9 มี.ค. เวลา 14:23 • ดนตรี เพลง

[รีวิวอัลบั้ม] Boy, I Can’t Stay With You All Night - TELEx TELEXs >>> คืนเหงาๆเคล้าขมขื่น

“โอ้โหเธอ หวานต้นขมปลายจัง”
-นี่คือรสชาติที่ผมสัมผัสได้จากอัลบั้มชุดที่ 3 ของ 3 สมาชิก (ออม-นาว-ปิ้ว) ชาวคณะเทเล็กซ์เทเล็กซ์ที่ไม่น่าเชื่อเลยว่า วันเวลาของพวกเขาจะผ่านพ้นไปรวดเร็วเป็นพิเศษ ไม่ทันไรการเดินทางของพวกเขาก็เดินทางมาถึงสตูดิโออัลบั้มลำดับที่ 3 แล้วด้วยเวลาเพียง 9 ปีเท่านั้น เริ่มต้นด้วยซิงเกิ้ลสุดคลาสสิค Bad Old Day ที่เปิดหัวด้วยการตัดพ้อไปเลย ปล่อยผลงานเพลงในรูปแบบอีพีอัลบั้มและซิงเกิ้ลอย่างสม่ำเสมอ จนถูกรับรู้ถึงคาแรคเตอร์ของหนุ่มสาวยุคดิจิตอลที่รักสนุกแต่ก็ขี้เหงาพอกัน
-ในขณะที่การประสบพบเจอกับความรักนั้นก็ค่อนข้างหวือหวาจนสามารถปรับตัวได้อย่าง “เฟียส” ไปกับคลื่นรักๆเลิกๆอันแสนฉูดฉาด จนกระทั่งอัลบั้มนี้ ผมกลับมีความรู้สึกว่า วันวานความเป็นหนุ่มสาวอันร้อนแรงค่อยๆเร่งโทนความจ๋อยและ realistic ขึ้นไปอีก
-ต่อให้หน้าปกอัลบั้มและรูป promo สมาชิกวงจะสุดแซ่บแค่ไหนก็ตาม มันก็แค่ฉากหน้าที่ยั่วให้คนไปฟังก็เท่านั้น คอนเทนท์โดยรวมจริงๆแล้ว ไม่ค่อยอีโรติคเลย ทุกเพลงรวมกันแทบจะห่างไกลจากเพลง #กลับไป เลยด้วยซ้ำ มู้ดแอนด์โทนส่วนใหญ่โคตรเหงาไปกว่า 80% แล้ว
-ไม่ค่อยมีเพลงไหนที่บ่งบอกความเป็น one night stand นอกเสียจากสไตล์การตัดพ้อที่เราคุ้นเคยกันอย่างดี โดยเฉพาะซิงเกิ้ล #ใช่หรอวะ ที่ชวนระลึกถึงความเป็น TELEx TELEXs ดั้งเดิมมากที่สุด แต่ก็เริ่มจำเจเหมือนกัน เมื่อเทียบกับ #เธอไม่ต้องกลับมา (Just Don’t) ที่ได้ โจริญ 4EVE แขกรับเชิญเพียงคนเดียวในอัลบั้มมาร่วมแจม กลับกลายเป็นบัลลาดซินธ์ป็อปอารมณ์ตัดพ้อที่เจ้มจ้นยิ่งกว่า หลีกหนีความจำเจของสูตรสำเร็จตัวเองได้แนบเนียน
-ยังดีที่มีเพลงตัดพ้อที่ติดขี้เล่นหน่อยอย่างเพลง #Halloween ที่ตอนปล่อยออกมาแรกๆ ผมรู้สึกเฉยๆ แต่พอฟังไปฟังมาก็เพิ่งค้นพบว่า กรูฟตอนขึ้นเพลงโคตรเท่ห์เลยครับจารย์ กลายเป็นเพลงที่ดันมาสร้างสีสันอันเล็กๆน้อยๆภายใต้ความเหงาหม่นๆอันเป็นมู้ดแอนด์โทนส่วนใหญ่ในอัลบั้มนี้ ไตเติ้ลแทร็ค Boy, I Can’t Stay With You All Night ที่เป็น instrument บรรเลง ตอนแรกคิดไว้ว่า มันต้องวาบหวามแน่ๆ ที่ไหนได้เมโลดี้แทบจะมาเวย์คลี่คลาย แลดูเป็นมิตรในแบบที่ “แกก็จะน่ารักเกินไปล่ะ”
-ถึงแม้ว่าจะมีความไม่ตรงปกมากพอสมควร แต่ก็ไม่ได้รู้สึกเสียหายหรือขัดใจซะทีเดียว เนื่องด้วยคอนเทนท์แห่งความเหงาเคล้าขมขื่นที่ถูกร้อยเรียงอย่างแข็งแรงนี่เองกลับทำให้เราไม่ต้องไป strict ที่ชื่อหรือปกอัลบั้มให้พาไปในทางที่ควรจะเป็นซะทีเดียว อย่างน้อยเราก็ได้เห็นพาร์ทแห่งการเติบโตที่ไปในทิศทางน่าเห็นใจ อยากเอาใจช่วยให้พวกเขาผ่านพ้นวันคืนอันโหดร้ายไปได้
-อาจจะเป็นเพราะการ relate ประสบการณ์ตรงของคุณออมที่เพิ่งเผชิญความสูญเสียคนรัก และการที่ออมเผยความรู้สึกเกี่ยวกับอัลบั้มนี้ด้วยว่า “มันยากมากๆที่จะถ่ายทอดอะไรแบบนี้” ซึ่งผมเข้าใจเลยครับ นั่นก็ทำให้ผมมี perspective ต่ออัลบั้มชุดนี้ในมุมที่ขมขื่นเป็นพิเศษ
-ซิงเกิ้ลแรกเปิดตัวภายใต้ค่ายใหม่ Juicey และยังเป็นแทร็คแรกเปิดอัลบั้ม Paris เป็นเพลงคลั่งรักหวานปะแล่มแค่แทร็คเดียวในอัลบั้มเท่านั้น ต่อจากนั้นก็พาไปสู่ความไม่ได้ดั่งใจอะไรหลายๆอย่างทั้ง mental health ยอดนิยมของคนยุคนี้อย่างเพลง #นอน (burnout)
-การจมอยู่กับความผิดหวังประหนึ่งจมอยู่กับค่ำคืนอันแสนยาวนานในเพลง #ดาว (Let Me) บัลลาดเปียโนที่การถ่ายทอดอารมณ์ของออมค่อนข้างหม่นชวนระลึกถึงเพลงสุดท้าย(ซึ่งขอเก็บไว้พูดถึงในช่วงสุดท้าย) การเสริมด้วยท่อน bridge ของปิ้วที่ช่วยปลอบประโลมความเศร้าของเพื่อนได้ถูกเวลา
-ความเชิดใส่ประชดประชันที่แฝงความเยาะเย้ยในทีกับเพลง #มันจบไปแล้ว (It’s Over) ที่มีความเป็นอาร์แอนด์บีผสมโรงอยู่ด้วย เพลงโหมดเหงาๆที่โคตรเท่ห์และเป็นไฮไลท์เด็ดในอัลบั้มชุดนี้คงหนีไม่พ้น #การเต้นรำของเงา (Eclipse) ที่หยอกล้อกับความเหงาด้วยท่วงท่า post-punk สุดขรึมกว่าครั้งไหนๆ
-พอเข้าสู่ 3 แทร็คสุดท้ายเป็นการทิ้งทวนด้วยความขมขื่นของจริง เริ่มจาก timetosaygoodbye. ที่ทำให้เรารู้ซึ้งถึงความเก่งกาจที่มากกว่าการทำเพลงสนุกๆ เพลงเศร้าพวกเขาก็ขยี้บ่อน้ำตาให้ปล่อยโฮได้เอาเรื่องเหมือนกัน #ฤดูร้อนที่ไม่มีเธอแล้ว เป็นความ shiny ที่ไม่ประนีประนอมความเหงาเลยแม้แต่น้อย โทนเพลงสว่างที่หนักข้อความห่วงหาปนความเสียดายที่ยิ่งไปพักร้อนที่ไหน เป็นอันไม่นึกถึงคนที่เคยไปด้วยกันไม่ได้จริงๆ
-ปิดท้ายด้วยเพลง #รอ (Endless) อคลูสติคที่บ่งบอกความ personal ของคุณออมที่เพิ่งสูญเสียคนรักอย่างไม่มีวันกลับ เป็นการปิดท้ายอัลบั้มที่ขมปี๋ผิดจากอัลบั้มที่แล้วๆมาที่มักไปทางอบอุ่น ซาบซึ้งใจ นั่นก็ทำให้เพลงแรกอย่าง Paris กลายเป็นเพียงฝันหวานเมื่อวันวานไปโดยปริยาย
-ถึงแม้ว่าจะยังไม่มีอะไรใหม่ ลดความหวือหวาลงเยอะพอสมควร ด้วยความที่พวกเขาเองก็ยังไม่อยากจะทดลองอะไรใหม่ๆไปมากกว่านี้ แต่สิ่งหนึ่งที่ผมรับรู้ได้เลยคือ เป็นการเติบโตที่เริ่มเจ็บปวด การผ่านพ้นความสนุกเพื่อเข้าสู่ระยะแห่งการทำใจต่อจากนี้
-นั่นก็ทำให้บริบทของชื่ออัลบั้ม Boy, I Can’t Stay With You All Night ไปไกลกว่าบริบท one night stand ความสัมพันธ์ที่ชั่วคราวไม่ยึดติดของคนยุคนี้ แต่กลับกลายเป็นการโอบกอดความเหงาที่ถึงคราวต้องอยู่คนเดียว โดยที่ไม่มีใครสามารถอยู่กับเราได้ชั่วกาลปาวสานอย่างแน่นอน สุดท้ายก็เป็นการเติบโตที่เพิ่มพูนด้วยหัวจิตใจของการโอบกอดที่มีแต่ความเข้าใจที่ลุ่มลึกขึ้นเรื่อยๆของหนุ่มสาวที่เผชิญความเลวร้ายของชีวิตไม่ต่างกัน นี่คืออัลบั้มที่ขมมากๆของ TELEx TELEXs ที่ความ catchy ก็ไม่ได้จืดจางลงไปเสียทีเดียว
Give 7.5/10
Thx 4 Readin’
See Y’all
โฆษณา