื่องจากฐานรายได้ที่สูงขึ้นแต่ถ้ามองในมุมเม็ดเงินก็จำนวนเท่าเดิม
-ในปี 2559 มีการตั้งงบ CFI ไว้ที่ 1,017ลบ. โดยกิจกรรมการลงทุนหลักๆก็คือ จำนวน 592ลบ. นำไปซื้อบริษัท Bio Life ในช่วงเดือนพฤษจิกายน, จำนวน 167ลบ. นำไปซื้อที่ดินที่ติดกับโรงงานแถวบางปูที่, และจำนวน151ลบ. นำไปลงทุนในสิทธิการเช่าที่ดินในพม่าสำหรับสร้างคลังสินค้าเพื่อเป็นจุดกระจายสินค้า ซึ่งสิทธิการเข่านี้มีอายุ 50 ปี
โอกาสในการเติบโต
-ปัจจัยในการสร้าง Double Business ยังคงเหมือนเดิม คือมากจาก 2 ธุรกิจหลักคือ Mega We Care & Maxxcare
-Update ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับธุรกิจ Mega We Care
1.Bio Life ที่ถูกซื้อจะมีการรวมทีมงานให้เป็นทีมเดียวเพื่อผลักดันสินค้ายา OTC ในประเทศมาเลเซีย
2.โอกาสสำหรับการเติบโตของธุรกิจ Mega We Care ในประเทศมาเลเซียคือการมี Synergy ร่วมกับ Bio Life สำหรับการนำสินค้ายา OTC ของ Mega ไปวางขายในร้านขายยาในประเทศมาเลเซียมากขึ้น เนื่องจากในประเทศมาเลเซียมีร้านขายยาที่ขายสินค้าของ Bio Life ถึง 2,000 ร้านแต่ขายสินค้าของ Mega แค่ 700 ร้านเท่านั้น นี่จะทำให้ Mega มีช่องว่างการเติบโตที่มาเลเซียอีกเยอะ
3.ในส่วน Africa นั้นทางบริษัทได้ลงไปทำธุรกิจในประเทศเล็กๆเพิ่มเติมแต่ก็ยังโฟกัสที่ประเทศไจจีเรียเป็นหลัก เพราะถือว่ามีศักยภาพในการเติบโตสูงถ้าดูจากอดีตที่มี GDP สูงที่สุดใน Africa และยังมีความต้องการสินค้าของ Mega เพียงแต่ปัจจุบันกำลังเจอปัญหาชั่วคราวเท่านั้น
4.ปี 2560 มีสินค้าใหม่ๆ 13-14 อย่างที่กำลังจะวางขาย และมี 58 สินค้าที่กำลังอยู่ใน Pipeline ที่กำลังพัฒนาและรอทะเบียนยา
-Update ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับธุรกิจ Maxxcare
1.Maxxcare จะยังโฟกัสการขยายธุรกิจไปยัง 3 ประเทศหลักได้แก่ พม่า, กัมพูชา, เวียดนาม
2.คลังสินค้าที่จะไปสร้างที่พม่า คาดว่าน่าจะเปิดใช้ในเดือน มิถุนายน-กรกฎาคม ปี 2561
-Update ข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจใหม่ๆ
1.ธุรกิจ Wellness We Care ตอนนี้เริ่มเปิดให้บริการแล้ว
2.สินค้าที่ JV ร่วมกับ MALEE คาดว่าจะออกในช่วง 4Q2560Y
3.ธุรกิจ Baby Natura ตอนนี้สินค้าเริ่มออกวางขายแล้ว
ปัจจัยเสี่ยง
-เราต้องคอยดูว่าการที่ซื้อ Bio Life มาแล้วจะสามารถทำให้เกิด Sunergy ร่วมกันและสามารถขยายธุรกิจไปยังประเทศมาเลเซียเพิ่ม Market Share ในประเทศนั้นได้มั้ย
-ธุรกิจที่เป็น Start Up ส่วนตัวคิดไว้ว่าน่าจะต้องใช้เวลา 3-5 ปีในการพัฒนาธุรกิจขึ้นมา เริ่มแรกอาจจะต้องดูตลาดก่อนว่าเป็นยังไง สมมติว่าตลาดของธุรกิจใหม่ๆมีแนวโน้มที่ดีขึ้นแล้วบริษัทเริ่มลงทุนในค่าการตลาดของธุรกิจใหม่ๆเราก็ต้องติดตามต่อไปว่าแบรนด์ของธุรกิจใหม่ๆจะติดตลาดมั้ย หรือต้องอัดงบการตลาดเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
-เรื่องของค่าเงินในประเทศไทจีเรียก็ถือว่าสำคัญ โดยเราก็ต้องติดตามต่อไปว่าฝ่ายบริหารสามารถบริหารความเสี่ยงของค่าเงินในประเทศไนจีเรียได้ดีแค่ไหน
สรุป
-Performance ของ 2 ธุรกิจหลักยังคงทำได้ทีแถมยังมีโอกาสอีกมากของธุรกิจ Mega We Care ในประเทศมาเลเซียและยังมีธุรกิจใหม่ๆที่อาจจะเป็นช่องทางรายได้หลักๆเพิ่มขึ้นมาอีก ซึ่งแน่นอนค่าใช้จ่ายอาจจะเพิ่มขึ้นสอดคล้องกับจำนวนธุรกิจที่เพิ่มขึ้น
โฆษณา