5 มี.ค. เวลา 03:40 • การเกษตร

Economy of Scale & Ecosystem of Indoor Vertical Farm

การทำฟาร์มในร่ม (Indoor Vertical Farm) ได้กลายเป็นคำตอบที่เป็นไปได้สำหรับความท้าทายหลายประการที่เกษตรกรต้องเผชิญ ถึงแม้ Indoor Vertical Farm จะมีศักยภาพมหาศาลและดูเหมือนจะต้องมีการลงทุนจำนวนมากในเทคโนโลยีนี้ แต่ธุรกิจนี้ก็ดูเหมือนจะได้รับผลกระทบเชิงลบด้านการลงทุนจากฟาร์มหลายแห่งที่ไม่ประสบความสำเร็จที่มีข่าวมาโดยตลอดในช่วงนี้
แม้ว่าธุรกิจนี้จำเป็นต้องใช้ต้นทุนพลังงานที่สูงมาก ขนาดของฟาร์มเองก็มีผลในด้านการดำเนินงานและการเงิน หนึ่งในข้อดีของการทำ Indoor Vertical Farm คือความสามารถในการผลิตอาหาร เช่น ผักหรือผลไม้ ให้มีราคาที่จับต้องได้และลดการพึ่งพาห่วงโซ่อุปทานแบบดั้งเดิม ที่ใช้เวลานานมากในการขนส่งและสร้าง Food Waste ถึง 45% ของผลผลิต
ฟาร์มขนาดใหญ่แบบดั้งเดิมหรือออร์แกนนิค ต้องใช้การเพาะปลูกแบบรวมศูนย์ขนาดใหญ่และต้องมีพื้นที่กักเก็บน้ำขนาดใหญ่ (ใช้นำ้ 600,000 ลิตรต่อไร่ต่อรอบการปลูก ซึ่ง Indoor Vertical Farm ใช้เพียง 6,000 ลิตรหรือเพียงแค่ 1% จากการปลูกแบบเดิม) ส่วน Indoor Vertical Farm ที่ให้บริการในชุมชนเมืองหรือการมีฟาร์มในเมือง (Urban Farm) สามารถจัดการกับเรื่องปัญหาการใช้พื้นที่ขนาดใหญ่และการใช้นำ้จำนวนมากได้
แต่การใช้พื้นที่ขนาดเล็กไม่ได้หมายความว่าผลผลิตจะน้อย การวางแผนและออกแบบมาอย่างดีทำให้สามารถปลูกผักได้ถึง 10 ตันต่อเดือนเพียงพื้นที่ปลูกแค่ 400 ตารางเมตรหรือเพียง 100 ตารางวา เทียบกับการปลูกออร์แกนนิคที่ต้องใช้พื้นที่ถึง 20 ไร่
Indoor Vertical Farm ที่ประสบความสำเร็จนั้นต้องอาศัยตลาดเป็นสำคัญ เกษตรกรผู้ทำ Indoor Vertical Farm ต้องเริ่มต้นด้วยความเข้าใจว่าตลาดที่เราคาดหวังจะให้อะไรเราได้บ้างในแง่ของยอดขาย ความมั่นใจ และการเติบโต โดยการเปรียบเทียบระหว่างต้นทุนการผลิตและการจัดจำหน่ายในชุมชนของฟาร์ม ด้วยระบบการตลาดการดำเนินงานของ Indoor Vertical Farm ส่วนใหญ่แล้วฟาร์มต้องการประเภทลูกค้าแบบค้าปลีกหรือลูกค้าที่ซื้อเพื่อบริโภคจำนวนมาก (B2C)
ซึ่งบางครั้งอาจรวมถึงข้อมูลการบริโภคทั้งหมดของเมืองที่ฟาร์มตั้งอยู่ด้วย ข้อได้เปรียบทางการแข่งขันที่สำคัญในท้ายที่สุดก็คือ ต้นทุน แน่นอนว่ามีข้อได้เปรียบอื่นๆ เช่น ความสดใหม่ของผลผลิตสำหรับการปลูกในชุมชน (Urban Farm) แต่ท้ายที่สุดแล้วเมื่อต้องจัดการในปริมาณมากต้นทุนจะกลายเป็นปัจจัยสำคัญ
Indoor Vertical Farm มีข้อดีหลายประการ เช่น สามารถส่งมอบความสดใหม่ได้อย่างรวดเร็ว, สามารถมองหาผู้ซื้อที่เป็นกลุ่มเฉพาะได้ง่าย (Niche Market) เช่น ร้านอาหารในชุมชนที่ต้องการผักที่สะอาดและสม่ำเสมอ (ซึ่งระบบเกษตรแบบดั้งเดิมให้บริการไม่ได้), ผู้อยู่อาศัยในชุมชนใกล้ๆ ฟาร์มหรือคนที่มีกิจกรรมในการใช้ชีวิตใกล้ๆ ฟาร์ม และสิ่งสำคัญมากก็คือ Indoor Vertical Farm สามารถสร้างความสัมพันธ์ที่ดีและแน่นแฟ้นกับลูกค้า (Customer Loyalty) เพื่อปกป้องตลาดของตนได้ดีกว่าเกษตรกรแบบดั้งเดิม
เมื่อทำเช่นนี้ Indoor Vertical Farm ยังสามารถมองหาโอกาสในการขยายตลาดได้อีกด้วย กรณีศึกษาของฟาร์มที่เติบโตในอุตสาหกรรมยังมีเรื่องของการให้ “บริการ” ที่ดีด้วย (Farm as a Service) ท้ายที่สุดแล้วสิ่งเหล่านี้ก็เป็นโมเดลธุรกิจที่แตกต่างกันของแต่ละฟาร์มที่จะต้องออกแบบด้วยตัวเอง
เมื่อพิจารณาด้านกลยุทธ์ Indoor Vertical Farm จำเป็นต้องประเมินกลยุทธ์ เรื่อง Economy of Scale หากเป็นไปได้ พื้นที่ที่มีขนาดที่เหมาะสมจะนำมาซึ่งข้อได้เปรียบของการผลิตในปริมาณมากและความคุ้มค่าด้านต้นทุน ในกรณีที่มีการใช้พื้นที่ที่น้อยเกินไปยังเสี่ยงที่จะทำให้ตลาดปัจจุบันของคุณอิ่มตัว (ไม่เพียงพอกับการจำหน่าย) และต้นทุนการปลูกที่สูงเกินไป
หรือถ้าใช้พื้นที่มากเกินไปจำเป็นต้องขยายขอบเขตการจัดจำหน่ายที่ไกลขึ้น เช่น ส่งสินค้าไปขายในต่างจังหวัด ซึ่งจะขัดแย้งกับวัตถุประสงค์ของ Indoor Vertical Farm ที่จะลดการขนส่งเพื่อรักษาสิ่งแวดล้อม ตัวเลือกนี้ขึ้นอยู่กับการวิเคราะห์ความต้องการของลูกค้ของฟาร์ม
การใช้เทคโนโลยีจำเป็นต้องคำนึงถึงอนาคต แม้ว่าเทคโนโลยีจะสามารถเพิ่มประสิทธิภาพได้ แต่การลงทุนมากเกินไปในเทคโนโลยีที่อาจไม่ได้ใช้ประโยชน์เต็มที่ ซึ่งสามารถสร้างภาระทางการเงินให้กับฟาร์มและทำให้ธุรกิจเสียหายได้ การตัดสินใจนำเทคโนโลยีหรือออกแบบระบบที่สอดคล้องกับเป้าหมายระยะยาวมาใช้ที่ไม่เกินความจำเป็น ทำให้มั่นใจได้ว่าฟาร์มสามารถปรับตัวเข้ากับความก้าวหน้าของอุตสาหกรรมได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น
การลงทุนในเทคโลยีอัตโนมัติที่ใช้ในฟาร์มแต่ละครั้งควรได้รับการพิจารณาในบริบทของต้นทุนการดำเนินงานและผลกำไร อย่างไรก็ตามการลงทุนอย่างชาญฉลาดในระบบอัตโนมัติสามารถช่วยให้การควบคุมกระบวนการที่สำคัญได้อย่างแม่นยำและมีการตรวจสอบการดำเนินงานจากส่วนกลางได้อย่างสมบูรณ์ โดยไม่มีความเสี่ยงต่อข้อผิดพลาดของมนุษย์
สิ่งนี้ไม่ต้องการระบบที่มีราคาแพงมากเกินไป แต่เทคโนโลยีที่ให้ฟังก์ชันดังกล่าวต้องพร้อมใช้งานและต้องใช้งานได้ง่าย ซึ่งต้องใช้ความเชี่ยวชาญในการติดตั้งและนำระบบไปใช้อย่างถูกต้องและเข้าใจข้อจำกัด ขอย้ำอีกครั้งว่า การพัฒนาธุรกิจให้เติบโตและการมีความเชี่ยวชาญที่เหมาะสมในการออกแบบฟาร์มที่ถูกต้องกับตลาด สามารถช่วยลดเงินลงทุนและต้นทุนการดำเนินงานได้เป็นอย่างดี
พิจารณาองค์ประกอบเสริมของธุรกิจฟาร์ม ตั้งแต่บรรจุภัณฑ์และการขนส่งไปจนถึงสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ ฟาร์มอาจมีประสิทธิภาพการบริการที่สูงขึ้นมาก เมื่อมีรถบรรทุกขนผลผลิตแค่เพียงคันเดียวที่จัดส่งไปยังผู้บริโภคทำให้เกิดความใกล้ชิดกับลูกค้าได้เป็นอย่างดี (Know Your Farmer, Know Your Food)
แต่บางครั้งอาจจำเป็นต้องมีการดำเนินการจากภายนอก (ไปรษณีย์) ซึ่งบางครั้งก็ดีกว่าหรือบางครั้งก็ไม่เลย ในเรื่องนี้จำเป็นต้องมีการทบทวนทางเทคนิคอย่างเชี่ยวชาญเกี่ยวกับสถานที่และแผนการบูรณาการกับหน่วยงานอื่นๆ เพื่อป้องกันปัญหาคอขวดในการปฏิบัติงาน
Indoor Vertical Farm สามารถปรับปรุงกระบวนการให้มีประสิทธิภาพดีขึ้นโดยเรียนรู้จากประสบการณ์และปรับให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงของตลาด การสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าในชุมชนช่วยให้เข้าใจความต้องการของพวกเขาได้ดีขึ้น การอำนวยความสะดวกต่างๆ สำหรับลูกค้าเพื่อตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไป การเริ่มต้นจากการปรับปรุงเล็กๆ น้อยๆ ไม่เพียงแต่ลดความเสี่ยงเท่านั้น แต่ยังสร้างความสำเร็จในระยะยาวที่ผ่านการปรับปรุงอย่างต่อเนื่องและใช้กลยุทธ์การปรับตัว
ฟาร์มสามารถเพิ่มการลงทุนเพียงเล็กน้อยเพื่อตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว นี่เป็นข้อได้เปรียบทางการแข่งขันอย่างมากกับเกษตรแบบดั้งเดิม และธุรกิจที่มีพลวัตควรแบบนี้ควรใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่จากข้อดีที่ทีอยู่ โดยมองหาโอกาสใหม่ๆ ที่เป็นปัญหาในเรื่องอาหารปลอดภัยและความมั่นคงทางอาหาร (Food Safty, ยาฆ่าแมลง และ Food Security)
รวมถึงเรื่องของสุขภาพจากการบริโภค (สารอาหารที่มีประโยชน์และความสามารถในการปลูกเพื่อลดสารอาหารบางอย่างที่เป็นอันตรายต่อผู้ป่วย เช่น ผักโปแตสเซียมต่ำเพื่อผู้ป่วยโรคไต) ซึ่งเป็นกระแสที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ความล้มเหลวของบาง Indoor Vertical Farm ที่มีมาก่อนหน้านี้ นั่นหมายถึงเราคงต้องเน้นย้ำถึงความสำคัญของการเรียนรู้จากความล้มเหลว และหวังว่าจะมีการบันทึกไว้อย่างดีถึงความล้มเหลวที่ไม่จำเป็นต้องเกิดขึ้นซ้ำ สิ่งสำคัญคือต้องวิเคราะห์ความล้มเหลวเหล่านี้ด้วยสายตาที่มีวิจารณญาณ ในขณะที่ Indoor Vertical Farm ที่กำลังจะเกิดขึ้นใหม่ก็กำลังเตรียมพร้อมทำธุรกิจกันอย่างมากมายทั่วโลก โดยไม่มีใครเคยอ้างความล้มเหลวของฟาร์มอื่นๆ ที่มีมาว่าเป็นผลมาจากการวางแผนที่ไม่ดีหรือรูปแบบธุรกิจที่ไม่ดี
การทำงานร่วมกับพันธมิตรที่เข้าใจแนวทางที่ครอบคลุมและสามารถช่วยในการพิจารณาการเติบโตของธุรกิจในระยะยาวถือเป็นสิ่งสำคัญมาก สำหรับหลายๆ คน เส้นทางสู่ความสำเร็จในการทำฟาร์มแนวตั้ง (Indoor Vertical Farm) อาจอยู่ที่การเริ่มต้นจากเล็กๆ, การวางแผนในเรื่อง Economy of Scale และการปรับตัวให้เข้ากับธรรมชาติที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาของตลาด ด้วยการมองไปข้างหน้า, พิจารณาอย่างรอบคอบในกลยุทธ์การเติบโต, การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีอย่างรอบคอบและใช้ประโยชน์จากข้อดีของนวัตกรรมนี้
ผู้ประกอบการสามารถสร้างกิจการเกษตรกรรมแนวตั้ง (Indoor Vertical Farm) ที่ประสบความสำเร็จได้ ซึ่งยังสามารถรักษาคำมั่นสัญญากับผู้บริโภคในการผลิตอาหารปลอดภัยมีสารอาหารสูงสุดและเหมาะสมกับชุมชนและมีราคาที่เป็นธรรมและจับต้องได้
โฆษณา