29 ก.พ. เวลา 01:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ

“เศรษฐา” ประกาศพลิกโฉมประเทศ ตั้งเป้าไทยเป็นที่ 1 อาเซียน

นายกฯ “เศรษฐา” ประกาศเร่งเดินหน้า พลิกโฉมประเทศ ลดความเหลื่อมล้ำทุกมิติ ตั้งเป้าไทยเป็นที่ 1 อาเซียน ดันไทยศูนย์กลาง 8 เรื่องสำคัญดันเศรษฐกิจ ชู Soft Power เที่ยวเมืองรอง ยกระดับรายได้เกษตรกรเป็นหลัก
“ฐานเศรษฐกิจ” ได้จัดงานดินเนอร์ ทอล์ก ครบรอบ 44 ปี โดยได้รับเกียรติจาก นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง บรรยายพิเศษ Special Keynote : “THAILAND NEW ERA: ก้าวใหม่ประเทศไทย” จัดขึ้นเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2567 ณ โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ และบางกอกคอนเวนชันเซ็นเตอร์ เซ็นทรัลเวิลด์ โดยมีแขกผู้มีเกียรติเข้าร่วมงานจำนวนมาก
นายเศรษฐา กล่าวว่า ที่ผ่านมาการบริหารประเทศติดขัด มีความขัดแย้งมากมาย ก้าวใหม่ประเทศไทยวันนี้ ไม่ว่าท่านเชื่อมั่นในผมหรือเชื่อมั่นในรัฐบาลนี้หรือไม่ ไม่สำคัญเท่ากับให้ความเชื่อมั่นประเทศไทย และศักยภาพของประเทศที่มีอยู่
โดยรัฐบาลตั้งเป้าประเทศไทยจะก้าวไปเป็นที่ 1 ของภูมิภาค ด้วยข้อได้เปรียบของประเทศไทย ทั้งด้านทรัพยากรธรรมชาติ สถานที่ท่องเที่ยว ภูมิอากาศที่อบอุ่นตลอดปี โครงสร้างที่พร้อมต่อยอด ที่สำคัญ คือ ศักยภาพของคนไทย ผ่านข้อเสนอ 8 ข้อ ได้แก่
  • 1.
    การตั้งเป้าให้ไทยเป็นศูนย์กลางเมืองท่องเที่ยว (Tourism Hub)
  • 2.
    การเป็นศูนย์กลางด้านการแพทย์และสุขภาพ (Wellness & Medical Hub)
  • 3.
    การเป็นศูนย์กลางอาหาร (Agriculture & Food Hub)
  • 4.
    ศูนย์กลางการบิน (Aviation Hub)
  • 5.
    ศูนย์กลางขนส่งของภูมิภาค (Logistic Hub)
  • 6.
    ศูนย์กลางผลิตยานยนต์แห่งอนาคต (Future Mobility Hub)
  • 7.
    ศูนย์กลางเศรษฐกิจดิจิทัล (Digital Economy Hub)
  • 8.
    ศูนย์กลางทางการเงิน (Financial Hub)
ทั้งนี้ เพื่อเสริมเศรษฐกิจให้แข็งแกร่ง นำเงินมาสู่ประเทศไทย ยกระดับความเป็นอยู่ของพี่น้องคนไทยทุก ๆ คน ให้ประเทศไทยเดินหน้าต่อไป
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลให้ความสำคัญทางด้านจิตใจ ซึ่งก้าวใหม่ของประเทศไทยจะอยู่บนความกังวล อยู่บนความขัดแย้ง หรือว่าจะให้ความขัดแย้งมาบดบังแสงสว่างของประเทศไทยมากำหนดศักยภาพให้อยู่ตํ่าต่อไปหรือเปล่า ตนเองเชื่อว่าเราอยู่ในมิติใหม่ อยู่ในบริบทใหม่ วันนี้ต้องมีการพูดคุยกันอย่างตรงไปตรงมา รวมถึงสิทธิต่างๆ ที่ทุกคนพึงจะได้แต่ไม่ได้ ทำให้ไม่สบายใจ
แก้ปัญหาความเหลื่อมลํ้า
ขณะที่สิทธิต่าง ๆ ที่ทุกคนพึงจะมีไม่ว่าเราจะมีเงินในกระเป๋าหรือไม่ แต่สิทธิต่างๆที่ควรจะมี ควรจะได้แล้ว เราไม่ได้สบายกายแต่ไม่สบายใจ
ดังนั้นก้าวใหม่ประเทศไทย รัฐบาลมีการเสนอพ.ร.บ.สมรสเท่าเทียม เข้าสู่รัฐสภา หลายท่านอาจไม่เห็นเป็นเรื่องใหญ่ แต่เรามีประชาชนที่มีความต้องการเลือกเพศสภาพได้ อยากมีสิทธิที่กฎหมายกำหนด ให้เขาอยู่บนโลกนี้ได้ด้วยความเท่าเทียมภายใต้กรอบของกฎหมายที่เสมอภาคกันทุกคน รัฐบาลให้ความสำคัญและจะเดินหน้าต่อไป ไม่หยุดในเรื่องในเรื่องของการให้เพศสภาพ
สิทธิเสรีภาพในการเลือกประกอบอาชีพก็สำคัญ หมดเวลาที่จะมาด้อยค่าอาชีพต่างๆ หรือพูดว่าอาชีพไหนดีไม่ดี เราต้องมีสิทธิเสรีภาพในการประกอบอาชีพ
การสมัครใจเกณฑ์ทหารแบบสมัครใจ เป็นเรื่องแรกๆของรัฐบาลจะให้สิทธิในการจะเป็นทหารหรือไม่ ถ้าเราไม่มีสิทธิ์นี้ ลูกหลานเราที่ไม่อยากเป็นทหารแต่เขาอยากเป็นวิศวกร อยากเป็นนักสังคมสงเคราะห์ แล้วเขาถูกเกณฑ์ทหาร หลายคนขยับขยายไปทำงานต่างประเทศเพราะไม่อยากเป็นทหาร
สถาบันทหารมีเกียรติ ควรได้รับการสนับสนุนให้คนสมัครใจเข้าไปเป็นทหาร ประเด็นนี้มีการถกเถียงเยอะเหลือเกิน ตัวเองได้คุยกับผู้บัญชาการเหล่าทัพทุกเหล่าว่าเราต้องลดทหารลงเพื่อความจำเป็น ทหารไม่ใช่แค่คนถือปืนอย่างเดียว สามารถเป็นแพทย์ พยาบาล นักกายภาพได้ โรงพยาบาลพระมงกุฏ โรงพยาบาลทหารตามหัวเมืองต่างๆ ต้องดูแลประชาชนกว่า 80 % อีก 20 % เป็นแค่บุคลากรทหาร แต่สถาบันทหารดูแลทุกข์สุขประชาชน
โรงพยาบาลทหารที่ตนเคยไปที่อุดรธานี มี 200 เตียง มีแพทย์ 20 คน นักกายภาพ 2-3 คน แล้วเราจะทำยังไง จะต้องยกเลิกการเกณฑ์ทหารหรอ ถ้าให้เขาสมัครใจเกณฑ์ทหาร มาเรียนแพทย์ที่นี่ สามารถเพิ่มบุคลากรทางแพทย์จะดีกว่าไหม อาจจะมีข้อตกลงว่าถ้ามาเรียนที่โรงพยาบาลพระมงกุฏแล้ว มาเรียนที่วิทยาลัยพยาบาล ต้องไปอยู่ที่ค่ายทหารหรือเป็นบุคลากรในโรงพยาบาลทหาร 5 ปี แล้วออกไปเป็นแพทย์โรงพยาบาลเอกชนได้
ตรงนี้เป็นเรื่องสำคัญและคิดว่าต้องให้สิทธิ์พี่น้องประชาชน และสิทธิ์ของสถาบันทหาร ที่จะเพิ่มจำนวนบ้าง ในแขนงที่มีความจำเป็น
ดันพ.ร.บ.อากาศสะอาด
สิทธิอีกสิทธิคือ พ.ร.บ.อากาศสะอาด ที่รัฐบาลนี้ก็ผลักดัน ไม่มีเวลาไหนที่จะพูดได้ดีเท่าช่วงนี้ที่ PM2.5 ไฮซีซั่นพอดี ซึ่งที่เชียงใหม่ลดลง 4 เท่า เพราะการประสานจากทุกฝ่ายและประชาชน ซึ่งพ.ร.บ.สะอาดเป็นเพียงส่วนหนึ่ง แต่การปลูกจิตสำนึกเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งไม่ใช่ปัญหาที่ประเทศไทยที่เดียว การเผา ตอข้าว ซังข้าวโพด ก็มีในประเทศพื่อนบ้าน
ทั้งนี้ มีการพูดคุยกับคณะทำงานที่ต้องไปพูดคุยกับสปป.ลาว ที่ออสเตรเลียในวันที่ 4-6 มีนาคม 2567 หนึ่งในข้อเสนอคือให้ไทยซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จากสปป.ลาวมากยิ่งขึ้น นี่คือคำร้องขอจากสปป.ลาว ซึ่งก็ไม่มีอะไรติดขัด เพราะไทยต้องการอาหารสัตว์และข้าวโพดเพิ่ม แต่จะแน่ใจได้อย่างไรว่าข้าวโพดที่เก็บเกี่ยวแล้ว ซังข้าวโพดเขาเผาหรือไถกลบ หรือทำปุ๋ยอินทรีย์
“ถ้าเขาเผา รัฐบาลนี้ยืนยันจะไม่ซื้อสินค้า จากประเทศที่เขาเผาซากผลิตผลจากเกษตรแล้วเอาผลิตผลนั้นมาขายเรา อันนี้ต้องเจรจาพูดคุยกันอย่างจริงจัง ไม่งั้นปัญหานี้ก็ไม่หายไป เรื่องนี้ไม่ใช่มีเงินอย่างเดียว อากาศที่สะอาด บริสุทธิ์ทำให้เรามีสุขภาพที่ดีขึ้นก็เป็นเรื่องสำคัญ”
เร่งขับเคลื่อนเศรษฐกิจ
สำหรับการขับเคลื่อนด้านเศรษฐกิจนั้น ภาคการท่องเที่ยว สมัยก่อนนักท่องเที่ยวมาก็แค่เมืองหลัก ต่อไปนี้ต้องไปเมืองรองด้วย ของดีของเด่น Soft Power โดยเฉพาะมวยไทย เป็นซอฟท์พาวเวอร์ที่ยิ่งใหญ่มาก สามารถไปประกอบอาชีพที่ยั่งยืนได้ ในต่างประเทศ หรือในประเทศมีชาวต่างประเทศจำนวนมากอยากมาเทรนด์มวยไทยที่ภูเก็ต ของที่ระลึกต่าง ๆ ก็ขายได้ ซึ่งสัปดาห์นี้จะไปเยือนฝรั่งเศส พบประธานาธิบดี ไปเจรจาทวิภาคีการค้า และเจอนักธุรกิจเยอะมากที่นั่น
ขณะที่ท่องเที่ยวให้เป็นภูมิภาค CLMV ซึ่งประเทศไทยได้ยกเว้นวีซ่าให้คนต่างชาติหลายประเทศ และเริ่มเห็นผลแล้วว่าเราได้รับ Reciprocal เช่น นักท่องเที่ยวชาวจีน และชาวรัสเซีย ที่เดินทางเข้ามาประเทศไทยจำนวนเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ทางกระทรวงการต่างประเทศต้องเริ่มเดินหน้าติดต่อกับทางยุโรปทำให้เราสามารถไปเชงเก้นได้ แม้ว่าจะใช้เวลานาน แต่ต้องเริ่มทำตั้งแต่วันนี้
1
“วันที่ 1 มีนาคม นักธุรกิจที่ลำบากในการไปทำวีซ่าไปจีน ไม่ต้องไปทำแล้ว และจะมีนโยบายเหล่านี้ออกมาเรื่อยๆ เพื่อฉายศักยภาพประเทศไทยในทุกมิติให้เกิดขึ้นได้ นี่แค่เรื่องเดียวครับที่สนับสนุนการท่องเที่ยว อีกหลายประเทศจะตามมาครับ”
อีกทั้ง ต้องเร่งพัฒนาให้ไทยเป็นฮับการบินในภูมิภาค สามารถเดินทางเข้าออกแบบเชนเก้งได้ เข้าออกสะดวกสบาย เราจะไม่ได้มีแค่ 70 ล้านคน แต่เราจะมี 200 กว่าล้านคน เป็นเรื่องที่น่าสนใจ น่าคิด และเราได้ลงมือทำไปแล้ว
ยกระดับรายได้เกษตรกร
นอกจากนี้ ประเทศไทยเป็นแหล่งวัตถุดิบชั้นเลิศ มีร้านอาหารอร่อยมากมายตั้งแต่ Street ยัน Michelin เกษตรกรไทย ต้อง “ในนํ้ามีปลา ในนามีข้าว ในกระเป๋ามีเงิน” เป็นความภาคภูมิใจของเกษตรกร การลงทุนเรื่องนํ้า เครื่องจักร เมล็ดพันธุ์ จะเพิ่ม Supply ให้มหาศาล ซึ่งการเกษตร เป็นเรื่องสำคัญเพราะเกษตรกรมีหลาย 10 ล้านคน
รัฐบาลนี้ชัดเจนว่าจะยกระดับรายได้เกษตรกร 3 เท่าภายใน 4 ปีนี้ ทำได้หลายๆวิธี ทั้งเกษตรแม่นยำ วัดค่าดินให้ดีเพื่อให้ปุ๋ยให้ตรง พัฒนาเมล็ดพันธุ์ที่ดีเพื่อให้ผลตอบแทนต่อไร่สูงขึ้น
ข้าวไทยน่าเสียดายเราเป็นรองเพื่อนบ้าน ผลิตผลต่อไร่เราตํ่ากว่าและเป็นรองประเทศเพื่อนบ้าน วันนี้ข้าวตันละประมาณ 1.1-1.2 หมื่นบาท/ตัน พี่น้องเราได้ 6 พันบาทต่อไร่ ถ้าเราทำผลผลิตต่อไร่ได้มากขึ้น มีเมล็ดพันธุ์ที่ดีขึ้น เชื่อว่ารายได้เข้ากระเป๋าจะดีขึ้น”
รวมทั้งองค์ความรู้ เรื่องการนำปุ๋ยอินทรีย์มาใช้ การเปิดตลาดใหม่ๆ ในอดีตเราบอกว่าตะวันออกกลางทานแต่ข้าวเมล็ดยาวๆสำหรับชนชั้นสูง แต่แน่นอนว่าชนชั้นกลางเขาก็อยากทานข้าวไทย ดังนั้นต้องเราต้องไปเปิดตลาดที่ซาอุดิอะราเบีย ที่ดูไบ
จากการไปเจรจาทวิภาคีหลายประเทศ อินโดนีเซียเองก็สั่งซื้อข้าวมา 2 ล้านคน เท่ากับว่าประเทศไทยมีความมั่นคงทางอาหารสูงมาก แต่ทำอย่างไรเพื่อให้มีรายได้เข้ากระเป๋ามากขึ้นด้วยการเพิ่มองค์ความรู้ ขยายตลาด รายได้ก็จะเพิ่มขึ้นมา
การปลูกข้าวอย่างเดียวไม่ได้ทำให้ประชาชนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น บางปีนํ้ามากนํ้าน้อย ทำให้ปลูกได้มากน้อย ควรจะปลูกพืชอื่นแซมด้วยหรือไม่ เช่น ถั่วเหลืองพืชเศรษฐกิจสำคัญของโลกที่ผลิตมาเท่าไรความต้องการมีมาก
“รัฐบาลให้ความสำคัญกับชีวิตความเป็นอยู่ของคนไทยทุกคน รวมถึงการแก้ไขปัญหาต่างๆ ต้องแก้ไขปัญหาให้หมด จะต้องไม่ยอมแพ้กับปัญหาที่เกิดขึ้น หากวันหนึ่งมี 50 ชั่วโมง ตนเองและรัฐบาลจะลงพื้นที่ให้ครบทุกจังหวัด ไปติดตามแก้ไขปัญหา สิ่งสำคัญมากกว่าการแก้ไขปัญหาคือการใส่ใจต่อปัญหา ใส่ใจต่อพื้นที่ ใส่ใจต่อประชาชน ตนเองเชื่อว่าจะทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนดีขึ้น”
ทั้งนี้ยอมรับว่า ทุกเรื่องจะสำเร็จได้ด้วยการรวมพลังของทุกภาคส่วน ทุกคนต้องช่วยกันนำประเทศไทยไปสู่เป้าหมาย ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีศักยภาพ ในฐานะนายกรัฐมนตรีอยากให้ประเทศไทยโลดแล่นไปในอนาคตได้อย่างมีเกียรติ มีศักดิ์ศรีอยากให้ทุกคนมองประเทศไทยในมุมมองที่สว่างไสวเหมือนที่ตนเองมอง เหมือนที่ตนเองอยากให้ประเทศไทยเป็น
โฆษณา