26 มี.ค. เวลา 14:06 • อสังหาริมทรัพย์

แผนพัฒนาปี 2567 ของ AP และ NOBLE

นายวิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานกลยุทธ์องค์กรและการสร้างสรรค์ บมจ.เอพี ไทยแลนด์ เปิดเผยว่า ภาพรวมเศรษฐกิจไทยปี 2567 ยังถือมีความท้าทายรออยู่อีกมาก ส่งผลให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้เป็นอีกปีที่ไม่ได้ง่าย ด้วยความไม่ชัดเจนในการขยายตัวของเศรษฐกิจ ทำให้ธนาคารมีความยากที่จะปล่อยเงินกู้สินเชื่อให้กับคนที่ต้องการซื้อบ้าน
"ปีนี้ไม่ต่างจากปีที่แล้ว ยังไม่มีความชัดเจนใดๆ เกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจ หรือว่าดอกเบี้ยจะลดลงหรือไม่ รวมถึงรอนโยบายการกระตุ้นจากรัฐบาลอีกด้วย ในขณะที่หนี้สินครัวเรือนยังคงสูงอยู่ที่ระดับเกือบ 90%"
ดังนั้นการดำเนินธุรกิจในปีนี้ยังคงต้องเป็นไปในรูปแบบระมัดระวัง โดยแผนในปี 2567 เอพีมุ่งขยายพอร์ตการค้าสินค้าในเครือเอพี และขยายการขายไปทั่วประเทศไทย รวมทั้งรวมโครงการทั้งหมด 212 โครงการ โดยมีโครงการที่กำลังขายอยู่จำนวน 164 โครงการ และมีโครงการที่เป็นโครงการพัฒนาใหม่ในปีนี้จำนวน 48 โครงการ มูลค่าประมาณ 58,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ ปีนี้บริษัทได้ขยายธุรกิจบ้านเดี่ยวเพิ่มในตลาดซูเปอร์ลักชัวรี่ ในระดับราคา 100 ล้านบาท โดยการพัฒนาสินค้าในแบรนด์ "เดอะ พาลาซโซ" ในทำเลที่ตั้งอยู่ในกรุงเทพกรีฑาและปิ่นเกล้า รวมทั้งแบรนด์ "บ้านกลางกรุง" บ้านเดี่ยวในเมือง ในทำเลสาธุประดิษฐ์ ซึ่งจะเปิดตัวในช่วงครึ่งปีหลังนี้
ธงชัย บุศราพันธ์ รองประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปัญหาภูมิรัฐศาสตร์มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก อาเซียน และไทย ในฐานะผู้ประกอบการต้องปรับตัวเพื่อรับมือกับความเสี่ยงนี้ที่จะยังคงอยู่กับโลกอย่างต่อเนื่อง
"แต่ทุกวิกฤติมีโอกาสเสมอ ยกตัวอย่างเช่นหลังจากเกิดปัญหาการเมืองที่ไม่มีเสถียรภาพในเมียนมา จีน และไต้หวัน ประชาชนในประเทศเหล่านี้มองหาที่อยู่อาศัยในต่างประเทศ เป็นบ้านหลังที่สองซึ่งส่งผลดีต่ออสังหาริมทรัพย์ไทย"
ทั้งนี้ โนเบิล มีโครงการที่สามารถตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าต่างชาติได้หลากหลาย ในปลายปี 2566 บริษัทมีโครงการคอนโดมิเนียมแบบพรีเซล "ดิ เอ็มบาสซี ไวร์เลส" ที่มียอดขายมากกว่า 2,200 ล้านบาทจากลูกค้าต่างชาติ และจะเริ่มทำตลาดกับลูกค้าไทยในไตรมาสแรกของปีนี้ ราคาเริ่มต้นที่ 21 ล้านบาทต่อยูนิต
แฟรงค์ เหลียง รองประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม โนเบิล เสริมว่า ต่างชาติต้องการอสังหาริมทรัพย์ในไทยมากขึ้น โดยเฉพาะในตลาดใหม่อย่าง ไต้หวัน เมียนมา และฮ่องกง จากเหตุการณ์การเมืองที่ไม่มีเสถียรภาพ โดยเชื่อว่าปีนี้ตลาดจีนจะกลับมา แม้ไม่ใช่ในระดับก่อนโควิด โดยยอดขายต่างชาติมีการเพิ่มขึ้นทุกปี หลังจากปี 2563 ที่ลดลงถึง -44.9% และปัจจุบันมีการขยายตัวขึ้นถึง 116% มียอดขายทั้งหมดรวมกันถึง 5,700 ล้านบาท ซึ่งเป็นสูงสุดในประวัติศาสตร์ คาดว่าสิ้นปีนี้จะมียอดขายประมาณ 6,000 ล้านบาท
ปี 2567 จึงเป็นปีที่ต้องระวังตลอดเวลา ผู้ประกอบการต้องเตรียมความพร้อมในการรับมือกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เนื่องจากสถานการณ์โลกที่เปลี่ยนไปอาจมีผลต่อภูมิภาคทั้งการผลิตและการบริโภค โดยเฉพาะในภูมิภาคที่มีบทบาทสำคัญอย่างยุโรป แม้ว่าไทยจะไม่ได้รับผลกระทบโดยตรง แต่ก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่ามีผลกระทบไปยังทั่วโลก
ดังนั้นปี 2567 จึงต้องเป็นปีที่ต้องระวังและเตรียมการให้ดี เพื่อรับมือกับสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตอันไม่แน่นอน โดยสิงห์ เอสเตท ได้พยายามกระจายกลุ่มลูกค้าให้หลากหลาย เพื่อลดความเสี่ยงในทุกธุรกิจไม่ว่าจะเป็น บ้าน อาคารสำนักงาน หรือโรงแรม โดยการรับมือกับความไม่แน่นอนในกรณีที่มีการสูญเสียลูกค้าบางธุรกิจหรือเซ็กเมนต์ เช่น ช่วงที่คนจีนไม่มามีกลุ่มลูกค้าอื่นที่มาเข้ามาทดแทน
"ผู้ประกอบการต้องปรับตัวเพื่อรับมือกับความเสี่ยงนี้ที่จะยังคงอยู่กับโลกอย่างต่อเนื่อง แต่ทุกวิกฤติมีโอกาสเสมอ" คำแนะนำจาก ธงชัย บุศราพันธ์
"เมื่อเกิดเหตุการณ์ย่อมกระทบต่อเศรษฐกิจมหภาคทั้งการผลิตและการบริโภค ธุรกิจต้องเตรียมความพร้อม" เส้นทางการปรับตัวของ ฐิติมา รุ่งขวัญศิริโรจน์ ให้เข้าใจง่ายและเตรียมพร้อมในการรับมือกับสถานการณ์ที่ไม่แน่นอนไว้เสมอ
อ้างอิงข้อมูลจาก ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์
ช่องทางการติดตาม
โฆษณา