11 มี.ค. เวลา 12:00 • การ์ตูน

ความคิดบางประการเกี่ยวกับ Jujutsu Kaisen

ตัวผมเองไม่ค่อยติดตามอนิเมะหรือมังงะโชเน็นมากมายขนาดนั้นครับ หลาย ๆ ครั้งที่ตามโชเน็น หรือมังงะ/อนิเมะ แนวใช้พลังต่อสู้ก็เพียงเพราะมันเป็นเรื่องที่มีคนพูดถึงอยู่เยอะ ก็เลยลอง JJK เป็นหนึ่งในเรื่องนั้นครับ Trope ของ JJK ไม่มีอะไรไหมเลยครับ แต่เราอาจจะกล่าวได้ว่า เป็นเรื่องที่ผสมผสานความเป็นโชเน้นทั้งหมดมาไว้ในเรื่องเดียว ไม่ว่าจะมีพระเอกที่จิตใจดี แก๊งสองหนุ่มหนึ่งสาว ปีศาจที่สถิตอยู่ในตัวพระเอก อาจารย์ผมขาวมีผ้าปิดหน้า และการต่อสู้กับสัตว์ประหลาด
ซีซั่นหนึ่งจบไปอย่างไม่มีอะไรหน้าแปลกใจเท่าไหร่ ผมจัดให้อยู่พอ ๆ กับดาบพิฆาตอสูรที่มีเรื่องราวไม่ซับซ้อนอะไร และตรงตามความเป็นโชเน็นทุกก้าว สิ่งที่ผมคิดก็คือ มันไม่ได้พิเศษอะไร ดูเอาสนุก ๆ ก็ดี และเป็นเรื่องที่ทำให้ผมกลับมาสู่วงการอนิเมะอย่างเต็มตัวหลังจากห่างหายไปหลายปี แต่เมื่อซีซั่นสองจบลง มันกลับมาบางอย่างที่ผมคิดแล้วเอาออกจากหัวไม่ได้ ผมรู้ว่ามันคืออะไร แต่เรียบเรียงออกมาไม่ค่อยถูก มันไม่ใช่เรื่องที่พิเศษอะไร แต่เป็นความคิดที่ผมว่าน่าสนใจไม่น้อยครับ
เนื้อหาที่ผมจะพูดถึงครอบคลุมเนื้อหาส่วนที่ฉายแล้วในอนิเมะ โดยที่ผมจะไม่ไปแตะต้องเนื้อหาในมังงะส่วนที่เหลือครับ
โชโกะ โกโจ เกโท
ก่อนหน้านั้น ผมขอบ่นอย่างหนึ่งครับ ผมว่าจะพูดถึงมาสักพักแล้ว แต่หาโอกาสไม่ได้ นั่นคือ รางวัลอนิเมะของ Crunchyroll แน่นอนว่ารางวัลอนิเมะแห่งปี JJK ซีซั่นสอง ส่วนของ Hidden Inventory ชนะไป และผมมีความเห็นของผมอยู่ แต่ที่จะพูดถึงไม่ใช่ตรงนั้นครับ ผมตื่นมาทันประกาศรางวัลตัวละครสมทบยอดเยี่ยมพอดี ผมเชียร์เรย์เก้น ใน Mob Psycho 100 III มาก ๆ ผมคิดว่าเป็นตัวละครที่ยอดเยี่ยมที่สุดตัวหนึ่ง แต่โกโจชนะ อันนี้ผมไม่เห็นด้วย
ที่ผมไม่เห็นด้วยนั้นไม่ใช่เพราะโกโจ ซาโตรุไม่ใช่ตัวละครที่ไม่ดีนะครับ ผมว่าเป็นตัวละครที่ดีมาก ๆ และชื่นชมผู้เขียนที่สามารถเขียนตัวละคร OP ออกมาได้ดี เพราะว่ามันยากมาก ๆ ที่จะทำเรื่องราวที่มีตัวละครอย่างนี้อยู่ในเรื่อง ความพยายามนั้นเป็นเรื่องที่น่านับถือครับ แต่ที่ผมไม่เห็นด้วยก็คือ โกโจมันไม่ใช่ตัวละครสมทบแล้ว แน่นอนว่ายูจิเป็นพระเอก แต่ว่ารางวัลให้ JJK Hidden Inventory Arc ซึ่งในช่วงนั้น โกโจเป็นพระเอก ผมคิดว่า เอาโกโจมารับรางวัลนี้ไม่ถูกต้องนักครับ
JJK ss 2 ชนะรางวัลอนิเมะแห่งปี โดย Crunchyroll
อย่างไรก็ตาม คิดซะว่าโพสนี้เป็นโพสแสดงความยินดีให้กับ JJK ที่ชนะรางวัลอนิเมะแห่งปี 2024 โดย Crunchyroll ก็แล้วกันครับ
เอาละ กลับเข้าเรื่องมาดีกว่าครับ ผมไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้เขียนถึง JJK มาน้อยแค่ไหนในอนาคต งั้นผมจะใส่ประเด็นนี้เข้าไปด้วยก็แล้วกันครับ JJK ดำเนินเรื่องราวที่แตกต่างจากเรื่องอื่น ๆ อย่างเห็นได้ชัดเจนมาก ๆ ครับ เอาเทียบใกล้ ๆ กันก็แล้วกัน โชเน็นทั่วไป ที่เหล่าตัวละครพระเอกจะต้องพยายามฝึกฝนอย่างหนักเพื่อที่จะไปต่อกรกับตัวร้ายที่จิตใจไม่ได้ เพราะว่าเหล่าตัวร้ายมีพลังที่โหดกว่าเหล่าพระเอกอย่างมาก ตัวร้ายเป็นเป้าหมายของเหล่าพระเอกนั่นเอง
ยกตัวอย่างเช่น Bleach ที่มีอิทธิพลต่อเรื่อง JJK อย่างมาก อิจิโกะจะต้องฝึกฝนกับอุราฮาระ (The Goat) เพื่อที่จะไปสู้กับโกเทย์ 13 เพื่อช่วยรูเคีย ต่อจากนั้นก็ต้องมาฝึกอีกเพื่อสู้กับไอเซ็น ตอนนี้ต้องสู้กับควินซี่ ในแต่ละครั้ง อิจิโกะมีอุปสรรคที่จะต้องก้าวข้ามไปให้ได้อยู่เสมอ
แต่สิ่งที่เห็นได้อย่างชัดเจนใน JJK ก็คือมันไม่ใช่แบบนั้นเลยครับ เหล่าตัวร้ายต่างหากที่จะต้องพัฒนาตัวเองเพื่อที่จะมาต่อกรกับพวกพระเอก ตัวอย่างก็เห็นกันอย่างง่าย ๆ ครับ การมีตัวตนอยู่ของโกโจ ซาโตรุ เขากลายเป็นอุปสรรคของเหล่าคำสาปที่ไม่กล้าทำอะไรเลยหากโกโจยังอยู่ ดังนั้น ฝ่ายที่จะต้องพัฒนาและวางแผนเพื่อให้ไปถึงเป้าหมายก็คือตัวร้าย เพราะสุดท้ายแล้ว เหล่าพระเอกไม่ได้มีเป้าหมายอะไร แค่ทำตามหน้าที่ที่มีอยู่แล้วมาตั้งแต่ต้น ตัวร้ายต่างหากที่ต้องพยายาม
ดาก้อน โจโก ฮานามิ
เรื่องของความพยายามเป็นหัวใจและบทเรียนหลักของโชเน็นต่อสู้ครับ ย้อนกลับไปตั้งแต่สมัยดราก้อนบอลเลย แต่กลับกลายเป็นว่า บทบาทนั้นกลับกันนั่นเอง เราเห็นได้จากชิบุย่า ตั้งแต่ก่อนและจนจบ ฝ่ายสมองคำสาปต้องวางแผนอย่างยาวนานเพื่อทำอะไรสักอย่างหนึ่ง แต่ทำไม่ได้เพราะมีคนอย่างโกโจอยู่ ตอนที่ศึกชิบุย่าเริ่มขึ้น ฝ่ายพระเอกไม่ได้มีแผนอะไรมากมาย ไม่ได้มีการฝึกฝนอะไรอย่างจริงจัง เหมือนเป็นการมาทำงานเฉย ๆ แต่ฝ่ายตัวร้ายกลับต้องวางแผนมากมายเพื่อเอาโกโจลง
มันเป็นการกลับหลัง Trope โชเน็นที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดครับ การมีตัวตนอยู่ของโกโจนั้น อย่างที่เขาบอก เป็นการสะดุดสมดุลระหว่างคนและคำสาป มันทำให้คำสาปจะต้องพยายามและพัฒนามากขึ้น มากขนาดว่า หากเรื่องราวกลับด้านกัน คำสาปก็เป็นฝ่ายพระเอกได้อย่างง่าย ๆ ทั้งเรื่องความพยายาม ความสัมพันธ์ระหว่างมิตรสหาย หากจะให้เรื่องกลับมาเป็นโชเน็นปกติ โกโจจะต้องไม่รู้ เพื่อกระตุ้นให้เหล่าพระเอกเก่งขึ้น
เพราะฝ่ายพระเอก หากไม่มีโกโจอยู่เลย พวกเขาแทบไม่มีอะไรพิเศษเลยครับ เท่าที่เห็น คำสาประดับพิเศษไม่ได้ถูกกำจัดโดยนักไสยเวทย์ของโรงเรียนเลย ฮานามิโดนโกโจฆ่า (ซึ่งเป็นข้อยกเว้น เพราะนั่นคือโกโจ) ดาก้อนโดนโทจิคือชีพฆ่า โจโกโดนสุคุนะเผาตาย มาฮิโตะ แม้ว่ายูจิเป็นผู้ชนะ แต่สุดท้าย “เกโท” เป็นคนฆ่า หากไม่มีโกโจ ฝ่ายโรงเรียนไสยเวทย์ก็ไม่มีอะไรเลย ผมจึงเข้าใจว่า ทำไมเกเกะถึงไม่ชอบโกโจ
อีกเรื่องหนึ่งคือประเด็น พระเอกมีสิ่งชั่วร้ายสิ่งอยู่ในตัว ซึ่งเป็น Trope แบบ นารุโตะที่มีคุรามะสิ่งอยู่ ซึ่งในตอนแรก คุรามะก็เป็นสิ่งที่ไม่ดี แต่อาจจะด้วย Talk no Jutsu ของนารุโตะ คุรามะก็กลายมาเป็นเหมือนสัตว์เลี้ยงตัวหนึ่งของนารุโตะ ซึ่งผมก็ไม่ติดใจอะไร แต่มาใน JJK ที่มียูจิกับสุคุนะ ตอนแรกผมก็คิดว่ามันก็แบบเดียวกันนี่นา แต่เมื่อเวลาผ่านไปแล้วก็รู้ได้ว่า มันไม่เหมือน อาจจะตั้งแต่เรื่องของจุนเปย์เป็นต้นไป
สุคุนะ
สุคุนะไม่ใช่สิ่งที่จะกลับกลายมาเป็นดีได้ ไม่ใช่สิ่งที่เราจะมานั่งคุยด้วยได้ มันคือคำสาปที่ชั่วร้ายบริสุทธิ์ ดังนั้น ตัดเรื่องที่ว่ามันจะมาเป็นพวกพระเอกได้เลย และเอาจริง ๆ หากไม่ใช่ระดับสุคุนะ มันก็ไม่มีตัวร้ายอื่นที่จะโหดจัดมาสู้กับระดับโกโจแล้ว ดังนั้น มันจึงแตกต่างจากแนวโชเน็นที่เราเห็น ๆ กันทั่วไป นั่นคือ ในเรื่องการสยบความชั่วร้ายที่มีในจิตใจของพระเอก
จริง ๆ ต่อประเด็นเหล่านี้ ผมเคยมีความคิดที่จะเขียนโพสหนึ่งเกี่ยวกับอนิเมะสองประเภทครับ ประเภทที่หนึ่งคืออนิเมะที่คนที่ไม่ได้ติดตามอนิเมะอยู่แล้วสามารถดูได้ ซึ่งจัดเป็นอนิเมะที่สามารถแนะนำง่าย และประเภทที่สองหรืออนิเมะที่เหมาะสมสำหรับคนที่ติดตามอนิเมะมาอยู่แล้ว เพราะมีหลากหลายองค์ประกอบที่คนที่ดุอนิเมะอยู่แล้วจะสามารถเข้าถึงและชื่นชมได้ลึกซึ้งมากขึ้น ผมต้องขอบอกว่า JJK จัดเป็นอนิเมะประเภทหลังครับ
เอาละ ผมจะได้พูดถึงเรื่องที่ว่าจะเขียนหน่อย เนื้อหาคือเรื่องของภาค Hidden Inventory ครับ ผมว่าตลอดเรื่อง JJK ภาคนี้เขียนออกมาอย่างมีความเป็นมนุษย์ที่สุด เรื่องราวเล่าถึงคู่หูที่เก่งที่สุด นั่นคือ โกโจ และ เกโท และการแตกหักระหว่างสองเพื่อนรัก
เกโทและโกโจ
จริง ๆ มันไม่ใช่เรื่องใหม่อะไรเลยครับ เราเห็นแนวนี้บ่อย ๆ กล่าวคือ คู่หูที่เก่งมาก และรักกันมาก แต่แตกหักกันเพราะอุดมการณ์ที่ต่างขั้วกันจนจะต้องมาสู้กันเอง นั่นคือ ฝ่ายคนดีมีความคิดที่จะใช้พลังของตัวเองช่วยเหลือคนที่ไม่มีพลัง หรืออยู่ร่วมกัน แต่อีกฝ่ายหนึ่งต้องการกำจัดหรืออยู่เหนือผู้ที่ไม่มีพลัง เราเห็นได้จากศาสตราจารย์เอ็กซ์และแมคนีโต้ ใน X-Men หรือ ดัมเบิลดอร์กับกรินเดอวอล์ด ในแฮรี่ พอตเตอร์
หากเรานับว่าแนวนี้เป็นมาตรฐานการเล่าเรื่อง เรื่องราวระหว่างโกโจและเกโทก็คือขยับขึ้นไปอีกขั้น ในภาคนี้เราเห็นว่า ทั้งสองเริ่มมาคล้ายกัน แต่กลับด้านกัน เกโทต่างหากที่เคยมีความคิดอยากจะใช้พลังของตัวเองเพื่อปกป้องคนที่ไม่มีพลัง ในทางกลับกัน โกโจไม่ได้มีความคิดขนาดว่าอยากจะใช้พลังเพื่อตัวเองอะไรอย่างไร แต่ตามคำพูดเขาเอง
“ฉันละเบื่อเรื่องข้อถกเถียงทางศีลธรรมเหลือเกิน”
แบร่
แน่นอนว่าผมที่เรียนมาในทางปรัชญาเกี่ยวข้องกับเรื่องพวกนี้ ย่อมมีความรู้สึกแปลก ๆ อย่างน่าสนใจอยู่ เลยจะลองดูหน่อยว่ามันจะเป็นแบบไหน เพราะเรื่องใช้พลังเพื่ออะไรสักอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเพื่อตัวเอง เพื่อพวกพ้องที่มีพลังเหมือนกัน หรือเพื่อปกป้องคนที่อ่อนแอกว่า ย่อมเป็นข้อถกเถียงทางศีลธรรมที่น่าเบื่อในมุมมองของผม
เรื่องราวเล่าได้ดีครับ เพราะเราดูภาค JJK 0 มาก่อน เราจึงรู้ว่า เกโทที่เรารู้จักนั้นมีอุดมการณ์อย่างไร และโหดร้ายขนาดไหน แต่เมื่อเปิดซีซั่นสองมาแล้วเห็นเกโทเป็นหนุ่มใส ๆ ที่มีอุดมการณ์เพื่อคนอื่นอย่างแรงกล้ายิ่งกว่าพระเอกทั่ว ๆ ไป มันทำให้ผู้ชมสงสัยและสนใจว่า อะไรเกิดขึ้นถึงทำให้คน ๆ หนึ่งเปลี่ยนแปลงไปได้มากขนาดนี้ และเราก็ได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นไม่กี่วันที่ทำให้คน ๆ หนึ่งเปลี่ยนแปลงไป Joker ใน The Dark Knight โดยคริสโตเฟอร์ โนแลนด์ กล่าวไว้ด้วยประโยคตำนาน
“ความบ้าคลั่ง ก็เหมือนแรงโน้มถ่วง เพียงต้องการแค่แรงผลักเท่านั้น”
Joker จาก Dark Knight
เกเกะเอาเกโทเข้าไปใส่ในสถานการณ์อะไรสักอย่างหนึ่ง และดูพัฒนาการการเปลี่ยนแปลงของตัวละครนั้นโดยไม่ต้องปรุงแต่งอะไร เขาเริ่มจากเอาตัวละครที่มีอุดมการณ์ที่ต้องการปกป้องช่วยเหลือคนธรรมดาที่ไม่มีพลังอะไร และเอาทำสถานการณ์ที่ว่า คนที่เขาตั้งใจจะปกป้องนั้นกลับกลายเป็นกลุ่มคนที่ทำร้ายเขาเสียเอง มันจะเป็นอย่างไร แน่นอนครับ บทสรุปก็คือ เกโทจิตพังทลาย
ความรู้สึกสิ้นหวัง และตั้งคำถามกับตัวเอง ความหมายในการมีตัวตนและการกระทำของตัวเอง สิ่งเหล่านั้น อย่างที่เกโทกล่าวกับโกโจ มันเป็น “สิ่งที่สำคัญ โดยเฉพาะนักไสยเวทย์อย่างเรา ๆ” แต่จะเป็นอย่างไร เมื่อความหมายเหล่านั้นกลับมากัดตัวเราเอง การต่อสู้อย่างเอาเป็นเอาตาย เอาชีวิตตัวเองไปเสี่ยง ชีวิตเพื่อน ๆ ไปเสี่ยง เพื่อคนที่ไม่เห็นเขา และยังทำตรงกันข้ามกับเขา มันยังเป็นเหตุผลที่จะต้องต่อสู้อีกเหรอ มันยังเป็นเหตุผลในการมีตัวตนที่ฟังขึ้นอยู่หรือไม่
เมื่อเหตุการณ์โทจิเกิดขึ้น โกโจเกือบตาย ริโกะและคุโรอิตาย ด้วยมือของชายที่ไม่มีพลังไสยเวทย์เลย มันทำให้เกโทเปลี่ยน ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องที่ถูกต้องในหลายรูปแบบที่ให้คนอย่างโทจิได้รับบทบาทนั้น เพราะอย่างที่ยูกิบอกครับ ไม่มีใครที่เกิดมาไม่มีพลังเลย แต่โทจิพิเศษที่พลังมีเป็นศูนย์ คนที่ทำร้ายเกโทไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นมนุษย์ “ธรรมดา ๆ” ที่ไม่มีพลังอะไรทั้งสิ้น เป็นศูนย์
โทจิ
ในขณะที่เกโทกำลังเปลี่ยนแปลง ไฮบาระ คู่หูของนานามิปรากฏตัวขึ้นด้วยรอยยิ้มที่เฉิดฉาย เต็มไปด้วยพลังสดใสและพลังบวกสุด ๆ เด็กที่มีอุดมการณ์แน่น ไม่ต่างจากเขาที่เคยเป็น ผมมานั่งคิดดูแล้ว ผมคิดว่า ความตายของไฮบาระนั้นมันมากไปกว่าความตายของเพื่อนคนหนึ่งที่ทำให้เกโทตระหนักได้ว่า เขาทำเพื่ออะไร ทำไมเขาไม่ใช้พลังของเขามาเพื่อปกป้องคนอย่างเขา ๆ แทนที่จะใช้เพื่อใครก็ไม่รู้
ที่ผมคิดเช่นนั้น เพราะว่า ไฮบาระเปรียบเสมือนตัวแทนของเกโทคนเก่า ที่เต็มไปด้วยพลังบวก อุดมการณ์แบบพระเอก ที่นั่งอยู่ตรงนั้น คือเขาคนเก่า และเขาที่กำลังจะเปลี่ยน และเมื่อไฮบาระตาย มันไม่ใช่แค่ความตายของเพื่อนร่วมงานคนหนึ่ง แต่มันสะท้อนถึงความตายของตัวตนคนเก่าของเกโท และนั่นคือฟางเส้นสุดท้าย
ไฮบาระ
ในอีกด้านหนึ่งละ โกโจเป็นอย่างไร ต่างจากเกโทนะครับ เพราะเริ่มแรก โกโจไม่ได้มีเหตุผลอะไรไปมากกว่าทำตามหน้าที่นักไสยเวทย์เท่านั้น ไม่ได้มีความคิดว่าจะต้องเอาพลังตัวเองไปเพื่อปกป้องใครทั้งนั้น ดังนั้น ความแตกต่างในการเปลี่ยนแปลงของโกโจนั้นคือ เขาไม่ได้เปลี่ยนแบบหน้ามือเป็นหลังมืออย่างเกโท แต่เป็นการสร้างความหมายอะไรสักอย่างในการมีตัวตนของเขา ในฐานะบุคคลที่แกร่งที่สุด
แต่ความตายของริโกะสอนอะไรอย่างหนึ่งให้แก่เขา ไม่ใช่เรื่องที่ว่าเขาควรจะใช้พลังเพื่อปกป้องใคร หรือเพื่ออยู่ร่วมกัน เพราะนั่นไม่ใช่สิ่งที่เขาคิดตั้งแต่แรก โกโจไม่เคยมองตัวเองว่าเป็นผู้ช่วยโลกอะไรแบบนั้น แต่ตอนนั้น เขารู้ว่า เขาไม่สามารถช่วยเหลือทุกคนได้ และเป็นความคิดที่ติดตัวเขามาโดยตลอด แม้ว่าเขาจะเก่งขนาดไหน เขาก็ไม่สามารถปกป้องทุกคนไว้ได้หมด มันเป็นความตระหนักรู้ของคนที่อยู่เหนือที่สุด นอกจากความเหงาและความโดดเดี่ยวนั้นแล้ว ก็คือความเสียใจ
โกโจไม่เปลี่ยนครับ เขายังไม่ได้ตั้งเป้าจะปกป้องใคร อย่างที่เขากล่าวไว้เอง เขาไม่สามารถปกป้องใครที่ไม่พร้อมได้รับการปกป้องนั้น คนอื่น ๆ ย่อมต้องเก่งขึ้นด้วยเช่นเดียวกัน มันไม่ใช่เรื่องของความควรค่าในการปกป้อง แต่คือเรื่องของความสามารถในการช่วยเหลือตัวเอง โกโจเป็นเพียงแค่ Safety net ทุกคนต้องช่วยเหลือตัวเองให้ได้ถึงระดับหนึ่งก่อน การช่วยเหลือของโกโจจึงจะสำเร็จ และนั่นคือเหตุผลที่โกโจกลับมาเป็นอาจารย์ที่โรงเรียนไสยเวทย์
โกโจมารับเมงุมิ
เพื่อที่จะผลิตนักคุณไสยที่เก่งขึ้นเรื่อย ๆ เก่งให้มากพอที่จะไล่ตามหลังเขาได้ทัน แม้ว่าผมจะบอกว่าก่อนหน้านี้ว่า โกโจไม่ควรจะอยุ่ในมวดหมู่ตัวละครสมทบ เพราะในภาคนั้นเขาเป็นเหมือนพระเอกไปแล้ว แต่เมื่อเทียบกับเรื่องทั้งผม เขาไม่เคยเป็นตัวเอก เขาไม่ได้มีเป้าหมายอะไรที่ยิ่งใหญ่ เขาเป็นเพียงอาจารย์ที่ผลักดันให้นักเรียนของเขาเก่งขึ้นพอ ๆ กับเขา เพื่อที่จะใช้ความสามารถเหล่านั้นไปคว้าเป้าหมายของแต่ละคนเท่านั้น ผมว่า นั่นคือความหมายและบทบาทของโกโจ ซาโตรุ
“ความหมายเป็นสิ่งที่สำคัญ โดยเฉพาะนักไสยเวทย์อย่างเรา ๆ” คือสิ่งที่เกโทกล่าว เมื่อย้อนเวลากลับมาปัจจุบัน ยูจิมีความหมายอะไรในการมีตัวตนและการกระทำของเขา ยูจิ ในตอนแรก เป็นเหมือนพระเอกทั่ว ๆ ไปของโชเน็น ที่มีความใฝ่ฝันอะไรสักอย่าง ซึ่งในเรื่องนี้ เป้าหมายของเขามีเพียงความตายที่มีความหมาย ความตายที่รายล้อมไปด้วยเพื่อน ๆ เพื่อให้เป้าหมายนั้นรุร่วง เขาจะต้องต่อสู้กับคำสาปเพื่อช่วยเหลือมนุษย์และพองเพื่อน
ยูจิ
ผมว่านานามิเห็นไฮบาระในตัวยุจิ ความสดใส ความสว่างไสว ความหมายของยูจิมีเพียงแค่เพื่อปกป้องคนอื่น แต่สิ่งที่มาฮิโตะกล่าวระหว่างต่อสู้กันนั้นมีความสำคัญในหลายแง่มุมครับ แต่ผมคิดว่ามันจางมากจนสามารถตีความได้หลายรูปแบบมากเกิน นั่นคือ ยูจิไม่ต่างอะไรจากมาฮิโตะ
มาฮิโตะถามยูจิว่า ยูจิฆ่าคำสาปไปมากเท่าไหร่ ได้นับบ้างไหม เพราะมาฮิโตะไม่ได้นับว่าเขาฆ่าคนไปเท่าไหร่ และเมื่อการต่อสู้จบลง ยูจิยอมรับครับ เขาเหมือนกับมาฮิโตะ การกระทำของยูจิ การฆ่า การทำลาย เหตุผลเบื้องหลังนั้นไม่ต่างกัน เขาก็แค่ทำมัน ไม่ต่างอะไรกับการที่คำสาปทำร้ายมนุษย์ มันไม่จำเป็นจะต้องมีความหมายอะไร หากมาฮิโตะจะเกิดมาอีก เขาก็จะฆ่าอีก มันเป็นเพียงหน้าที่ของเขาที่ต้องกำจัดคำสาป มันไม่จำเป็นจะต้องมีจุดมุ่งหมายยิ่งใหญ่อะไร เป็นเพียงกลไกหนึ่งในเครื่องจักรนี้เท่านั้น
ยูจิ
ในโลกของไสยเวทย์ ในสงครามคำสาปนี้ ไม่มีใครที่สำคัญจริง ๆ ต่างคนต่างเป็นเพียงกลไกอะไรบางอย่างในสงครามนี้เท่านั้น ไม่มีอะไรพิเศษ ไม่มี U R MY SPECIALZ เพราะคนที่พิเศษก็พลาดได้ ก็เปลี่ยนแปลงได้ ก็ดีหรืออันตรายก็ได้ และคนเหล่านั้นที่พิเศษ ก็มีความหมายของตัวเองที่แตกต่างกันออกไป จริง ๆ แล้วก็ไม่ต่างอะไรจากตัวละครอื่น ๆ ตัวละครต่าง ๆ รู้บทบาทของตัวเอง ทำตามหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด แม้สุดท้ายแล้วตัวเองจะต้องจากไป
แน่นอนว่า JJK มีเรื่องที่น่าบ่นเยอะมาก ผมเองก็อยากจะเลิกติดตามไปไม่รู้จะกี่ครั้งแล้ว แต่อนิเมชั่นมันยอดเยี่ยมอะไรขนาดนั้น ในมังงะเองก็ตาม ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไรผมจึงยังติดตามอ่านอยู่รายสัปดาห์ อาจจะเข้าใจแล้วว่า ทั้งหมดนั้น ตัวละครที่เราชื่นชม เรื่องราวที่เราลุ้น ๆ กัน มันไม่ได้มีความหมายอะไร ไม่ต่างจากตัวละครที่อยู่ในเรื่อง ที่รู้ถึงความหมายของตัวเองอันน้อยนิดเหล่านั้น
ยูจิ
แม้ว่าผมจะไม่เห็นด้วยกับผลรางวัลอนิเมะแห่งปี แต่สุดท้ายก็ต้องยอมรับว่า JJK เป็นหนึ่งในโชเน็นที่ยอดเยี่ยมเรื่องหนึ่งของยุคครับ ท้ายที่สุดนี้ ผมก็ขอแสดงความยินดีด้วยกับอนิเมะ JJK ss2 และทีมงานอนิเมชั่นโหดจัดที่ผลิดผลงานชั้นยอดชิ้นนี้ออกมาให้พวกเรารับชมกัน
โฆษณา