8 มี.ค. เวลา 11:20 • หุ้น & เศรษฐกิจ

พักแรงทำเงิน...ให้เงินทำงาน

Warren Buffett- ได้กล่าวไว้ว่า “ถ้าคุณยังหาทางทำเงิน ตอนคุณนอนหลับไม่ได้ คุณต้องทำงานไปจนตาย” ยังคงเป็นความจริงจนมาถึงปัจจุบัน เพราะร่างกายมนุษย์ไม่ใช่เครื่องจักร เราไม่สามารถใช้แรงทำงานตลอดไปได้ เพราะร่างกายมนุษย์คือ สิ่งมีชีวิตที่สักวันต้องเจ็บป่วย เกษียณอายุการทำงาน แต่เรายังคงต้องดำเนินชีวิตต่อไป ดังนั้นจะดีกว่าไหมถ้าหากวันใดที่เราไม่สามารถทำงานได้ เราจะยังคงมีรายได้จากส่วนที่เราให้เงินทำงานได้
3
แต่ก่อนอื่นเราต้องเข้าใจก่อนว่า “การให้เงินทำงาน”: ไม่ได้หมายความว่าเราไม่ต้องทำงานใดเลย แต่เป็นวิธีที่จะทำให้เราไม่ต้องใช้แรงและเวลาทั้งหมดเพื่อไปแลกกับเงิน หรือที่เรียกกันว่า “Passive income” เป็นรายได้มาจากการที่เราลงแรงไปในตอนแรก แต่ยังคงได้รายได้นั้นกลับมาอย่างต่อเนื่องแม้งานจะเสร็จสิ้นไปแล้วก็ตาม
ดังนั้นเรามาศึกษาหาวิธีที่จะทำให้ในสักวันหนึ่งเมื่อเราหยุดใช้แรงทำงาน เงินที่ได้จากน้ำพักน้ำแรงนั้นจะยังสามารถทำงานสร้างรายได้ให้เราต่อ ๆ ไปได้ ซึ่งจะมีวิธีอะไรบ้างเราไปดูกันเลย…
เงินฝากออมทรัพย์: วิธีใกล้ตัวที่สามารถทำได้ง่ายที่สุด แทนที่เราจะเก็บเงินไว้กับตัวเฉย ๆ นำไปฝากไว้กับธนาคาร หรือ แอปพลิเคชันฝากเงินดิจิทัล เมื่อครบตามเวลาและเงื่อนไขที่กำหนด ธนาคารก็จะจ่ายดอกเบี้ยคำนวณจากเงินจำนวนนั้นที่เรานำไปฝากไว้ ทั้งยังเป็นวิธีใช้เงินสร้างเงิน ที่มีความปลอดภัยเพราะจำนวนเงินต้นที่นำไปฝากมีความเสี่ยงน้อยที่จะถูกลดจำนวนหรือสูญหาย แต่ก็แลกมาด้วยกับผลตอบแทนที่น้อยเช่นเดียวกัน จึงทำให้อาจจะต้องใช้เงินจำนวนสูงมากไปฝากออมทรัพย์จึงจะได้ผลตอบแทนสูงตามต้องการได้
อสังหาริมทรัพย์: ผลตอบแทนจากการให้เงินทำงานวิธีนี้ส่วนใหญ่จะมาในรูปแบบค่าเช่า หรือ การซื้อ-ขายเพื่อเก็งกำไรในอนาคต ไม่ว่าจะเป็น การปล่อยเช่าคอนโด หอพัก บ้าน ที่อยู่อาศัย หรือ ปล่อยพื้นที่สำหรับเช่าทางการค้า อาคาร สำนักงาน แน่นอนว่าผลตอบแทนจากค่าเช่าจะมาในจำนวนมากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับทำเล ที่อยู่ หรือที่ตั้งของสถานที่ ทั้งยังเป็นเงินที่ได้อย่างสม่ำเสมอตราบใดที่ยังมีผู้เช่าพื้นที่อยู่ แต่ก็ต้องแลกมากับการใช้เงินลงทุนจำนวนมาก และค่าบำรุงรักษาความเสื่อมโทรมของอสังหาริมทรัพย์นั้นเช่นเดียวกัน
ตราสารหนี้: ตราสารทางการเงินที่ผู้ลงทุนมีสถานะเป็นเจ้าหนี้ และผู้ออกตราสารมีสถานะเป็นลูกหนี้ โดยเราจะได้รับผลตอบแทนในรูปของดอกเบี้ย อย่างสม่ำเสมอตามระยะเวลาที่กำหนดไว้ และจะได้รับเงินต้นคืนเมื่อครบกำหนดอายุ ตัวอย่างตราสารหนี้ เช่น ตั๋วเงินคลัง พันธบัตรรัฐบาล และหุ้นกู้เอกชน ซึ่งตราสารหนี้มีจุดเด่นตรงที่เป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงน้อย แต่ให้ผลตอบแทนสม่ำเสมอ เฉลี่ยที่ 2-5%
โดยถือว่าเป็นผลตอบแทนที่สูงกว่าฝากออมทรัพย์ ซึ่งอาจจะมีความเสี่ยงในส่วนจากการผันผวนของการปรับอัตราดอกเบี้ย หรือการขาดสภาพคล่องที่ผู้ลงทุนไม่สามารถซื้อหรือขายสัญญาตราสารหนี้ในเวลาและราคาที่ต้องการได้ ดังนั้นผู้ลงทุนควรศึกษาให้แน่ใจว่าผู้ออกตราสารหนี้สามารถจ่ายดอกเบี้ยและเงินต้นคืนได้เมื่อครบกำหนดสัญญาระบุไว้
กองทุน: มีลักษณะเป็นการรวบรวมเงินทุนของกลุ่มนักลงทุน เพื่อนำไปลงทุนตามนโยบายของกองทุนนั้น ๆ ผลตอบแทนจากการลงทุนในกองทุนรวมจะได้จากส่วนต่างราคาจากการขายหน่วยลงทุน และเงินปันผล กองทุนรวมมีจุดเด่นตรงที่มีเงินน้อยก็ลงทุนได้ มีทางเลือกหลากหลายสำหรับนักลงทุน ทั้งกองทุนรวมตราสารหนี้ หุ้นในประเทศ หุ้นต่างประเทศ รวมไปถึง อสังหาริมทรัพย์ ทองคำ สินทรัพย์อื่น ๆ อีกทั้งกองทุนรวม SSF/RMF ก็สามารถนำสิทธิประโยชน์ไปลดหย่อนภาษีได้
ซึ่งแต่ละกองทุนมีผลตอบแทนและความเสี่ยงที่แตกต่างกันตามประเภทสินทรัพย์ที่กองทุนนำไปลงทุน เราสามารถเลือกกองทุนให้เหมาะกับวัตถุประสงค์การลงทุนและระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ ซึ่งจะมีการทำแบบทดสอบวัดระดับความเสี่ยงเพื่อประเมินเบื้องต้นก่อนการเปิดบัญชีซื้อขายกองทุน
หุ้น: เป็นการลงทุนที่มีสภาพคล่องสูง เพราะสามารถซื้อ-ขาย ได้ทุกวันในวันที่ตลาดหลักทรัพย์เปิดทำการ ทั้งการซื้อหุ้นยังทำให้ผู้ลงทุนได้เป็นส่วนหนึ่งของเจ้าของกิจการ โดยผลตอบแทนจะมาได้รูปแบบของเงินปันผล หรือส่วนต่างของราคาในการซื้อ-ขายหุ้น
ในตลาดหลักทรัพย์มีหุ้นให้เลือกลงทุนอยู่มากมาย ซึ่งมีวิธีในการคัดกรองที่แตกต่างตามมุมมองของนักลงทุนแต่ละคนจึงจำเป็นต้องอาศัยความรู้ความเข้าใจประกอบการตัดสินใจลงทุน และควรเลือกลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแรง มีนโยบายจ่ายเงินปันผลอย่างต่อเนื่อง และเป็นหุ้นที่มีอัตราเงินปันผลตอบแทนเฉลี่ย (Average Dividend Yield) ไม่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในกลุ่มอุตสาหกรรมนั้น ๆ เพื่อสร้างกระแสเงินสดหรือผลตอบแทนจากการลงทุนได้อย่างสม่ำเสมอ
จะเห็นได้ว่ามีวิธีสร้าง Passive income อยู่หลากหลายวิธีที่สามารถนำเงินไปเป็นต้นทุนทำงานต่อยอดให้เงินงอกเงยได้ ซึ่งจำนวนเงินที่ต้องการได้รับต่อเดือน ส่งผลต่อจำนวนเงินลงทุนที่ต้องมี แต่ก็ขึ้นอยู่กับวิธีที่เลือกใช้เงินไปลงทุนด้วย เราไปดูตารางเปรียบเทียบการนำเงินไปลงทุนด้วยวิธีต่าง ๆ กัน ว่ามีผลลัพธ์แตกต่างกันมากขนาดไหน
จากตารางดังกล่าวจะเห็นได้ว่า การลงทุนในหุ้นสามารถสร้างได้รายได้แบบ Passive Income ได้โดยใช้จำนวนเงินต้นที่ต้องลงทุนจำนวนน้อยกว่าการลงทุนในสินทรัพย์อื่น ๆ และการเลือกสร้างรายได้แบบ Passive Income ในหุ้นก็ดูจะเป็นช่องทางที่ช่วยแบ่งเบาภาระการทำงานในรูปแบบ Active Income ได้เป็นอย่างดี
แต่ก็แน่นอนว่ายิ่งผลตอบแทนสูง ความเสี่ยงจากการลงทุนก็จะสูงขึ้นตามไปด้วย เราจึงควรศึกษาและเตรียมตัวพร้อมเป็นอย่างดี ซึ่งการเลือกโบรกเกอร์ที่ดีเป็นตัวช่วยสำคัญแก่นักลงทุนเพราะยิ่งค่าธรรมเนียมในการซื้อ-ขายหุ้นถูกก็จะช่วยประหยัดต้นทุนนำไปสมทบเป็นเงินต้นที่ใช้ลงทุนได้ ถึงแม้ว่าการสร้างเส้นทางให้เงินทำงานจะไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ใช่ว่าจะไม่มีทางเป็นไปได้
และหากสนใจลงทุนในหุ้น ก็สามารถเปิดบัญชีออนไลน์กับ บล. Zcom ด้วยค่าคอมมิชชันเพียง 0.065%* ไม่มีขั้นต่ำ ไม่ปรับเพิ่ม นักเทรดมือใหม่ก็ไม่ต้องกังวลเพราะมีสิทธิพิเศษ Zchool ห้องเรียนหุ้นออนไลน์มอบให้สำหรับลูกค้า บล. Zcom ทั้งยังมีเครื่องมือครบครัน บทวิเคราะห์รายวัน เพื่อให้เตรียมความพร้อมได้อย่างเท่าทันทุกสถานการณ์การลงทุน
เปิดพอร์ตออนไลน์ได้ที่นี่ : https://bit.ly/3IsSNEm
หมายเหตุ: *อัตรานี้ยังไม่รวมค่าธรรมเนียมอื่น ๆ
**การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินใจลงทุน
ที่มา:
ธนาคารกรุงศรีอยุธยา. อยากมี Passive Income ควรเริ่มต้นอย่างไร?, จาก https://bit.ly/41UVrdw
ธนาคารกสิกรไทย. มีเงินล้านแรกแล้ว ลงทุนยังไงต่อดี, จาก https://bit.ly/41UVrdw
ธนาคารกสิกรไทย. อยากลงทุนอสังหาฯ เริ่มยังไงดี? ให้ได้ผลตอบแทน อย่างคุ้มค่า, จาก https://bit.ly/43VPajO
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย. ตราสารหนี้, จาก https://bit.ly/3UYmO4r
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย. กองทุนรวม, จาก https://bit.ly/43XRJSf
โฆษณา