29 ก.พ. เวลา 06:51 • ไลฟ์สไตล์
โอไดบะ

#ฉันมาทำอะไรที่นี่ ….

เมื่อคนญี่ปุ่นถามว่า ทำไมเราในวัยขนาดนี้ ถึงตัดสินใจอยากมาใช้ชีวิตอยู่ที่ญี่ปุ่น
ผมมักตอบแบบเร็วๆ ว่า เพราะมีแฟนเป็นลูกครึ่งญี่ปุ่น คิดว่าหลังแต่งงานกัน แล้วถ้ามีลูก คงมาเริ่มต้นชีวิตที่ญี่ปุ่น เลยเริ่มจากมาเรียนภาษาญี่ปุ่นก่อน….มันเป็นคำตอบที่ฟังดูเท่มาก แต่ที่จริงแล้ว มันก็มีคำตอบที่แท้จริงอยู่คือ “ผมใฝ่ฝันอยากจะใช้ชีวิตอยู่ญี่ปุ่นสักครั้งมาตลอด”
ถึงแม้ผมจะเติบโตมากับการคลั่งไคล้เพลงญี่ปุ่น นับตั้งแต่ยุค 90s และมีอิทธิพลต่อการเล่นดนตรีของผมมากแค่ไหน ผมก็ไม่เคยมีความคิดที่จะมาใช้ชีวิตที่ญี่ปุ่นหรือเรียนภาษาญี่ปุ่นเลยแม้แต่น้อย เพราะภาพคนญี่ปุ่นในหัวของผมมีเพียงแค่เจ้านายญี่ปุ่นที่คุณพ่อเคยทำงานในบริษัทกระจกชื่อดังในตอนที่ผมยังเด็ก พวกเขา ใส่สูทเกือบตลอดเวลา สูบบุหรี่จัด หน้าแดงเกรียมแดดเพราะขยันตีกอล์ฟพอๆ กับความเคร่งเครียดกับงาน คำว่าประเทศญี่ปุ่นสำหรับผมจึงมีแค่นั้น
แต่เมื่อต้นยุค 2000 (ตอนหนุ่มๆ ม้ากกก) ผมเคยเป็นนักดนตรีอาชีพ วงก็พอมีชื่อเสียงอยู่บ้าง เลยได้มีโอกาสไปเล่นดนตรีต่างประเทศหลายครั้ง จนกระทั่ง เมื่อปี 2007 เป็นครั้งแรกที่ผมได้มีโอกาสมาเล่นคอนเสิร์ตที่ญี่ปุ่น ทันทีที่ยืนบันไดเลื่อนสนามบินนาริตะ คนญี่ปุ่นคนแรกที่ผมเห็นที่สนามบิน คือเจ้าหน้าที่ใส่สูทพอดีตัวตีเอวคอด ผมสั้นตั้งจัดทรงอย่างดี กันจอนและคิ้วอย่างมีสไตล์ กับลังผายมือต้อนรับ (ที่จริงคือต้อนเราไปจุด ตม.) มันทำให้ผมเปลี่ยนความคิดเกี่ยวกับคนญี่ปุ่นไปโดยสิ้นเชิง….
คอนเสิร์ตครั้งนั้นตัวผมเองไม่ได้คาดหวังอะไร คงเหมือนๆ กับทุกครั้งที่ออกนอกประเทศ ผู้ชมคือ นักศึกษา และแรงงานไทยในต่างแดน แต่เมื่อขึ้นเวทีก็ต้องแปลกใจ ที่คนดูกว่า 80% คือคนญี่ปุ่น พวกเขาร้องเพลงเราได้ เรียกชื่อพวกเรา เมื่อจบคอนเสิร์ต เราเดินออกมาจับมือทักทาย พวกเขากุมมือเราและพูดด้วยภาษาไทยที่ชัดถ้อยชัดคำ “ขอบคุณที่มานะครับ” แฟนเพลงชาวญี่ปุ่นหลายคน เรายังเป็นเพื่อนกันมาจนถึงทุกวันนี้
ตลอด 7 ปีที่อยู่ในวงดนตรีวงนี้ เราได้มีโอกาสเดินทางไปหลายประเทศ แต่นี่คือทริปคอนเสิร์ตต่างแดนที่ผมมีความสุขที่สุด คืนสุดท้าย ผมเดินในดองกิโฮเตะ จนเกือบเช้า เพราะต้องการใช้เวลาที่ญี่ปุ่นให้นานที่สุด
ก็เหมือนกับที่มีคำกล่าว “ญี่ปุ่นคือประเทศที่คุณได้มาแล้ว คุณจะอยากกลับมาอีกครั้งแล้วครั้งเล่า”
ผมตกหลุมรักญี่ปุ่นเข้าอย่างจังแล้ว…..
…..เดี๋ยวมาต่อ ตอนที่ 2 ครับ 😉
#ญี่ปุ่นไม่ง่าย
โฆษณา