27 ก.พ. เวลา 11:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ

เศรษฐกิจแบบนี้เก็บเงินไว้อย่างเดียวดีกว่าจริงหรือ?

ในโลกที่ต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจอยู่ตลอดเวลา การตัดสินใจว่าควรเก็บเงินไว้กับตัวอย่างเดียวหรือไม่? กลายเป็นคำถามที่ชวนสงสัย และต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ การเก็บเงินไว้อาจเป็นสิ่งที่มีหลาย ๆ คนคิดว่าเป็นวิธีที่ปลอดภัยและมีความมั่นคง แต่ก็อาจเป็นสิ่งที่นำไปสู่การสูญเสียโอกาสได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนได้
หนึ่งในเหตุผลที่สำคัญในการพิจารณาคือการตัดสินใจในแง่มุมของการใช้ประโยชน์และความเสี่ยง การเก็บเงินสามารถนำไปใช้ได้ในกรณีฉุกเฉิน ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจมีความไม่แน่นอน นอกจากนี้ การมีเงินสำรองยังช่วยให้ไม่ต้องพึ่งพากับการกู้ยืมที่มีดอกเบี้ยสูงได้ ดังนั้นในยุคสมัยนี้ก็ยังควรที่จะมีเงินเก็บสำรองไว้สำหรับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดอยู่
1
แต่อย่างไรก็ตามการลงทุนอาจเป็นทางเลือกที่มีโอกาสทำให้มีรายได้เพิ่มมากขึ้น และในบางครั้งการลงทุนในสินทรัพย์อาจมีผลตอบแทนที่ดีกว่าการเก็บเงินไว้ แม้ความเสี่ยงในการเก็บเงินจะต่ำแต่ก็เสี่ยงกับการแพ้เงินเฟ้อได้ด้วยเช่นกัน จึงควรหาแหล่งการเก็บเงิน หรือ เครื่องมือในการลงทุนอื่น ๆ ที่สามารถ ทำให้เงินของเรางอกเงยได้ แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่า เราควรจะเลือกลงทุนในสินทรัพย์อะไรควบคู่กับการเก็บเงินเพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่มากขึ้น ก็ควรพิจารณาจากความเสี่ยงของแต่ละคน
พีระมิดการลงทุนตามระดับความเสี่ยง
การพิจารณาความเสี่ยงสามารถดูได้จากภาพ พีระมิดด้านบน สินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำที่สุดจะเริ่มต้นที่ฐานของพีระมิดได้แก่ เงินฝาก กองทุนรวมในตลาดเงิน ระดับความเสี่ยงจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนถึงสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงสุดคือ ตราสารอนุพันธ์ สินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำนั้นมีโอกาสขาดทุนน้อย แต่การได้รับผลตอบแทนก็ไม่ค่อยดีมากนัก
ทุกคนสามารถเข้าไปทำแบบทดสอบได้ใน Smart To Invest : https://bit.ly/48vSJ1d
เพื่อให้รู้ความเสี่ยงที่ตนเองยอมรับได้คร่าว ๆ รวมถึงการจัดส่วนสินทรัพย์ในการลงทุนควรจะเป็นอย่างไร
ตัวอย่างการแบ่งสัดส่วนการลงทุนสำหรับนักลงทุนประเภทเสี่ยงปานกลางค่อนข้างต่ำ
เพื่อให้เห็นภาพได้ชัดขึ้นเราจึงขอยกตัวอย่าง การเปรียบเทียบระหว่างอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ กับ อัตราเงินปันผลของหุ้นต่อปีในหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานมารองรับอย่าง หุ้น PT เป็นต้น
ข้อมูล ณ วันที่ 8 ธ.ค. 2566 จาก SET SMART
*หุ้นที่นำมาใช้ในบทความเป็นเพียงตัวอย่างเพื่อการศึกษาเท่านั้น
สรุปได้ว่า สำหรับคนที่ฝากเงินไว้กับธนาคารเพียงอย่างเดียวดอกเบี้ยที่ได้รับไม่สามารถที่จะชนะเงินเฟ้อได้ จึงควรต้องกระจายความเสี่ยง เพื่อให้เกิดความมั่นคงอย่างแท้จริง ดังที่ได้แสดงในตาราง ก็จริงอยู่ที่เงินสดนั้นมีสภาพคล่องสูงสามารถใช้จ่ายสิ่งที่อยู่ตรงหน้าได้เลย แต่พอในระยะยาวการแบ่งเงินไปลงทุนอย่างสม่ำเสมอจะช่วยทำให้มูลค่าเงินของเรามากขึ้น ชดเชยกับอัตราเงินเฟ้อที่มากตามเช่นกัน
ดังนั้นเราจึงควรกระจายเงินสดออกไปหลาย ๆ ส่วนการลงทุนไม่จำเป็นจะต้องลงทุนในหุ้นเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่คุณสามารถทำได้ในหลายรูปแบบ ซึ่งการกระจายการลงทุนนี้ ก็เพื่อกระจายความเสี่ยงออกไปหลาย ๆ ทาง นอกจากนี้ สิ่งที่สำคุญที่สุดก็คือการลงทุนในความรู้ การที่เรามีความรู้ในสิ่งที่เราจะลงทุน หรือมีทักษะที่ดี ก็จะทำให้เรามีโอกาสสร้างผลตอบแทนทางการเงินที่ดีได้ในระยะยาว
ในท้ายที่สุด มันไม่มีสูตรตายตัวในการออมเงิน หรือการลงทุน แต่มันขึ้นอยู่กับความพร้อมที่จะรับความเสี่ยงและวัตถุประสงค์ในการเงินของแต่ละบุคคล การตัดสินใจนี้ควรถูกพิจารณาอย่างรอบคอบเพื่อให้ได้ผลตอบแทนทางการเงินที่ตรงกับเป้าหมายและความพึงพอใจของตนเอง
สนใจเปิดบัญชีคลิกเลย: https://bit.ly/3UVDkUL
หมายเหตุ
การลงทุนมีความเสี่ยงผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินใจลงทุน
ที่มา
รายงานภาวะเศรษฐกิจ ในประเทศ ปี 2566,https://bit.ly/3Id7SK4
อัตราดอกเบี้ยประจำวันของธนาคารพาณิชย์,https://bit.ly/48MNESt
สร้างพอร์ตลงทุนฉบับมือใหม่.https://bit.ly/3uNc8Ng
โฆษณา