5 มี.ค. 2024 เวลา 07:11 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์

The Pig, The Snake and The Pigeon ไถ่บาป ให้ดังถึงฟ้า

"ฉันไม่กลัวความตาย ฉันกลัวว่าจะไม่มีใครจำฉันได้"
เฉินกุ้ยหลิน อาชญากรที่ถูกตำรวจตามล่า หลังจากบุกเดี่ยวไปยิงเจ้าพ่อตายในงานศพบิ๊กบอส และทำร้ายตำรวจจนบาดเจ็บสาหัส ต้องหลบหนีทั้งมาเฟียและตำรวจ แต่เมื่อพบว่าตนเองกำลังจะตายด้วยมะเร็งปอดระยะที่ 4 เขาตัดสินใจไปมอบตัว แต่ที่โรงพักกลับวุ่นวายสับสนจนไม่มีใครสนใจเขา และเมื่อหันไปมองป้ายประกาศจับอาชญากรที่ต้องการตัวที่สุดในไต้หวัน เขาก็พบว่าตนเองอยู่เพียงอันดับ 3 ของอาชญากรที่ตำรวจไต้หวันต้องการตัวมากที่สุดเท่านั้น
เฉินกุ้ยหลินจึงตัดสินใจทำในสิ่งที่โลกต้องจดจำ เขาออกจากสถานีตำรวจแล้วเปลี่ยนความตั้งใจมอบตัวเป็นอุทิศเวลาที่เหลืออยู่อีกไม่กี่เดือน เขาจะตามล่าอาชญากร 2 คนที่อยู่อันดับความต้องการตัวสูงกว่าเขาให้จงได้ เพราะจะทำให้คนทั้งไต้หวันจดจำชื่อเขาให้ได้
The Pig, The Snake and The Pigeon หนังไต้หวันที่เปิดฉายในบ้านเมื่อตุลาคมที่ผ่านมา และเรียกเสียงฮือฮาได้ไม่น้อยเมื่อได้ทั้งเงินและคำวิจารณ์ที่ดี โดยเฉพาะมีชื่อเข้าชิงรางวัล Golden Horse Awards 2023 ถึง 7 รางวัลด้วยกัน
อีกทั้งเมื่อวันที่ 1 มีนาคมที่ผ่านมาก็เปิดฉายในโรงหนังที่จีน พร้อมกับสตรีมมิ่งผ่าน Netflix ไปด้วย ยังทำรายได้ขึ้นเป็นอันดับ 1 ประจำสัปดาห์เปิดตัว ด้วยตัวเลขรายได้สูงถึง 16.2 ล้านดอลลาร์ ถือว่าประสบความสำเร็จสูง เป็นหนังต่างแดนเรื่องแรกที่ขึ้นอันดับหนึ่งในตารางหนังทำเงินจีน นับจากช่วงตรุษจีนเป็นมา (แต่ขึ้นได้แค่แป๊บเดียวก็ถูก Article 20 แซงกลับไปแล้ว)
The Pig, The Snake and The Pigeon เป็นหนังไต้หวันแต่เขียนบทและกำกับโดยผู้กำกับหนังฮ่องกง คือ หว่อง ชิง-โป (Wong Ching-Po) มือเก๋าชาวฮ่องกงที่สร้างชื่อกับหนังแนวทริลเลอร์เรื่อง FU BO หนังของหว่องหลายเรื่องเป็นเรื่องราวของการหักเหลี่ยม เฉือนคมของบรรดามาเฟียฮ่องกง หรือไม่ก็ต่อสู้ ล้างแค้น
เรื่องดังๆของเขา ที่เราพอรู้จักก็มี อึ้ง ทึ่ง สู้ (Once Upon A Time In Shanghai, 2014) และ เพราะรัก ต้องล้างแค้น( Revenge: A Love Story, 2010) พอมาทำหนังไต้หวัน หว่องเอาลักษณะบางอย่างของหนังฮ่องกงมาใช้ คือความรุนแรงและความโรแมนติกอย่างหนักหน่วง ซึ่งเป็นสองอารมณ์ที่ตัดกันรุนแรงแต่มักแทรกซึมอยู่ในหนังแอ็กชั่นของฮ่องกงได้ดี
และเขาก็พาหนังมาเฟียไต้หวันไปอีกจุดหนึ่งมีทั้งความดุเดือดรุนแรง เต็มไปด้วยอารมณ์ดราม่าจัด และเนื้อเรื่องที่ดูเหมือนสะเปะสะปะ แต่ทว่าเมื่อหนังจบลงกลับสะเทือนใจอย่างยิ่ง ซึ่งเรามักไม่ค่อยเจออารมณ์แบบนี้ในหนังไต้หวัน
The Pig, The Snake and The Pigeon อาจจะมีจุดโหวมากมายในบทและการเล่าเรื่อง โดยเฉพาะในช่วงที่เฉินกุ้ยหลินเข้าสู่การตามล่าอาชญากร 2 คนที่อยู่เหนือเขา คือ ไอ้ฮ่องกงอาชญากรจากฮ่องกงที่เป็นมาเฟีย ก่อกรรมทำเข็ญ สุดโหดโดยสันดาน และอาชญากรอันดับหนึ่งคือไอ้หัวกระทิง
ซึ่งทั้ง 2 เรื่องราวของการไล่ล่านี้กลับต่างกันเหมือนหนังคนละเรื่อง เปลี่ยนอารมณ์ผู้ชมแบบตั้งตัวไม่ทัน เพราะการไล่ล่าไอ้ฮ่องกงเต็มไปด้วยแอ็กชั่น เหมือนเป็นหนังแอ็กชั่นเพื่อแอ็กชั่น แต่พอเฉินกุ้ยหลินไล่ล่าไอ้หัวกระทิงกลับเป็นดราม่า กระชากอารมณ์ เหมือนดูหนัง 2 เรื่องในเรื่องเดียวกัน แต่เมื่อเรื่องดำเนินต่อไปจนถึงจุดจบ ตัวหนังดันกลับมาปิดเรื่องได้อย่างสวยงาม
ชื่อหนังภาษาจีนหมายถึงว่า กำจัดปีศาจ 3 ตัว ทำให้รู้สึกได้ว่าบางทีการกำจัดคนเลวหรือปีศาจร้ายให้ออกไปจากสังคม เราอาจจะจำเป็นต้องใช้ปีศาจเข้าไปจัดการกันเอง เหมือนกับเฉินกุ้ยหลินที่เรารู้ว่าเขามันเลว เป็นนักเลง ฆ่าคนเป็นว่าเล่น แต่เรา(ผู้ชม)ก็อดเชียร์เขาไปด้วยไม่ได้ เชียร์ให้ฆ่าได้สำเร็จ เพราะเรารู้ว่าคนที่เขาจัดการ มันก็เป็นคนเลวยิ่งเสียกว่าเฉินกุ้ยหลินหรือเลวจนไม่น่าเป็นคนเสียอีก ผมว่าหนังมันทำให้เรากลายเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดไปด้วย ตลกร้ายจริงๆ
ส่วนสัตว์ 3 ชนิดที่ปรากฏอยู่ในชื่อหนังนั้น ต้องบอกว่าตามความเชื่อแล้วสัตว์ทั้งสามชนิดนี้อยู่ในศูนย์กลางของวัฏจักรชีวิต หรือการกลับชาติมาเกิดใหม่ตามพุทธศาสนา เป็นตัวแทนของสิ่งที่ชาวพุทธเรียกว่าเป็นพิษร้าย ได้แก่ "ความโลภ ความโกรธ และความไม่รู้" ซึ่งทั้ง 3 สิ่งนี้เปรียบเสมือนเป็นปีศาจในตัวของเราเอง และยังสอดคล้องกับอาชญากรทั้งสามที่เป็นที่ต้องการตัวมากที่สุดในเรื่องอีกด้วย
ความโลภสอดคล้องกับนกพิราบเป็นสัญลักษณ์ของผู้มีเกียรติที่บริสุทธิ์ ส่วนความโกรธเสมือนงูที่ค่อยๆกัดกินหางตนเอง และหมูเป็นสัญลักษณ์ของความไม่รู้แต่อวดฉลาดทำทุกอย่างที่บ้าคลั่งเพียงเพื่อชื่อเสียงอันเป็นเท็จเท่านั้น
ดูได้ทาง netflix แล้วจะรู้ว่าใครคือสัตว์ประเภทใด
7.5/10
โฆษณา