[Bnomics] เหตุใดญี่ปุ่นถึงหลุดจากการเป็นประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่อันดับสาม? ตัวเลขเศรษฐกิจญี่ปุ่นล่าสุดหดตัวลงอย่างไม่คาดคิด ทำให้เศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอยจนสูญเสียความเป็นประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่อันดับสามให้แก่เยอรม

สำรวจ
ลงทุน
คำถาม

มีบัญชีอยู่แล้ว?หรือ

•

7 มี.ค. 2024 เวลา 01:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ

เหตุใดญี่ปุ่นถึงหลุดจากการเป็นประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่อันดับสาม?

ตัวเลขเศรษฐกิจญี่ปุ่นล่าสุดหดตัวลงอย่างไม่คาดคิด ทำให้เศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอยจนสูญเสียความเป็นประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่อันดับสามให้แก่เยอรมนีไปเป็นที่เรียบร้อย

🔴หรือเศรษฐกิจแดนอาทิตย์อุทัยจะไม่ทรงพลังอีกต่อไป?

GDP ของญี่ปุ่นหดตัวในอัตราต่อปีที่ 0.4% ในช่วง 3 เดือนสุดท้ายของปีที่ผ่านมา หลังจากที่ในไตรมาสก่อนหน้าก็หดตัวในอัตราต่อปีที่ 3.3% ซึ่งตามนิยามภาวะเศรษฐกิจถดถอย หมายถึงการที่เศรษฐกิจหดตัวลงติดต่อกัน 2 ไตรมาสขึ้นไป เศรษฐกิจญี่ปุ่นจึงเข้านิยามนี้พอดี

การลดลงของตัวเลขการเติบโตนี้ต่ำกว่าที่ตลาดได้เคยคาดการณ์ไว้ จากผลการสำรวจนักเศรษฐศาสตร์ที่ทาง Reuters ได้จัดทำขึ้น ส่วนใหญ่มองว่า GDP ในไตรมาสที่ 4 ของปีที่ผ่านมา จะเติบโตในอัตราต่อปี 1.4% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า

ตัวเลขนี้จึงย้ำชัดให้เราเห็นว่าญี่ปุ่นได้หล่นลงมาเป็นประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่อันดับ 4 ตามหลังเยอรมนีเป็นที่เรียบร้อยเมื่อดูในรูปของมูลค่าดอลลาร์สหรัฐฯ

🔴ทำไมเศรษฐกิจญี่ปุ่นถดถอย?

อุปสงค์ภายในประเทศอ่อนแอลงเป็นอย่างมาก ในทุกๆ หมวดของอุปสงค์ภายในประเทศ รวมไปถึงการจับจ่ายใช้สอยก็ติดลบ ยกเว้นอุปสงค์จากภายนอกประเทศ สะท้อนให้เห็นผ่านตัวเลขการส่งออกสินค้าและบริการ ซึ่งเป็นส่วนช่วยดึงให้ตัวเลขขึ้นไปได้บ้าง

การบริโภคภาคเอกชน ซึ่งคิดเป็นครึ่งหนึ่งของเศรษฐกิจ หดตัวในอัตราต่อปีที่ 0.9% ในไตรมาสที่สี่ เนื่องจากผู้บริโภคชาวญี่ปุ่นต้องเผชิญกับราคาสินค้า เชื้อเพลิง และอื่นๆ ที่สูงขึ้น นับเป็นการหดตัวติดต่อกันเป็นไตรมาสที่สาม แล้วยิ่งแย่ลงไปอีกในเดือนมกราคมที่เกิดแผ่นดินไหว ทำให้คนหยุดจับจ่ายใช้สอยในช่วงนั้น

เงินเยนได้อ่อนค่าลงไป 6.6% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ นับตั้งแต่ต้นปี ทำให้กลายเป็นหนึ่งในสกุลเงินที่อยู่ในสถานะแย่ที่สุด ในบรรดากลุ่มประเทศอุตสาหกรรมทั้ง 10 ประเทศ

แล้วญี่ปุ่นนำเข้าพลังงานหลักๆ กว่า 94% และนำเข้าอาหาร 63% ดังนั้นการที่เงินเย็นอ่อนค่าลง ย่อมมีส่วนทำให้ค่าครองชีพสูงขึ้น

ในช่วงไตรมาสที่สี่ การใช้จ่ายเพื่อการลงทุนลดลงติดต่อกันเป็นไตรมาสที่สาม ลดลงไป 0.3% การลงทุนในที่อยู่อาศัยก็ลดลงไป 4%

อย่างไรก็ตาม ยังคงมีอุปสงค์จากภายนอก เป็นตัวหนุนการเติบโตโดยรวม การส่งออกของญี่ปุ่นเติบโตในอัตราต่อปีที่ 11% เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า โดยได้รับอานิสงค์จากการอ่อนค่าของเงินเยน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การบริโภคขาเข้าประเทศ ซึ่งรวมไปถึงการจับจ่ายใช้สอยโดยนักท่องเที่ยว ก็เพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก

แม้ว่าทางเทคนิคแล้วญี่ปุ่นได้เข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ญี่ปุ่นก็ยังมีปัจจัยหนุนอยู่ และในฝั่งของตลาดทุนดัชนี Nikkei 225 ปรับเพิ่มขึ้น 1.2% และเปิดเหนือระดับ 38,000 เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1990

นักเศรษฐศาสตร์หลายคนจึงมองว่าภาวะเศรษฐกิจถดถอยน่าจะลดลงมาอยู่ระดับกลางๆ ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า

คาดว่าการบริโภคภาคเอกชนที่หดตัวเมื่อปลายปี ก็คงจะเริ่มดีขึ้นในไตรมาสปัจจุบัน จากการที่เงินเฟ้อเริ่มมีเสถียรภาพมากขึ้น และการเติบโตของค่าจ้างที่คาดการณ์

ในฝั่งของการลงทุน รายได้ของบริษัทและความต้องการ IT ที่แข็งแกร่ง จะนำไปสู่การเพิ่มการลงทุนด้านสิ่งอำนวยความสะดวก

นอกจากนี้อัตราการว่างงานลดลงต่ำสุดในรอบ 11 เดือน ที่อัตรา 2.4% ในเดือนธันวาคม ยิ่งไปกว่านั้นจากการสำรวจของ ธนาคารกลางญี่ปุ่นแสดงให้เห็นว่าสถานการณ์ทางธุรกิจในเกือบทุกๆ อุตสาหกรรม และทุกๆ ขนาด อยู่ในจุดที่แข็งแกร่งที่สุด นับตั้งแต่ไตรมาสที่ 4 ของปี 2018

ทาง Goldman Sachs จึงคาดว่าเศรษฐกิจของญี่ปุ่นจะเติบโตได้ 1% ในไตรมาสแรกของปีนี้

เราก็คงต้องติดตามกันต่อไปว่า ญี่ปุ่นจะทวงบัลลังก์อันดับ 3 กลับมาได้หรือไม่…

ผู้เขียน: ชนาภา มานะเพ็ญศิริ Economist, Bnomics

ภาพประกอบ : บริษัท ก่อการดี จำกัด

════════════════

▶︎ ติดตามช่องทางของ Bnomics ได้ที่

Website : https://www.bnomics.co

Facebook : https://www.facebook.com/Bnomics.co

Blockdit : https://www.blockdit.com/bnomics

Line OA : @Bnomics https://bit.ly/3eYkTJC

Youtube : https://www.youtube.com/bnomics

Twitter : https://twitter.com/bnomics_co